13 มิ.ย. 2021 เวลา 10:41 • ประวัติศาสตร์
อาณานิคมที่หายไป "โรอาโนค"
เปิดหลักฐานล่าสุด ครบที่สุด เกิดอะไรขึ้นกับชาวอาณานิคมที่หายไป ความเป็นไปได้และทฤษฎีที่เคยมีมา ข้อสันนิษฐานล่าสุดจากนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ ร่วมพิสูจน์พร้อมกันได้ที่นี่
เรื่องราวของอาณานิคมที่หายไป เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1587 เป็นหนึ่งในเรื่องปริศนาที่ไขไม่ออกที่ดังที่สุดของประวัติศาสตร์อเมริกา เมื่อเรือโฮปเวลของอังกฤษ และเหล่าชาวอาณานิคม ผู้ที่ย้ายจากประเทศอังกฤษมาตั้งถิ่นฐานใหม่ในดินแดนของอเมริกา จำนวนกว่า 115 คน ได้มาถึงเกาะโรอาโนค บริเวณรัฐนอร์ทแคโรไลนาในปัจจุบัน
ในปีเดียวกันนั้นเอง ผู้ว่าการของอาณานิคมใหม่นี้ นามว่า จอห์น ไวท์ (John White) มีความจำเป็นต้องเดินเรือกลับไปยังอังกฤษ เพื่อขนเสบียงและข้าวของมายังอาณานิคมใหม่ ทว่าโชคร้ายที่การกลับไปยังอาณานิคมอเมริกาต้องล่าช้า เนื่องจากตอนนั้นอังกฤษติดพันสงครามกับสเปนอยู่ ในสมัยของพระราชินีอลิซาเบธที่ 1 (Elizabeth I) ทำให้เรือทุกลำที่ยังใช้การได้ ต้องถูกนำไปใช้ในสมรภูมิรบทางทะเลกับกองเรืออาร์มาด้าของสเปน
เมื่อสงครามจบลง ผู้การไวท์ได้หวนคืนสู่อาณานิคมโรอาโนคในปี 1590 หลังจากที่เขาได้ทิ้งภรรยา ลูกสาว และหลานสาวที่ยังเป็นทารก นามว่า เวอร์จิเนีย แดร์ Virginia Dare (เป็นทารกคนแรกที่เกิดในดินแดนอาณานิคมอเมริกา) รวมถึงชาวอาณานิคมคนอื่นๆไว้ที่นั้นกว่า 3 ปี
เวอร์จิเนีย แดร์ ทารกชาวอังกฤษคนแรกที่เกิดบนแผ่นดินอาณานิคมอเมริกา ขณะที่กำลังแบปติสท์ (Credit: https://www.britannica.com/biography/Virginia-Dare)
ทว่าเขาก็ต้องพบกับเรื่องประหลาดใจ เมื่อขึ้นฝั่งมาผู้การไวท์ไม่พบใครเลย ไม่พบบ้าน ที่อยู่อาศัย หรือร่องรอยใดๆที่บ่งบอกว่ามีคนอยู่ที่นี่แม้แต่น้อย
ผู้การไวท์พบกับคำว่า "Croatoan" หรือ "โครอาโทอัน" แกะสลักอยู่บนเสา
ก่อนหน้านี้ชาวอาณานิคมได้มีการตกลงกันว่าถ้ากลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานจะย้ายออกไปจากเกาะนี้ พวกเขาจะใช้รหัส C R O สลักไว้ที่ต้นไม้ รวมถึงสัญลักษณ์ไม้กางเขนที่จะบ่งบอกว่าพวกเขาต้องย้ายไปอย่างเร่งด่วน แต่ที่นี่ผู้การไวท์พบเพียงรหัส C R O และคำว่า Croatoan เพียงเท่านั้น ไร้ซึ่งร่องรอยของสัญลักษณ์ไม้กางเขน หรือร่องรอยอันตรายอื่นๆ
Credit: https://www.sciencemag.org/news/2018/06/archaeologists-start-new-hunt-fabled-lost-colony-new-world
ต้นไม้ที่สลักอักษร C R O ของจริงที่ Fort Raleigh National Historic Site บนเกาะโรอาโนค (Credit: https://www.ncmuseumofhistory.org/blog/virginia-dares-birthday)
"Croatoan" หรือ "โครอาโทอัน" เป็นชื่อเกาะทางตอนใต้ของโรนาโนค (ในปัจจุบันคือบริเวณ Hatteras Island) และเป็นพื้นที่ที่ชาวอเมริกันพื้นเมืองอาศัยอยู่
Credit: https://www.nationalgeographic.com/history/article/newfound-survivor-camp-may-explain-lost-colony-roanoke
ข้อสันนิษฐานและข้อโต้แย้ง
1. ข้อสันนิษฐาน : ชาวอาณานิคมโรอาโนคอาจถูกชาวอเมริกันพื้นเมืองฆ่าตายทั้งหมด
- ข้อโต้แย้ง : ชาวอเมริกันพื้นเมืองกลุ่มโครอาโทเอน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยุโรปก่อนหน้านี้แล้ว โดยมี แมนทีโอ หัวหน้าหนุ่มชาวโครอาโทเอน ที่ช่วยทำหน้าที่นักการทูต ล่าม ไกด์ ให้กับชาวอังกฤษที่เข้ามาในพื้นที่ และเขาเองก็เคยเดินทางไปลอนดอนถึงสองครั้งด้วยกัน โดยครั้งที่ 3 เขาได้ขึ้นเรือโฮปเวลมาพร้อมกับผู้การไวท์ และชาวอาณานิคมที่จะมาตั้งถิ่นฐานที่โรอาโนค จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะเกิดการทะเลาะวิวาทระหว่างชาวอเมริกันพื้นเมืองและกลุ่มชาวอังกฤษที่ย้ายเข้าไปใหม่ จนเป็นเหตุให้พวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แมนทีโอผู้นี้ยังเป็นชาวอเมริกันพื้นเมืองคนแรก ที่ได้เข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์นิกาย Church of England อีกด้วย
แมนทีโอ หรือ Manteo (Credit: https://www.resortrealty.com/blog/5-fast-facts-about-manteo/)
- ข้อโต้แย้งกลับ : ชาวอังกฤษที่ย้ายถิ่นฐานมาในปี 1587 ไม่ใช่กลุ่มแรกที่เพิ่งเดินทางเข้ามาบริเวณโรอาโนค การสำรวจพื้นที่นี้มีตั้งแต่ปี 1584 และปรากฏความขัดแย้งระหว่างชาวอังกฤษและชาวอเมริกันพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ก่อน โดยพวกเขาพยายามไล่ให้ผู้ที่มาใหม่ออกไปจากพื้นที่ของพวกเขา
ชาวอังกฤษที่ย้ายถิ่นฐานมาในปี 1587 เป็นกลุ่มที่ 3 ซึ่งประกอบไปด้วยผู้หญิงและเด็กกว่า 30 คน ไม่ได้มาเหมือนทีมสำรวจตอนแรกที่เป็นทหารและติดอาวุธ ถ้าจะมีการต่อสู้ระหว่าง 2 กลุ่ม เพื่อไล่ผู้ที่เข้ามาอยู่ใหม่ออกไปทั้งหมด ก็อาจเป็นไปได้ง่ายกว่า
ประกอบกับความสัมพันธ์ระหว่างชาวอเมริกันพื้นเมืองและชาวยุโรปที่ไปตั้งอาณานิคมก็ไม่แน่นอน แต่ละเผ่ามีลักษณะนิสัย และปฏิบัติต่อผู้เข้ามาใหม่ไม่เหมือนกัน
2. ข้อสันนิษฐาน : ชาวอาณานิคมได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น และอาจจะเป็นบริเวณที่ใกล้ๆ Jamestown หรืออาจจะอยู่ที่บริเวณใกล้ๆโรอาโนค และโครอาโทอัน
20 ปีต่อมาหลังจากปริศนาที่โครอาโทเอน อังกฤษได้ตั้งถิ่นฐานถาวรเป็นครั้งแรกบริเวณแม่น้ำเจมส์ ชื่อว่า Jamestown ตรงบริเวณที่ปัจจุบันคือรัฐเวอร์จิเนีย หัวหน้ากัปตันจอห์น สมิธ ได้เบาะแสจากชาวอเมริกันพื้นเมืองว่าพบกลุ่มคนยุโรปอาศัยอยู่บริเวณแผ่นดินใหญ่ของแคโรไลนา ทางตะวันตกของโรอาโนคและโครอาโทเอน
กัปตันจอห์น สมิธ (Credit: https://www.history.com/topics/colonial-america/john-smith)
แต่เมื่อชุดสำรวจของจอห์น สมิธ เดินทางไป เขาก็ไม่พบอะไรเลยเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของชาวอาณานิคมดังคำบอกกล่าวเลย
กระทั่งเขาไปสอบถามจากชาวอเมริกันพื้นเมืองเผ่า Powhatan หัวหน้าเผ่าได้บอกจอห์น สมิธ ว่าพวกเขาได้เป็นคนฆ่าชาวอาณานิคมที่โรอาโนคเอง และบางส่วนที่เหลือรอดก็ได้ไปอาศัยอยู่กับเผ่าอื่นๆแล้ว
- ข้อโต้แย้ง : นอกจากบันทึกของจอห์น สมิธ แล้ว นักประวัติศาสตร์และโบราณคดีก็ไม่เคยเจอหลักฐานอื่นๆที่สนับสนุนข้อกล่าวอ้างของหัวหน้าเผ่า Powhatan เลย
โพคาฮอนทัสกำลังห้ามหัวหน้าเผ่า Powhatan ไม่ให้สังหารกัปตัน จอห์น สมิธ (Credit: https://historyofyesterday.com/pocahontas-bc2b356090c)
3. ข้อสันนิษฐาน : ชาวสเปนที่ล่าอาณานิคมในแถบนี้ได้จับตัวชาวอาณานิคมอังกฤษไปฆ่าทั้งหมด
- ข้อโต้แย้ง : นักประวัติศาสตร์บางกลุ่มเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ จากความขัดแย้งและการแย่งอาณานิคมกันในสมัยนั้นระหว่างสเปนและอังกฤษ แต่ฝ่ายที่ไม่เชื่อก็แย้งด้วยหลักฐานว่า สเปนไม่เคยเจออาณานิคมโรอาโนคเลย เพราะไม่มีบันทึกเหล่านี้จากฝั่งสเปน
จากข้อสันนิษฐานและข้อโต้แย้งทั้งหมด นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า ชาวอาณานิคมจากอังกฤษที่มาตั้งถิ่นฐานที่โรอาโนคในปี 1587 หลังจากที่ผู้ว่าการไวท์ออกจากเกาะเพื่อกลับอังกฤษ พวกเขาไม่รู้ว่าผู้การไวท์จะกลับมาหรือไม่ เมื่อผ่านไป 3 ปี เหล่าชาวอาณานิคมอาจจะต้องเจอกับภาวะขาดแคลนอาหาร ทำให้พวกเขาต้องแยกกันเพื่อไปหาพื้นที่ใหม่ที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกและหาอาหาร เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะเดินทางไปยังพื้นที่โครอาโทอัน เลยทิ้งเบาะแสตัวอักษรไว้ที่เสา
ข้อสนับสนุนแนวคิดนี้คือ ในปีค.ศ. 1993 เกิดพายุเฮอริเคน ที่ทำให้นักโบราณคดีได้มีการขุดเจอเครื่องปั้นดินเผา และหลักฐานชิ้นอื่นๆที่มาจากชาวยุโรป เช่น ลูกศรแก้วที่ทำจากอังกฤษ เบี้ย เศษเหรียญทองแดงจากเยอรมัน ด้ามกระบี่จากอังกฤษในยุคอลิซาเบทที่ 1 กระสุนตะกั่ว ดินสอตะกั่ว เป็นต้น
จากหลักฐานทางกายภาพเหล่านี้ที่พบ นักประวัติศาสตร์และโบราณคดี จึงเชื่อว่าชาวอาณานิคมได้เดินทางมาที่โครอาโทอันแห่งนี้แน่ๆ
การค้นหาหลักฐานของชาวอาณานิคมอังกฤษที่โรอาโนคยังคงมีต่อไป จนกว่าจะได้หลักฐานแน่ชัดว่าพวกเขาหายไปเนื่องจากสาเหตุใดกันแน่
หลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดเจอ เรียงจากซ้ายบน ชิ้นส่วนแท่งดินสอ กล้องยาสูบที่ทำจากดินเผา ภาชนะเครื่องหิน และชิ้นส่วนเหรียญจากเยอรมัน
ไซต์โบราณคดีบนเกาะโรอาโนค (Credit: https://www.americanheritage.com/archaeologists-roanoke-unearth-new-clues)
หลักฐานที่รอการพิสูจน์ กุญแจสู่คำตอบทั้งหมด
The Dare Stones
The Dare Stones ของจริงที่ Brenau University ที่จอร์เจีย (Credit: https://www.brenau.edu/darestones/)
ในปีค.ศ. 1937 ผู้ชายคนหนึ่งมาพบนักธรณีวิทยาที่ Emory University โดยเขาบอกว่าเขาได้เจอหินที่แกะสลักตัวอักษร ระหว่างที่เขาเดินเที่ยวอยู่ที่โรอาโนค บริเวณนอร์ท แคโรไลนา อยากให้ช่วยทำการพิสูจน์ หินนี้ต่อมาได้ถูกตั้งชื่อว่า The Dare Stones โดยมีทั้งหมด 48 ก้อนด้วยกัน
เนื้อหาเรื่องราวบนหินนี้เป็นเรื่องเรียงต่อๆกัน คาดว่าเขียนโดย Eleanor Dare ลูกสาวของผู้การไวท์ บอกเล่าเรื่องราวที่อาจะเป็นข้อสรุปทั้งหมดว่าชาวอาณานิคมที่โรอาโนคหายไปไหนสรุปได้ว่า เมื่อพ่อ (ผู้การไวท์) ล่องเรือกลับอังกฤษไป ชาวอาณานิคมต้องเผชิญกับโชคร้าย ครึ่งหนึ่งของพวกเขาต้องพบกับความตาย เรื่องช่างน่าเศร้าเมื่อหมอผีชาวอเมริกันพื้นเมืองเข้ามาเตือนพวกเขาเกี่ยวกับวิญญาณร้ายที่โกรธเกรี้ยว และจะเอาชีวิตของพวกเขาไปให้หมดสิ้น สามีและลูกของเอเลนอร์ได้เสียชีวิต กลุ่มของพวกเขา 7คน ได้ถูกชาวอเมริกันพื้นเมืองฆ่าตาย และอธิบายว่าศพได้ถูกฝังที่ไหนบ้าง
หินก้อนหนึ่งได้ระบุไว้ว่าพวกที่เหลือรอดได้ย้ายไปอยู่ที่บริเวณแอตแลนต้า จอร์เจีย
หินทั้งหมดได้รับการพิสูจน์คร่าวๆตั้งแต่ปี 1940 และถูกเชื่อว่าเป็นของจริง กระทั่งในปี 2016 ได้มีการเปิดเคสเพื่อพิสูจน์ทางเคมีอีกครั้งหนึ่งเพื่อยืนยันว่าหินทุกก้อน อยู่ในช่วง 1587 จริงๆ
จนกว่าจะมีการยืนยันพวกเราก็คงต้องรอกันต่อไปก่อน
การตรวจสอบ Dare Stones ทุกก้อนที่ Brenau University (Credit: https://www.brenau.edu/darestones/)
ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ มีเรื่องสุดท้ายที่เราจะเล่าเกี่ยวกับอาณานิคมโรอาโนค
หลานสาวของผู้การไวท์ Virginia Dare ทารกคนแรกของชาวอาณานิคมที่เกิดบนแผ่นอเมริกา อาจจะมีชีวิตรอด และอาจจะเป็นโพคาฮอนทัส หรือ พี่สาวของโพคาฮอนทัส หรือ แม่ของโพคาฮอนทัส
เรื่องนี้มาได้อย่างไร ?
ในปีค.ศ. 1906 Frances Elizabeth Scott Bagby ได้อ้างทฤษฎีนี้ใน Southern Magazine ว่าชนเผ่าของอเมริกันพื้นเมือง ที่ชื่อว่า Powhatan ที่เราเล่าก่อนหน้านี้ว่าพวกเขาอ้างว่าได้ฆ่าชาวอาณานิคมอังกฤษที่โรอาโนคทั้งหมด แต่ได้ละเว้นชีวิตของเวอร์จิเนีย แดร์ หลานสาวของผู้การไวท์ และอุปถัมภ์ให้มาเป็นลูกสาวของตน
เรื่องนี้แพร่หลายมากในช่วงเวลาดังกล่าว รวมถึงนักประวัติศาสตร์บางคนก็เห็นด้วยว่าเป็นไปได้มากที่ หัวหน้าเผ่า Powhatan จะแต่งงานกับ Elenor Dare ลูกสาวของผู้การไวท์ และให้กำเนิด โพคาฮอนทัส เป็นน้องสาวของเวอร์จิเนีย
ภาพจินตการว่าหัวหน้าเผ่า Powhatan ได้ช่วยชีวิต Virginia Dare เอาไว้ (Credit: http://www.virginiaplaces.org/settleland/internatchild.html)
บ้างก็กล่าวว่าหัวหน้าเผ่า Powhatan แต่งงานกับเวอร์จิเนีย แดร์ เสียเอง และเป็นผู้ให้กำเนิดโพคาฮอนทัส หลังจากนั้นเธอก็เสียชีวิตลง
- ข้อโต้แย้ง : เรื่องนี้ฟังดูเหมือนนิยายเอามากๆ และที่สำคัญ วันเดือนปี ก็ไม่ตรงกับความเป็นไปได้เอาเสียเลย เวอร์จิเนีย แดร์ น่าจะมีอายุที่ราวๆ 20 ปี ช่วงที่กัปตันจอห์น สมิธ ตั้งอาณานิคมถาวรที่ Jamestown เขาเคยได้เจอโพคาฮอนทัส และบรรยายไว้ว่าเธอเป็นเด็กสาว อายุประมาณเพียง 10 ปีเท่านั้น
และการที่เวอร์จิเนีย แดร์จะเป็นแม่ของโพคาฮอนทัสได้ แสดงว่าเธอต้องตั้งท้องและมีลูกตอนเธออายุราวๆ 8-12 ปี
งั้น Elenor Dare แม่ของเวอร์จิเนีย ก็เป็นไปได้น่ะสิ
คำตอบก็คือ อาจจะเป็นไปได้ ถ้าหัวหน้าเผ่า Powhatan ปกปิดตัวตนที่เธอเป็นชาวอังกฤษ แต่ก็เป็นไปได้น้อย เพราะเรื่องนี้ถ้าชาวเผ่ารู้ก็อาจจะนำไปบอกชาวอาณานิคมแล้ว และถ้าชาวอาณานิคมมาเจอก็ต้องทราบว่านี่เป็นชาวยุโรปแน่ๆ
และเรื่องนี้ก็ไม่เคยพบหลักฐานที่เกี่ยวข้องเลย นอกจากเรื่องที่เพิ่งปรากฎในนิตยสาร ช่วงปีค.ศ. 1906
จบแล้วสำหรับเรื่องราวอาณานิคมโรอาโนคที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นปริศนายิ่งใหญ่ช่วงการตั้งอาณานิคมที่อเมริกา เรื่องนี้ถูกนำมาทำเป็นหนังและซีรีส์ด้วยนะ เรื่องที่ดังและหลายคนน่าจะรู้จัก เช่น American Horror Story: Roanoke ซีซั่นที่ 6 ในปี 2016 สามารถไปเสพความหลอน ความสยองกันได้
เขียนและเรียบเรียงโดยทีมงานคิดก่อน ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาไปคัดลอก ดัดแปลง และใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
References:
โฆษณา