19 มิ.ย. 2021 เวลา 02:10 • หุ้น & เศรษฐกิจ
กับดักต้นทุน! ขายหุ้นไม่หมด แต่ทำไม%กำไรเปลี่ยนไปอะ!
สมมติว่าเรามีการซื้อขายหุ้น STF 3 ครั้ง ในวันที่ 3 4 5 พฤษภาคม ครั้งละ 300 หุ้น ตามรายละเอียดด้านล่าง
วันที่ 3 พ.ค. ซื้อหุ้น STF 300 หุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท
วันที่ 4 พ.ค. ซื้อหุ้น STF อีก 300 หุ้น เเต่ราคาหุ้นขึ้นมาที่ 11 บาท ตอนนี้ราคาเฉลี่ยต่อหุ้นของเราจะอยู่ที่ 10.5 บาท (คิดจากเงินเที่เราจ่ายทั้งหมดหารด้วยจำนวนหุ้นที่เราได้ หรือ (300x10) + (300x11) / (300 + 300) )
วันที่ 5 พ.ค. ซื้อหุ้น STF อีก 300 หุ้น ที่ราคา 12 บาท ตอนนี้ราคาเฉลี่ยต่อหุ้นของเราอยู่ที่ 11 บาท ( คิดจาก ((300x10)+(300x11)+(300x12))/(300+300+300) )
หลังจากการซื้อหุ้นสามครั้งนี้ ระบบจะบอกว่า เรามีหุ้น 900 หุ้น เงินที่จ่ายไป 9,900 บาท และ ต้นทุนเฉลี่ยของเราจะอยู่ที่ 11 บาท
พอถึงวันที่ 6 พ.ค. เราตัดสินในที่จ่ายขายหุ้น 300 หุ้น เพราะหุ้นวันนี้เพิ่มมาอยู่ที่ 13 บาท
เมื่อเราขายเสร็จ เราจะเห็นว่าต้นทุนเราเปลี่ยนไปทั้งๆที่เราไม่ได้มีการซื้อหุ้นเพิ่มมาเฉลี่ยต้นทุน ... ไปดูกันเลยว่าทำไม
ระบบการซื้อขายหุ้นจะมีหลักการคำนวณว่าใครที่มาก่อนต้องไปก่อน
หุ้น STF ที่เราซื้อมา 10 บาท ต้องไปก่อน เเละเราขายครั้งนี้ไป 300 หุ้น ซึ่งเท่ากับจำนวนหุ้นที่เราซื้อมาในวันเเรกพอดี
ฉะนั้น หลังจากขาย ต้นทุนเฉลี่ยใหม่ของเราจะมาอยู่ที่ 11.5 บาท (คิดจากของที่เหลือ คือ ((11x300) + (12x300)) / (300 + 300))
ถ้าเราขายไม่หมด กำไรที่เราได้ก็จะไม่เหมือนที่ระบบบอกเช่นกัน
ก่อนการขายครั้งเเรกนี้ ในหน้าจอซื้อขายหุ้น เช่น Streaming ระบบจะคิด%กำไร(หรือขาดทุน)หากเราทำการขาย ณ เวลานั้นจากสมมติฐานที่ว่าเราจะขายทั้งหมด เช่น ในกรณีนี้ ต้นทุนเฉลี่ยเราอยู่ที่ 11 บาท เเต่ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 13 บาท ระบบจะเเสดงว่าเรามีกำไร 18%
เเต่เราไม่ขายหมดตามสมมติฐานการคำนวณของระบบ เพราะเราขายไปเเค่ 300 หุ้น เเละ 300 ราคาหุ้นที่เราซื้อครั้งเเรก(10 บาท) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย(11 บาท) ดังนั้น %กำไรที่เราได้จากการขายครั้งนี้จะมากกว่าที่ระบบบอก ซึ่งก็คือ 30%
พอถึงวันที่ 7 พ.ค. เราตัดสินในที่จ่ายขายหุ้น 400 หุ้น เพราะเห็นหุ้นวันนี้ตกมาอยู่ที่ 12 บาท (กลัวติดดอย)
เรามาดูกันว่าหลังการขายรอบนี้ เราจะได้กำไรกี่% เเละต้นทุนใหม่เราจะเปลี่ยนไปเป็นกี่บาท
ก่อนการขาย ระบบจะบอกว่าต้นทุนเฉลี่ยปัจจุบันเราอยู่ที่ 11.5 บาท เเละถ้าเราขายที่ราคาปัจจุบัน (12 บาท) เราจะได้กำไร 4.3%
เเต่อย่าลืมว่าระบบคิดเลขนี้มาจากสมมติฐานว่าเราจะขายที่เหลือออกหมด เเต่เราจะขายจริงเเค่ 400 หุ้น
พอเรากดขาย 400 หุ้น ระบบจะคิดด้วยหลักการเดิม คือ มาก่อนไปก่อน ระบบจะหัก 300 หุ้นที่เราซื้อที่ราคา 11 บาทออกไปก่อน เเต่เรากดขาย 400 หุ้น ดังนั้น 100 หุ้นที่เหลือ ระบบจะดึงมาจากหุ้น 300 หุ้นที่เราซื้อมาที่ราคา 12 บาท
ต้นทุนการขายครั้งนี้ของเราคือ 11.25 บาทต่อหุ้น (คิดจาก ((11x300) + (12x100)) / (300+100) )
ฉะนั้น กำไรที่เราทำได้จากการขายครั้งนี้คือ 6.6% (มากกว่าที่ระบบบอก เพราะเราขายไม่หมด)
ในพอร์ตเราจะเหลือ หุ้น STF อีก 200 หุ้น ราคาเฉลี่ยหลังการขายครั้งนี้จะอยู่ที่ 12 บาท (เพราะเหลือเเค่ส่วนหนึ่งของก้อนสุดท้ายที่เราซื้อมา)
การเข้าก่อนออกก่อน หรือ FIFO (First in, First out) เป็นหลักการที่บอกว่า เราจะระบาย stock ของเก่าออกก่อน มาดูตัวอย่าง 2 กรณีว่าการคิดต้นทุนแบบ FIFO จะมีผลเมื่อไหร่
กรณีที่ 1 เราซื้อของมาหลายรอบ แต่เราขายออกไปทั้งหมดในครั้งเดียว
เข้าก่อน - เวลาเราซื้อของมาหลายรอบ โดยแต่ละรอบก็มีราคาและจำนวนของที่ต่างกัน ต้นทุนเฉลี่ยก็คือการเอา เงินที่เราจ่ายทั้งหมดทุกรอบในการซื้อหารกับจำนวนของทั้งหมด
ออกก่อน - และเมื่อเราขายของออกทั้งหมดด้วยราคาเดียว ภายในครั้งเดียว เพราะฉะนั้นในกรณีนี้ สิ่งที่ออกก่อน = ของทั้งหมด
การคิดกำไรขาดทุนก็ง่ายๆ ก็คือ กำไร/ขาดทุน = ราคาขายออก - เงินที่เราจ่ายซื้อทั้งหมด
การซื้อขายในลักษณะนี้ทำให้การคิดต้นทุนแบบ FIFO จะไม่ต่างจากการคิดต้นทุนแบบเฉลี่ยทั่วไปเพราะเราขายรอบเดียวหมด
กรณีที่ 2 เราซื้อของมาหลายรอบ แต่ขายไม่ได้ขายหมดภายในครั้งเดียว
เข้าก่อน - วิธีเข้าก็เหมือนเดิมจ้า เราซื้อของมาหลายรอบ โดยแต่ละรอบก็มีราคาและจำนวนของที่ต่างกัน แต่รอบนี้ต้นทุนเฉลี่ยหลังการขายของเราจะไม่ได้หารด้วยจำนวนทั้งหมดแล้ว เพราะของเราระบายออกไปหลายรอบ ไม่ได้ออกไปทั้งหมดในทีเดียว
ออกก่อน - เมื่อเราขายออกไป หลักการก็คือ ของที่ซื้อมาก่อนจะออกไปก่อน เพื่อนๆลองนึกภาพอาหารกระป๋องที่วางเรียงกันที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต กระป๋องที่จะถึงวันหมดอายุก่อน (แปลว่าถูกผลิตมาก่อนหรือซูเปอร์มาเก็ตสั่งซื้อล็อตนี้มาก่อน) ก็จะถูกจัดไว้ข้างหน้าเพื่อให้ถูกหยิบไปก่อน เช่นกัน ในการขายหุ้นออกในแต่ละครั้ง ระบบจะหยิบหุ้นตัวที่เราซื้อมาก่อนออกไปก่อน
การคิดกำไรขาดทุนในกรณีนี้ - กำไรขาดทุนของเรา ต้องคิดจากต้นทุนซื้อจากของที่ซื้อมาก่อน และของเซ็ทดังกล่าวจะถูกขายออกไปด้วยราคาขายในครั้งนั้น อยากดูตัวอย่างกดไปอ่านที่คอมเม้นต์ในภาพนี้เลยจ้า
คนที่จะได้เจอกับการที่ผลกำไรเปลี่ยนไปของหุ้นที่เหลือ เเละกำไรที่ทำได้ไม่ตรงกับที่ระบบบอกคือกลุ่มคนที่ขายหุ้นไม่หมดนั้นเอง เพราะระบบคิดเลขกำไรมาจากสมมติฐานว่าเราจะขายหุ้นหมด
พอเราขายไม่หมด กำไรหรือขาดทุนที่เราขายรอบนั้นก็มักจะไม่ตรงกับที่ระบบบอก เเละ%กำไรที่รายงานให้เราในระบบก็จะเปลี่ยนไป เพราะระบบจะคำนวณใหม่จากจำนวนหุ้นที่เหลือในพอร์ตเรา
กลุ่มคนที่จะไม่ได้รับผลกระทบเเบบนี้คือกลุ่มคนที่กดขายหุ้นตัวนั้นไปหมดเลยจ้าา
เเละนี่เเหละ คือเหตุผลว่าทำไมการขายหุ้นอาจทำให้ %กำไรเราเปลี่ยนไป
อยากได้ความรู้ด้านการลงทุน กดติดตามเราไว้เลยย #STOCKFUN
โฆษณา