14 มิ.ย. 2021 เวลา 09:01 • ท่องเที่ยว
สมัยก่อน เที่ยวกับเพื่อน 3-8 คนต่อทริป เดินทางเรียบง่ายมาก อุปกรณ์ก็เรียบง่ายมาก เต็นท์โลตัส ผ้าบางเฉียบ 199 บาท กับผ้าใบบาง ๆ (เอาไว้คลุมเต็นท์อีกที)
เสื้อผ้า กางเกง ใส่นอน 1 ชุด ใส่ไป 1 ชุด ใส่กลับ 1 ชุด ผ้าขนหนู 1 ผืน แปรง ยาสีฟัน สบู่ แชมพู... และซื้อเสื้อเพิ่ม อีก 1 ตัวทุกทริป(เสื้อที่ขายตามอุทยานตามสถานที่ท่องเที่ยวหรือตลาดบนดอย ตลาดชาวบ้านบนเขา)​ ไฟฉายเล็ก 1 อัน ตะเกียงแบบใส่ถ่าน 1 ตัว เอาไว้แขวนในเต็นท์ หน้าเต็นท์ กระบอกน้ำ 1 อัน ถ้าไม่มีก็น้ำดื่มขวดใหญ่ 1 ขวด ทุกอย่าง รวมไว้ในกระเป๋าสะพายธรรมดา ๆ 1 ใบ
อาหารการกินไม่ขนไปให้ยุ่งยาก ซื้อเอาข้างหน้า ตามร้านค้าที่ผ่าน อุดหนุนชาวบ้าน สมัยนั้นไม่บ้าบอกับหมูกะทะ ไม่ต้องวุ่นวายในการเตรียมอาหารอย่างทุกวันนี้ แค่หมักเนื้อหมู เนื้อไก่ กับไส้กรอก 1 แพ็ค น้ำจิ้มสั่งร้านลาบขอให้เขาทำให้ และยัดใส่ลังโฟมเล็ก ๆ 1 ใบ เอาขึ้นหลังรถ
เราเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่สายชิล กันมาก ๆ เพื่อนพาไปไหนก็ไป มีพลขับ มีนักดูแผนที่ นักดูเส้นทาง กับเสียงหัวเราะลั่นรถกันไปตลอดทาง สลับกันหลับ แวะกันแทบทุกปั้ม เพราะระหว่างทางมันคือการท่องเที่ยว แต่ปลายทางคือการพักผ่อน
พวกเราใช้เวลาในการเดินทางยาวนาน เพราะมีกิจกรรมบนรถกันตลอด 😁 มีแอบดื่ม แอบจิบ กันไปเรื่อย ๆ ชมวิว ชมนกบินร่อนไปมาตามทุ่งนาเขียวสองข้างทาง สลับกับเขาลูกโต ที่ยิ่งขับไปยิ่งเจอ ยิ่งขับไปยิ่งใกล้ แต่พวกเราต่างรู้หน้าที่ เราจะไม่ให้คนขับดื่ม ไอพวกหน้ารถห้ามดื่ม หลังรถคือเต็มที่ แต่ก็จิบ ๆ กันไป ไม่ได้เอาให้เมามาย จิบไปกับบรรยากาศคละเคล้า ชวนกันพูดคุย หัวเราะ สนุกสนานไปตลอดทาง เมื่อเหล้าหมด ตบด้วยเบียร์ เมื่อเบียร์หมด หาร้านเติมตามทาง แวะจอดร้านขายของชำของชาวบ้าน เจอใครเราก็สนใจ เข้าไปพูดคุย ทักทายไปเรื่อย เพื่อนปากดีเรามีเยอะ ยิ่งสร้างสีสัน เสียงหัวเราะ ขบขัน เพิ่มรอยยิ้มให้กับชาวบ้านที่พบเจอกันทุกครั้งไป
เพราะเขาต้อนรับดี เราก็ยิ่งอยากอุดหนุน ของกิน ของใช้ ซื้อเพิ่มเติม กว่าจะถึงปลายทาง ก็ได้ของฝากติดไม้ติดมือไปให้ที่บ้านกันเต็มรถ
พวกเราเดินทางกันแบบ ฉิ่ง ฉาบ ทัวร์ ยิ่งไปกันเยอะ ยิ่งสนุก รถ 2 คัน เพื่อน 6-8 คน ปลายทางช่วงแรก ก็ จะเป็นโซน เขาค้อ น้ำหนาว ทับเบิก ภูกระดึง เชียงคาน ไปกันบ่อย น้ำหนาวนี้เบสิก เป็นสถานที่เปิดทริปของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่.... ส่วนตัวเรา ไปที่นี้ 4 ครั้ง ภูกระดึง 3 เชียงคาน 5 ทุกปีต้องมีทริปเพชรบูรณ์ หรือจังหวัดเลย 1 ทริป อย่างต่ำต่อปี ต้องเป็น 2 จังหวัดนี้ มันเป็นช่วงที่ต่างคน ต่างยังไม่มีพันธะ ไม่มีครอบครัว ส่วนมากก็จะหนุ่มโสด เที่ยวกันสุดทาง เป็นอะไรที่สนุกมาก ๆ ในช่วงเวลา 4-5 ปีนั้น
เมื่อถึงปลายทาง หาจุดกางเต็นท์ลงหลักปักฐาน ตั้งแคมป์ได้ หุงหาอาหาร ถ้าไม่มีเตาถ่านให้เช่าหรือเขาไม่ให้ประกอบอาหาร เราก็ไปจ้างให้ร้านค้าแถว ๆ นั้น ย่างหรือทอดของสดที่เตรียมไปให้
6
ค่ำ ๆ อากาศเย็นลง บนเขาเริ่มมืดสนิท เสียงสนทนากันเบา ๆ ก็เริ่มหรี่เสียงลงตามเวลา
เตาแก็สสนามถูกจุด ตั้งหม้อต้มมาม่า ปลากระป๋องจับยำโรยพริก โรยหอม ตะไคร้ซอย ที่หลวงพ่อให้มา ไปขนกันมาจากวัด 😁 หั่นเนื้อที่ไปจ้่างเขาทอดได้จานใหญ่ ๆ 1 จาน นั่งล้อมวงกัน คุยกันพอให้ได้ยินไม่รบกวนเต็นท์อื่น โทรศัพท์มือถือถูกทิ้งไว้ในเต็นท์ ไม่มีมาเขี่ยเล่นให้เสียเวลาเหมือนทุกวันนี้
เมื่อเริ่มอิ่ม บางคนก็นอนลงตรงนั้นเลย แล้วก็พล่อยหลับไป มีเต็นท์เล็ก ๆ 4 หลัง 5 หลัง เป็นที่กำบังสายตาจากด้านนอก ล้อมพวกเราไว้ บางคนง่วงก็คลานเข้าเต็นท์แอบงีบ แต่ส่วนมากจะนั่งรับลม ฟังเสียงธรรมชาติ ออกไปเดินเล่น ส่องไฟฉายดูสัตว์ ดูต้นไม้ ตกดึกมุดเข้าเต็นท์นอน บางคนไม่อาบน้ำ เพราะอากาศที่หนาวเหน็บ แม้เหงื่อจะออกมาทั้งวันก็หลับไปในสภาพนั้นได้ ก่อนสติจะหลุดเสียงช้างร้องลั่นป่า ให้ตื่นเต้นและแปลกใจ เสียงสัตว์ป่าเห่าหอนเป็นฝูงลอยมาไกล ๆ....
เป็นบรรยากาศที่ดีที่สุด ในชีวิตที่่ได้พบเจอมา
คิดถึงว่ะ... คิดถึงชีวิตช่วงเวลานั้น ทำให้เราหลงรักป่าหลงรักธรรมชาติจริง ๆ อยากปกป้องสัตว์ป่า ผืนป่าทุก ๆ ที่ให้คงไว้ตลอดไป
และอยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีก ที่ไม่ต้องไปเซ็ทไปตกแต่งตัวเองให้วุ่นวาย ไม่ต้องตระเตรียมอะไรให้มากเรื่องเหมือนทุกวันนี้
เดินเท้าขึ้นภูกระดึง
โฆษณา