15 มิ.ย. 2021 เวลา 05:09 • ข่าว
#สื่อมะกันแฉจดหมายหลุด
#โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จีนแก๊ซรั่ว
#แต่ฝรั่งเศสเดือดร้อนวอนให้สหรัฐช่วย???
2
สื่อยักษ์ใหญ่ CNN ขึ้นพาดหัว Exclusive หรา พบเอกสารรายงานการเตือนภัยเรื่องพบก๊าซรั่วบริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไท่ซาน ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลจีนใต้ในมณฑลกวางตุ้ง ของประเทศจีน โดยได้อ้างว่าพบเอกสารชิ้นนี้ถูกส่งผ่านมาที่รัฐบาลสหรัฐ โดย EDF Energy บริษัทผู้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จากฝรั่งเศส
1
เนื้อหาของหลักฐานระบุเอกสารที่ออกโดยรัฐบาลจีนว่ามีการแจ้งเตือนอันตรายจากรังสีระดับร้ายแรง ที่พบในบริเวณเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 เมื่อตรวจพบก๊าซเฉื่อยสะสมในเป็นจำนวนมาก เกินค่ามาตรฐานที่กำหมด จึงมีการเรียกประชุมให้ผู้ประกอบการโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์เร่งแก้ปัญหาโดยด่วนที่สุด มิฉะนั้นอาจถูกสั่งปิดได้
ซึ่งถ้าโรงงานไฟฟ้านี้เป็นของจีนเพียวๆ 100% มันก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก และสื่อของสหรัฐก็พร้อมที่จะขยี้เรื่องนี้ไปให้สุดทาง แต่ว่าประเด็นนี้มันไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะโรงงานไฟฟ้าไท่ซานเป็นการร่วมทุนจาก EDF Energy ซึ่งเป็นบริษัทผู้ประกอบการด้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของฝรั่งเศสอยู่ถึง 30% แถมมีส่วนรับผิดชอบในการดูแลงานก่อสร้าง
1
แต่เมื่อพบปัญหาด้านเทคนิคที่เกิดขึ้นในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทางรัฐบาลจีนจึงต้องส่งจดหมายเรียกประชุมทีมผู้สร้างที่เกี่ยวข้องกับโรงงานไฟฟ้าแห่งนี้มาเคลียร์ทั้งหมด
แต่ว่า จดหมายเตือนที่รัฐบาลจีนส่งไปให้ บริษัทฝรั่งเศส มันไปโผล่ในทำเนียบขาวได้อย่างไร?
เรื่องนี้ก็ต้องย้อนไปดูแผนการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ไท่ซานสักเล็กน้อย
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไท่ซาน มีการตกลงเซ็นสัญญาก่อสร้างกันตั้งแต่ปี 2008 โดยรัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง 70% ร่วมกับบริษัทพลังงาน EDF Energy ที่รัฐบาลฝรั่งเศสเป็นเจ้าของ อีก 30% ด้วยเม็ดเงินลงทุนถึง 7.5 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 2.25 แสนล้านบาท) ที่คาดว่าจะเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆในจีน
โครงสร้างโรงงานนี้จะประกอบด้วยเตาปฏิกรณ์ 2 ตัว ที่ใช้ระบบ EPR (European Pressurised Reactor) รุ่นที่ 3 ที่พัฒนาโดยบริษัท Framatome ซึ่งบริษัท EDF Energy ของรัฐบาลฝรั่งเศสก็เข้าไปถือหุ้นใหญ่อีกเหมือนกัน ถึง 75.5%
1
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่า หากจะมีปัญหาความผิดพลาดในเชิงเทคนิค หรือ ระบบปฏิบัติการ มันก็จะไม่เสียชื่อแค่จีน แต่บริษัทผู้สร้าง ที่รัฐบาลฝรั่งเศสเป็นเจ้าของก็จะเสียชื่อไปด้วย และในตอนนี้ทาง EDF Energy ก็ได้ออกมาอธิบายว่าสิ่งแปลกปลอมที่รั่วไหลออกมานั้นไม่ใช่สารกัมมันตรังสีจากเตาปฏิกรณ์ แต่เป็นเพียงก๊าซเฉื่อยที่หลุดจากในระบบก่อสร้าง ที่น่าจะเป็นก๊าซพวก คริปตอน หรือ ซีนอน ที่ไม่เป็นอันตราย และตอนนี้ทางบริษัทก็กำลังเร่งแก้ปัญหาอยู่
1
แล้ว EDF Energy จะร้อนตัววิ่งโร่มาปรึกษารัฐบาลสหรัฐทำไม ถ้าปัญหามันจะจบง่ายๆแค่นั้น???
เรื่องนี้อาจจะเป็นความนอยด์จนเกินเหตุของทางฝรั่งเศสเอง ที่คิดว่ารัฐบาลจีนอาจจะใช้จุดนี้เป็นข้ออ้างในการยุบโครงการไฟฟ้านิวเคลียร์ไท่ซาน หรือใช้อำนาจรัฐเปลี่ยนตัวผู้ร่วมลงทุนไปเป็นเจ้าอื่น ทั้งๆที่ EDF Energy ลงทุน ก่อสร้างไปแล้ว ดังนั้นทีมผู้สร้างจีนก็จะรู้เทคนิคการพัฒนาเตาปฏิกรณ์ของบริษัทฝรั่งเศสและให้บริษัทจีนมารับช่วงแทน ซึ่งหุ้นแค่ 30% ที่ลงทุนไป จีนชดเชยคืนให้ได้อยู่แล้ว
1
แต่เรื่องบางอย่างมันเสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง ทั้งบริษัท Framatome และ EDF Energy ก็จะเสียประวัติที่เคยถูกยกเลิกสัญญาเพราะปัญหาด้านเทคนิค ซึ่งระบบเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ก็เป็นเทคโนโลยีที่ต้องมีความเชื่อมั่นศรัทธาในการใช้มันอยู่พอสมควรทีเดียว
1
แล้วบริษัทฝรั่งเศสวิ่งมาหาสหรัฐ แล้วจะให้โจ ไบเดน ช่วยอะไรได้??
1
สิ่งที่ EDF ต้องการอาจเป็นเพียงพันธมิตรแบ็คหลังให้พออุ่นใจว่า ทุกอย่างมันเป็นเพียงปัญหาด้านเทคนิคเพียงเล็กน้อย ก๊าซเฉื่อยที่รั่วออกมาก็ไม่ได้มีอันตราย และใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างทั่วไป สามารถแก้ปัญหาได้
1
แต่ถ้าการรั่วเล็กน้อยที่ว่านี้ มันเกิดกลายเป็นปัญหาใหญ่โตในอนาคตหล่ะ กับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ใกล้เมืองกวางโจว เสิ่นเจิ้น และมณฑลที่มีประชากรมากที่สุดในจีน แล้วจะให้จีนทำอย่างไร?
เรื่องนี้ก็ทำให้รัฐบาลสหรัฐลำบากใจอยู่เหมือนกันที่จะช่วยฝรั่งเศส จะออกมารับหน้าการันตีให้บริษัทฝรั่งเศสก็กระไรอยู่ แต่จะไปดักคอไม่ให้จีนมาตรวจสอบเรื่องระบบความปลอดภัยในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศจีน เขาไม่ด่า "เผือก" กลับมาก็บุญเท่าไหร่แล้ว เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รอง เอากระดูกมาแขวนคอโดยแท้
2
ในขณะที่จีน ก็ยังไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับข้อมูลที่หลุดออกมานี้ ซึ่งจีนก็อาจจะไม่ได้คิดอะไร แค่เรียกว่าคุยเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้น อยากให้แก้ไขเร็วๆ ก็เลยต้องขู่ไว้ก่อน บริษัทฝรั่งเศสก็ตกใจเกินไป อยู่ดีๆก็เอาเอกสารไปให้รัฐบาลสหรัฐดู และยังเป็นเอกสารที่มีความสำคัญในเรื่องมาตรการป้องกันความปลอดภัยเรื่องไฟฟ้านิวเคลียร์ของจีน ซึ่งเป็นเรื่องแปลก เพราะน้อยครั้งมากที่คู่สัญญาธุรกิจระหว่างรัฐบาล 2 ประเทศ อยู่ดีๆจะดึงประเทศที่ 3 ที่ไม่เกี่ยวข้องมารับรู้ด้วย
โครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในจีน เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมที่จีนตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นประเทศปลอดคาร์บอนให้ได้ภายในปี 2060 ในปัจจุบัน จีนได้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วประเทศแล้วถึง 47 แห่ง นับเป็นประเทศที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มากเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐ และ ฝรั่งเศส
1
และนอกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไท่ซาน ที่ได้เซ็นสัญญาร่วมลงทุนกับรัฐบาลฝรั่งเศสแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ จีนเพิ่งตกลงกับรัฐบาลรัสเซียในการสร้างโรงงานไฟฟ้าในประเทศจีนเพิ่มอีกด้วย
1
เครดิตภาพ shutteelrstock.com
แหล่งข้อมูล
โฆษณา