เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับทองคำ
ที่มา: https://www.krungsri.com/
อดีต
(1) หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่ออเมริกาขึ้นเป็นมหาอำนาจแทนอังกฤษที่เสื่อมอำนาจลง ทำข้อตกลงเบรตัน วูดส์ ในปี ค.ศ. 1944 โดยมีสาระสำคัญอยู่ข้อหนึ่ง ที่มีการตีค่าตายตัวเอาไว้ว่าทองคำ 1 ออนซ์เท่ากับ 35 ดอลลาร์ นอกจากนี้เงินสกุลทั่วโลกยังต้องผูกไว้กับดอลลาร์ด้วย (ราคาทองคำในไทยก่อนปี 1970 ราคาบาทละ 400 บาท)
(2) ในปี ค.ศ. 1971 ประธานาธิบดีอเมริกา ริชาร์ด นิกสัน ได้ยุติผูกติดค่าเงินดอลลาร์ไว้กับทองคำที่ 38 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพราะคนเริ่มไม่มั่นใจในเงินดอลลาร์เพราะมีการพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมามากเกิน เช่นเดียวกับการทำ QE ในปัจจุบัน
คนหันมาถือทองคำมากขึ้น (ราคาทองคำเพิ่มขึ้นจาก 40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 1972 ไปเป็น 120 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 1973)
ปัจจุบัน
(1) เมื่อก่อนราคาทองคำมีการตกลงเคาะราคากันโดยตรงโดยนักค้าทองรายใหญ่เพียงไม่กี่เจ้า ปัจจุบันราคาทองคำซื้อขายกันโดยอ้างอิงราคา GOLD Future ในตลาดซื้อขายล่วงหน้าของอเมริกาซึ่งมีมูลค่ามากกว่าราคาทองปกติอยู่ที่ 22 เท่า
(2) ตระกูลใหญ่ที่เป็นเจ้าของเหมืองทองใหญ่ในโลกนี้คือตระกูล Rothschill และตระกูล Wallberg ในขณะที่เหมืองทองในพม่าเป็นเหมืองทองคำที่ดีที่สุดในโลก (ซึ่งกำลังเกิดสงคราอยู่ในตอนนี้)
(3) ประเทศไทยมีทองคำสำรองอยู่ประมาณ 200 ตัน และซื้อเพิ่มเข้ามาอีกประมาณ 40 กว่าตันเนื่องจากมองว่ามีการเสื่อมค่าของเงินดอลลาร์เป็นผลมาจากการทำ QE ของอเมริกา
(4) ETF ทองคำที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาดประเทศไทยปัจจุบันคือ CLD ซึ่งซื้อ-ขายกันทั้ง โตเกียว ฮ่องกง ดูไบ แฟรงเฟริส ลอนดอน และอเมริกา
(5) ประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่ไม่นำเข้าทองคำ แต่เป็นประเทศที่ส่งออกทองคำ โดยมีเหมืองทองคำขนาดใหญ่ของโลก
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
