16 มิ.ย. 2021 เวลา 12:01 • การตลาด
เพิ่งเริ่มขายจะตั้งราคายังไงดี? มารู้จักกลยุทธ์การตั้งราคากัน 🔥
.
สำหรับหลายๆคนที่กำลังจะเริ่มต้นทำธุรกิจ การตั้งราคาสินค้าอาจเป็นเรื่องที่ทำให้ปวดหัวอยู่ไม่ใช่น้อยว่า จะตั้งราคาเท่าไรดี เพราะนอกจากจะเป็นตัวกำหนดกำไรแล้ว ยังส่งผลต่อการวางแผนการตลาดในอนาคตอีกด้วย
.
แม้ว่าเรื่องของราคาเป็่นสิ่งที่สำคัญ ในยุคปัจจุบันผู้บริโภคต่างไม่ได้มองแค่เรื่องราคาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจซื้ออย่างเดียวเท่านั้น แต่มีเรื่องของความเชื่อมั่น คุณค่าของแบรนด์ ความรับผิดชอบต่อสังคมของแบรนด์ คุณภาพสินค้า และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายมาเป็นองค์ประกอบ
.
ดังนั้น การตั้งราคา อาจไม่ใช่แค่เรื่องของกำไรแต่เพียงอย่างเดียว สำหรับคนที่กำลังอยากเริ่มขาย อาจต้องมองให้รอบด้าน และทำความเข้าใจในหลายๆ ปัจจัยไปพร้อมๆกัน เพื่อนำไปสู่การตั้งราคาที่คู่ควรและเหมาะสมกับสินค้า/บริการของเรา และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของเราได้ไม่ยาก
.
วันนี้ Digital Tips จะพามาดู 5 กลยุทธ์การตั้งราคาที่นิยมใช้กัน เพื่อเป็นไอเดียสำหรับใครที่ยังเพิ่งเริ่มขาย และยังไม่รู้จะตั้งราคาอย่างไรดี ได้ลองนำไปปรับใช้กันดูค่ะ
✅ 1.กลยุทธ์การตั้งราคาขายจากต้นทุน (Cost-plus pricing)
.
เป็นวิธีการตั้งราคาแบบง่ายๆและเบสิกที่สุด นั่นก็คือ การนำราคาต้นทุนของสินค้า + กำไรที่ต้องการได้จากสินค้านั้นๆ ต่อหน่วย แล้วนำมาตั้งราคา แต่สิ่งที่ต้องระวังในการใช้กลยุทธ์แบบนี้คือ หลายคนมักหลงลืมนำต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมมาคิดคำนวนด้วย ยกตัวอย่างเช่น หลายคนคิดแค่ต้นทุนการผลิตต่อหน่วย แต่ลืมคิดเรื่องต้นทุนที่เป็นค่าขนส่ง ค่าการตลาด ทำให้บางธุรกิจ ขายเท่าไรก็ไม่ได้กำไรสักที เพราะไม่ได้คำนวนให้ครบถ้วนนั่นเอง
=============================
✅ 2. กลยุทธ์การตั้งราคาขายอิงราคาคู่แข่ง (Competitive Pricing Strategy)
.
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญก็คือ การศึกษาราคาในตลาดจากคู่แข่งของเราว่าขายอยู่ที่ประมาณเท่าไร และนำมาปรับให้เเหมาะสมกับสินค้าหรือบริการของเรา สิ่งที่คนมักจะเข้าใจผิดก็คือ เราจำเป็นต้องขายถูกกว่าคู่แข่ง เพื่อดึงดูดลูกค้าได้มากกว่า ซึ่งการขายแบบตัดราคาคู่แข่งไม่ได้ทำให้เราได้ลูกค้ามากกว่าเสมอไป การขายแพงกว่าคู่แข่งนั้นสามารถทำได้เช่นกัน เพียงแต่เราต้องหาจุดเด่น และจุดยืนทางการตลาดของสินค้าให้ได้ว่า ในราคาที่แพงกว่าเจ้าอื่นๆ นั้น ลูกค้าจะได้คุณค่าเพิ่มขึ้นจากสินค้าหรือบริการของเราในแง่ใดบ้าง
=============================
✅ 3. กลยุทธ์การตั้งราคาโดยใช้คุณค่าของผลิตภัณฑ์จากมุมของผู้ซื้อเป็นหลัก (Value-based pricing)
.
กลยุทธ์ที่เน้นคำนึงในเรื่องที่ว่า ลูกค้ายินดีและเชื่อมั่นว่าสินค้า/บริการของเรานั้น ราคาควรอยู่ที่เท่าไร หรือกล่าวอีกอย่างก็คือ ลูกค้าให้คุณค่าและพร้อมจะจ่ายเงินเท่าไร ซึ่งการที่จะนำกลยุทธ์แบบนี้ไปปรับใช้ เราอาจต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ว่า กลุ่มลูกค้าที่เราจะเข้าไปจับนั้น เค้าต้องการอะไร อะไรที่จะเป็นสิ่งที่กระตุ้นใจให้คนกลุ่มนี้จ่ายเงินซื้อสินค้าหรือบริการของเรา อย่างเช่น หากเราขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่เนื้อเป็นแบบพรีเมียมนำเข้ามาจากญี่ปุ่น ลูกค้าอาจเชื่อมั่นว่า เนื้อที่พรีเมียม ราคาอาจอยู่ที่ชามละ 300 บาท และยอมที่จะจ่ายในราคาดังกล่าวเพื่อได้รับประสบการณ์การรับประทาน เสมือนได้ไปกินที่ญี่ปุ่นจริงๆ ก็อาจทำให้ราคานี้สมเหตุสมผลทำให้ลูกค้ายอมจ่ายได้ เป็นต้น
=============================
✅ 4.กลยุทธ์การตั้งราคาขายถูกในช่วงต้น (Penetration Pricing)
.
เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับแบรนด์ที่เพิ่งเปิดตัวสินค้า/บริการใหม่ และต้องการให้เกิดการรับรู้อย่างกว้างขวาง เพื่อเชื้อเชิญให้คนได้มาลองใช้ เช่น โปรลด 30% ช่วงเปิดตัวเดือนแรก, โปรซื้อ 1 แถม 1 เป็นต้น แบรนด์อาจกำหนดช่วงเวลาที่ขายในราคาถูก และปรับราคากลับมาเป็นปกติในเวลาถัดมา
.
ตัวอย่างธุรกิจที่นำกลยุทธ์นี้ไปใช้ก็คือ Netflix ซึ่งตอนที่ได้มีการเปิดตัวใหม่ๆ ราคารายเดือนอยู่ที่ประมาณ $7.99 และหลังจากนั้น Netflix ก็ได้มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผู้ใช้งาน Netflix น้อยลง การกระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อหรือลองใช้งานด้วยราคาที่ถูกในช่วงต้น เมื่อลูกค้าติดใจและกลายเป็นขาประจำแล้ว หากสินค้าเรามีจุดยืนที่แข็งพอ ลูกค้าก็ยินดีที่จะจ่ายเพิ่มขึ้น โดย Netflix เองมีการปรับเพิ่มขึ้นแต่ละครั้งประมาณ $1 หรือ $2 และก็ยังคงมีผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง
=============================
✅ 5.กลยุทธ์การตั้งราคาขายแบบมัดรวมสินค้า (Bundle Pricing)
.
เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะกับแบรนด์ที่มีสินค้าหลายประเภท สามารถนำมาจัดเป็นเซ็ทและขายรวมกัน ในราคาที่เฉลี่ยต่อชิ้นต่ำกว่าหากซื้อแบบเดี่ยวๆ หรือในกรณีที่เรามีสินค้าฮีโร่ขายดี ไม่ว่าจะมากี่สต็อกก็หมดเกลี้ยง แต่สินค้าตัวอื่นๆ กลับขายได้ไม่ดีเท่า การทำราคาแบบมัดรวมสินค้าแบบนี้ ก็จะช่วยทำให้สินค้าอื่นๆ มีการหมุนเวียนที่ดีขึ้นตามไปด้วย
.
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้น การตั้งราคาขายนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องของผลกำไรอย่างเดียว แต่ยังเป็นการสร้างจุดยืนของแบรนด์ในตลาด สร้างมูลค่าและภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์อีกด้วย และไม่จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ใดกลยุทธ์หนึ่งเพียงอย่างเดียว อาจมีการนำมาผสมผสานกัน หรือนำมาปรับตามช่วงเวลาให้เหมาะสม อย่างเช่น ในช่วงปกติเราอาจจะตั้งราคาตามต้นทุน และวิเคราะห์จากคู่แข่งพร้อมๆกัน แต่ในช่วงเทศกาล เราอาจทำเป็นแบบ Bundle ก็ได้
.
และสิ่งที่สำคัญควบคู่ไปกับการตั้งราคา อย่าลืมให้ความสำคัญในการตั้งคำถามว่า สินค้าเราคืออะไร มีจุดเด่นอย่างไร เราจะขายให้ใคร และคู่แข่งของเราเป็นใครบ้าง เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาเรื่องการตั้งราคาด้วยนะคะ 🧡
1
=====================
ข่าวดี!! Clubhouse สำหรับชาว Android มาแล้วน๊าา ติดตามเรื่องราว Digital Marketing และอัปเดตเทรนด์ก่อนใคร เพียงกดติดตาม Digital Tips Academy ได้ที่ลิงก์นี้เลยค่ะ 😊❤️
=====================
💕 ใหม่ล่าสุด! หนังสือ LINE Ads Platform Handbook
ยอดขายปัง ธุรกิจโต คู่มือลงโฆษณาบนไลน์ด้วยตัวเอง
ผลงานล่าสุดจาก คุณทิป มัณฑิตา จินดา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม และสั่งซื้อได้ที่ลิงก์นี้เลยค่ะ
=====================
💕 อัปเดตความรู้แบบเข้าใจง่ายได้ทุกวัน ที่นี่
Clubhouse: @tipdigitaltips
โฆษณา