17 มิ.ย. 2021 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
“จักรวรรดิออตโตมัน (Ottoman Empire)”
2
“จักรวรรดิออตโตมัน (Ottoman Empire)” คือหนึ่งในอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และเป็นอาณาจักรที่มีอายุยืนนานที่สุดแห่งหนึ่ง
อาณาจักรแห่งนี้ครอบครองดินแดนกว้างใหญ่ทางตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก รวมทั้งแอฟริกาเหนือ โดยดินแดนเหล่านี้อยู่ใต้อำนาจของจักรวรรดิออตโตมันเป็นเวลานานกว่า 600 ปี
ผู้ที่เป็นผู้นำทางการปกครองในดินแดนนี้คือ “สุลต่าน (Sultan)” และจักรวรรดิออตโตมัน ก็ถูกนักประวัติศาสตร์มองว่าเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่มีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์และศิลปวิทยาการต่างๆ ทั้งทางด้านศิลปะ วิทยาศาสตร์ ศาสนา และวัฒนธรรม
2
“สุลต่านออสมันที่ 1 (Osman I)” ผู้นำชาวตุรกีในอนาโตเลีย เป็นผู้ก่อตั้งจักรวรรดิออตโตมันเมื่อราวค.ศ.1299 (พ.ศ.1842)
มีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นในจักรวรรดิออตโตมัน และได้ขยายอำนาจเข้าไปยังดินแดนต่างๆ
ในปีค.ศ.1453 (พ.ศ.1996) “สุลต่านเมห์เหม็ดผู้พิชิต (Mehmed the Conqueror)” ได้พิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิไบแซนไทน์ และทำให้การปกครองกว่าพันปีของอาณาจักรไบแซนไทน์สิ้นสุดลง
3
สุลต่านออสมันที่ 1 (Osman I)
สุลต่านเมห์เหม็ดผู้พิชิต (Mehmed the Conqueror)
สุลต่านเมห์เหม็ดได้ตั้งชื่อเมืองนี้ใหม่ว่า “อิสตันบูล (Istanbul)” และสถาปนาเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิออตโตมัน
จากนั้น อิสตันบูลก็กลายเป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรม
ต่อมาในปีค.ศ.1517 (พ.ศ.2060) “สุลต่านเซลิมที่ 1 (Selim I)” ได้นำซีเรีย อาราเบีย ปาเลสไตน์ และอียิปต์ เข้ามาอยู่ใต้อำนาจของจักรวรรดิออตโตมัน
สุลต่านเซลิมที่ 1 (Selim I)
จักรวรรดิออตโตมันเจริญถึงขีดสุดในช่วงระหว่างปีค.ศ.1520-1566 (พ.ศ.2063-2109) ในรัชสมัยของ “สุลัยมานผู้เกรียงไกร (Suleiman the Magnificent)”
ในยุคนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นยุคที่จักรวรรดิออตโตมันเพียบพร้อมด้วยอำนาจและความมั่งคั่ง
สุลัยมานผู้เกรียงไกร (Suleiman the Magnificent)
สุลต่านสุลัยมานได้จัดทำระบบกฎหมายต่างๆ และเปิดรับศิลปวิทยาการต่างๆ มากมาย
ตลอดรัชสมัยของพระองค์ จักรวรรดิออตโตมันได้ขยายขอบเขตออกไปอย่างกว้างไกล รวมทั้งพื้นที่ในยุโรปตะวันออก
6
ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองสุดขีด ดินแดนต่างๆ ที่อยู่ใต้ปกครองของจักรวรรดิออตโตมันก็ได้แก่ ตุรกี กรีซ บัลแกเรีย อียิปต์ ฮังการี มาซิโดเนีย โรมาเนีย จอร์แดน ปาเลสไตน์ เลบานอน ซีเรีย บางส่วนของอาราเบีย และดินแดนจำนวนมากบนชายฝั่งแอฟริกาเหนือ
1
จักรวรรดิออตโตมันมีชื่อเสียงในด้านความรุ่งเรืองทางด้านศิลปะ วิทยาศาสตร์ และการแพทย์
อิสตันบูลและเมืองใหญ่หลายแห่งก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางทางด้านศิลปะ
มีการส่งเสริมศิลปะด้านต่างๆ ทั้งการคัดลายมือ การวาดภาพ แต่งกลอน และดนตรี นอกจากนั้น ยังมีการสร้างสถาปัตยกรรมที่งดงามอีกมากมาย
“วิทยาศาสตร์” คืออีกหนึ่งศาสตร์ที่สำคัญสำหรับจักรวรรดิออตโตมัน
ชาวออตโตมันได้เรียนและทดลองวิทยาศาสตร์ด้านต่างๆ ทั้งคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ ภูมิศาสตร์ และเคมี
ความก้าวหน้าทางด้านการแพทย์หลายๆ อย่างก็มาจากจักรวรรดิออตโตมัน อุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัดในทุกวันนี้หลายๆ อย่าง ก็เป็นการคิดค้นของอาณาจักรออตโตมัน เช่น คีม ท่อที่สอดเข้าร่างกาย หรือมีดผ่าตัด ก็ล้วนแต่เป็นการคิดค้นของชาวออตโตมัน
2
ทางด้านการสืบต่อการปกครอง ในยุคสมัยหนึ่ง ก็ได้มีธรรมเนียมการฆ่าพี่หรือน้องชายของตนเอง
1
เมื่อสุลต่านพระองค์ใหม่ขึ้นปกครอง พระเชษฐาหรือพระอนุชาของสุลต่านจะถูกจำคุก และเมื่อพระโอรสองค์แรกของสุลต่านได้ประสูติ พระพี่น้องและบรรดาพระโอรสของพระพี่น้องจะถูกประหาร เพื่อไม่ให้หลงเหลือสายเลือดที่จะมาชิงบัลลังก์
3
ธรรมเนียมนี้ดำเนินต่อมาเรื่อยๆ จนถึงยุคหนึ่ง จึงเลิกการประหารพระพี่น้อง เพียงแค่ให้จำคุกเท่านั้น
ทางด้านศาสนา นักประวัติศาสตร์ต่างเห็นตรงกันว่าผู้ปกครองอาณาจักรออตโตมันทรงยินยอมให้ผู้คนนับถือศาสนาได้เสรี
2
เพียงแต่ผู้ที่ไม่ได้เป็นมุสลิมอาจจะไม่ได้รับสิทธิหรืออำนาจเทียบเท่ามุสลิม และต้องเสียภาษี
จักรวรรดิออตโตมันดำเนินความรุ่งเรืองเรื่อยมา จนเมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 17 จักรวรรดิแห่งนี้ก็เริ่มจะพ่ายแพ้แก่ยุโรป
1
ในเวลานี้ ยุโรปกำลังเข้าสู่ยุคเรเนซองส์ และเป็นช่วงที่การปฏิวัติอุตสาหกรรมกำลังเริ่มต้น ทำให้เริ่มบดบังรัศมีจักรวรรดิออตโตมัน อีกทั้งจักรวรรดิออตโตมันก็ประสบปัญหาหลายด้าน ทั้งความอ่อนแอของผู้ปกครอง และการที่ต้องแข่งขันทางการค้ากับดินแดนอื่นๆ ทำให้จักรวรรดิออตโตมันที่เคยรุ่งเรือง เริ่มจะดับแสง
1
ในปีค.ศ.1683 (พ.ศ.2226) กองทัพออตโตมันพ่ายแพ้ในยุทธการที่เวียนนา (Battle of Vienna) ทำให้ยิ่งอ่อนแอลงไปอีก
1
ยุทธการที่เวียนนา (Battle of Vienna)
ในช่วงเวลาต่อมาอีกนับร้อยปี จักรวรรดิออตโตมันก็เริ่มจะสูญเสียดินแดนต่างๆ และในปีค.ศ.1830 (พ.ศ.2373) กรีซก็สามารถประกาศเอกราชได้สำเร็จ
1
เมื่อกรีซประกาศเอกราช ในเวลาต่อมา ดินแดนต่างๆ ที่อยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมันก็ทยอยได้เอกราชทีละแห่งๆ จนจักรวรรดิออตโตมันแทบไม่เหลือดินแดนในปกครอง
ในช่วงเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่ 1 จักรวรรดิออตโตมันก็อยู่ในสภาพตกต่ำ
จักรวรรดิออตโตมันเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปีค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) โดยอยู่ฝ่ายมหาอำนาจกลาง และพ่ายแพ้ในปีค.ศ.1918 (พ.ศ.2461)
1
จักรวรรดิออตโตมันได้สิ้นสุดลงในปีค.ศ.1922 (พ.ศ.2465) เมื่อมีการยกเลิกระบอบสุลต่าน และกลายเป็นสาธารณรัฐในวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ.1923 (พ.ศ.2466)
สำหรับอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ถือเป็นประวัติศาสตร์ดำมืดของจักรวรรดิออตโตมัน คือเหตุการณ์ “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาร์มีเนีย (Armenian Genocide)”
2
ในปีค.ศ.1915 (พ.ศ.2458) ผู้นำชาวตุรกีได้วางแผนที่จะสังหารหมู่ชาวอาร์มีเนียที่อาศัยอยู่ในจักรวรรดิออตโตมัน โดยนักประวัติศาสตร์เชื่อว่าจากเหตุการณ์นี้ มีชาวอาร์มีเนียถูกสังหารกว่า 1.5 ล้านคน
1
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาร์มีเนีย (Armenian Genocide)
รัฐบาลตุรกีได้ปฏิเสธความรับผิดชอบในการสังหารหมู่นี้มาโดยตลอด และจนถึงทุกวันนี้ การพูดเรื่องการสังหารหมู่นี้ในตุรกี ก็อาจจะเป็นการไม่ปลอดภัยต่อตัวผู้พูดเอง
จักรวรรดิออตโตมัน นับเป็นอีกหนึ่งอาณาจักรที่สำคัญในประวัติศาสตร์
จักรวรรดิแห่งนี้เป็นที่จดจำในฐานะของจักรวรรดิที่มีกองทัพที่เข้มแข็ง ความเจริญทางศิลปวิทยาการด้านต่างๆ และเป็นอาณาจักรที่อยู่มานานกว่า 600 ปี
โฆษณา