16 มิ.ย. 2021 เวลา 13:12 • บันเทิง
ทำไมมีพร้อมทุกอย่าง…แต่ชีวิตยังไม่มีความสุข?
ภาพโดย Phan Minh Cuong An จาก Pixabay
คงเป็นคำถามที่ใครหลายคนคิดและพยายามหาคำตอบให้กับชีวิต หลายคนพยายามไขว่คว้าเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง เพื่อนฝูง และสังคม หรือการมีชื่อเสียง มีอำนาจต่อรอง มีเงินทองมากมาย มีการงานและฐานะมั่นคง มีความรักที่สุขสมหวัง ตลอดจนการมีสิ่งของหรือวัตถุตามค่านิยมและกระแสสังคมที่คอยปรนเปรอความสุขให้กับตนเอง แต่ทำไม…เมื่อมีพร้อมทุกอย่างแล้ว ก็ยังรู้สึกเบื่อ รู้สึกเหนื่อย ยังต้องดิ้นรนที่จะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ สุดท้าย…ชีวิตดันไม่มีความสุขเลย
ความสุขเป็นสิ่งที่เราทุกคนพึงปรารถนา นิยามความสุขของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป ระดับของความสุขก็เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงวัย อาทิเช่น
ช่วงวัยเด็ก… เราอาจมีความสุขจากการได้เป็นที่รักและได้รับความรัก ความอบอุ่นจากพ่อแม่ ได้เล่นของเล่นชิ้นโปรด ได้เล่นสนุกกับเพื่อนๆ ตามประสาเด็ก
ช่วงวัยรุ่น…เป็นช่วงที่เราโตขึ้นมาหน่อย ความสุขของเราก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เราอาจมีความสุขจากการได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ มีความสุขจากการได้อินเทรนด์ไปตามกระแสสังคมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นการแต่งตัว แนวเพลงที่ชอบ นักร้องหรือดาราคนโปรด เกม กีฬาฯลฯ เริ่มค้นหาเป้าหมายชีวิตว่าชอบอะไร อยากเรียนต่อด้านไหน ประกอบอาชีพอะไร
ช่วงวัยทำงาน…เป็นช่วงที่เราต้องรับผิดชอบชีวิตตนเอง เริ่มสร้างฐานะและตั้งเป้าหมายให้กับชีวิต เราอาจมีความสุขจากการได้ทำงานที่ชอบ หรืออาจมีความสุขจากการใช้ความรู้ความสามารถในการหาเงินทองได้มากมาย หรืออาจมีความสุขจากการได้มีคนรัก มีการสร้างครอบครัว หรืออาจมีความสุขจากการได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตนเองต้องการ
ช่วงวัยกลางคน…เป็นช่วงที่เราได้ผ่านประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมาระดับหนึ่ง เราอาจมีความสุขจากการที่ได้เห็นคนรอบข้างที่เรารัก เช่น พ่อแม่ พี่น้อง สามีหรือภรรยา ลูก ฯลฯ เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ไม่ขัดสนในปัจจัย 4 หรือเราอาจมีความสุขจากการได้รับการยอมรับจากสังคม มีอำนาจ มีชื่อเสียง มีเงินทอง มีการงานและฐานะที่มั่นคง
ดูเหมือนเป็นความสุขที่หลายคนพึงปรารถนา แต่ยังมีอีกหลายคนแย้งว่า แล้วทำไมตัวเราถึงรู้สึกไม่มีความสุขกับชีวิตเลย นั่นเป็นเพราะว่า…หลายคนยังไม่สามารถ “ยอมรับความจริง” ได้ว่า ทุกสิ่งล้วนมี ”การเปลี่ยนแปลง” อยู่ตลอดเวลา…โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของเรา ซึ่งเราจะรู้สึกวิตกกังวลทุกครั้งเมื่อนึกถึงมัน ถึงแม้จะเป็นเรื่องในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ท้ายที่สุดเราก็ต้องประสบพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์นี้อยู่ดี ต้องพลักพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ไม่ว่าจะเป็นคนรัก อำนาจ ชื่อเสียง เงินทอง ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้น…หลายคนเลือกที่จะอาลัยอาวรณ์และยึดติดกับสิ่งที่เคยมีในอดีต และปฏิเสธความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับชีวิตในปัจจุบัน
ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว เราจะมีวิธีไหนที่ช่วยให้สามารถทำใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหรือกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตนี้ได้ล่ะ?
1. การยอมรับความจริง
เราไม่สามารถเลือกให้สิ่งดีดี เกิดขึ้นกับชีวิตเราได้ตลอดเวลา แต่เราสามารถเลือกที่จะจัดการความรู้สึกของเราได้ โดยการยอมรับความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อบรรเทาการไม่มีความสุขของเรา
2. การทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
เราไม่ควรอาลัยอาวรณ์อดีตที่งดงาม และไม่ควรคาดหวังหรือวิตกกังวลมากเกินไปในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เราควรตั้งใจทำวันนี้ให้ดีที่สุด ท้ายที่สุดแล้วผลออกมาจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยเราก็ได้พยายามทำเต็มที่แล้ว
3. การมีสติและรู้เท่าทันตนเอง
เราไม่ควรตีโพยตีพายหรือกล่าวโทษสิ่งต่างๆ รอบตัว ยามเมื่อเราได้พบเจอกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์นี้ เพราะมันได้เกิดขึ้นแล้ว เราควรหันมาดูแลและจัดการจิตใจของตนเอง อย่าให้เหตุการณ์ต่างๆ มาบั่นทอนใจของเราให้เป็นทุกข์มากขึ้น เมื่อเรามีสติแล้ว เราจะรู้ว่า เราต่างหากที่สามารถเลือกได้ว่าจะมองเห็นด้านดีหรือด้านแย่ของความทุกข์ ท้ายที่สุด…อารมณ์และใจของเราจะกลับสู่ภาวะปกติ
การทำใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงอันไม่พึงประสงค์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างทางที่เราได้ก้าวเดิน อาจไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่หากเราสามารถเข้าใจแก่นของความทุกข์ มีความพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่และเป็นอยู่ในปัจจุบัน ความสงบและความสุขจะค่อยๆ เกิดขึ้นในจิตใจเรา บางทีสิ่งนี้อาจเรียกได้ว่า “เป็นความสุขที่แท้จริง” สำหรับใครหลายคนก็ได้นะ
โฆษณา