Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Orange Sky
•
ติดตาม
18 มิ.ย. 2021 เวลา 16:33 • ความคิดเห็น
เคยถามตัวเองไหมว่าเงินเดือนเท่าไร ที่บริษัทให้คือมาก ?
ซึ่งหลายคนที่ผมลองสอบถามดู มันก็มีหลายแนวคิด ที่หลากหลายกันไป ที่น่าสนใจต่างๆกัน
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเกิดอยากเขียนบทความนี้ขึ้นมานั้น เพราะ มีคนบางส่วนมักบอกตรงกันส่วนใหญ่
แค่ขอจากบริษัทเงินเดือนสูงกว่าที่เคยทำมาก็พอ แต่พอผ่านไปเข้าจริง ก็บอกเงินเดือนที่ได้ก็ยังน้อยอยู่ดี แล้วสรุปเงินเดือนเยอะคือเท่าไรของเขา ทั้งที่คนบอกผมได้เงินเดือนเยอะกว่าผมชะอีก แต่ไม่มีเงินเก็บเลยมาปรึกษาผมอยู่เป็นบางครั้งบางคาว
ต่อจากนี้ก็ขอเล่าแนวคิดการตัดสินใจว่าเงินเดือนเยอะสำหรับผมคืออะไรกันแน่
สิ่งนี้ต้องบอกก่อนว่า ผมมักโดนเพื่อนผมบอกว่า ที่ทำงานอยู่เงินเดือนไม่คุ้มกับวิชาชีพที่ผมทำในด้านโปรแกรมเมอร์ อยู่บ่อยๆ ผมจึงขอเล่าแนวคิดในการตัดสินใจในเรื่องการวัดว่าเงินเดือนเท่าไรสำหรับผมถือว่ามาก
บริษัทแรกผมก็ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์เหมือนกัน ได้เงินเดือนอยู่ ที่ 18,000 (ทำงานอยู่ได้ 6 เดือน) และได้ย้ายมาที่ใหม่ผมกับได้เงินเดือนเพียง 15,000 ซึ่งสมัยนั้นถือว่าสูงสำหรับเด็กจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์
ผู้อ่านคงสงสัยสินะว่าย้ายที่ใหม่ทั้งที ทำไมไม่หาที่เงินเดือน เพิ่มมากขึ้น
เนื่องจาก ที่ใหม่ที่ได้เงินเดือน 15,000 นั้น ไม่สามารถขอมากกว่าของเก่าได้เนื่องจากบริษัทถือว่าเป็นเด็กจบใหม่ ยังไม่มีฝีมือพอ แต่ผมก็ยืนยันที่จะเข้าทำงานที่นี้
ผู้อ่านคงสงสัยอีกสิ 🤨
ส่วนนี้ผมขอใช้คำพูดเพื่อนที่เคยถามผมมาแล้วกันนะ อิอิ😜(ตัวเลขต่างๆจะเป็นเลขกลมนะครับ)
นี้เป็นเหตุการณ์หลังจากที่ผมเล่าให้เพื่อนฟังว่าผมได้บริษัทใหม่มาแล้ว
เพื่อน : ชอบรูปแบบการทำงานของบริษัทหรอ?
ผม : ไม่ใช่ ที่จริงยังไม่รู้เลยว่าบริษัททำเกี่ยวกับอะไร😅😅
เพื่อน : กูเข้าใจนะว่าที่เก่ามันแย่หลายๆอย่าง ถ้าในเมื่อได้เงินต่ำกว่า ก็หาที่อื่นชะสิ จะรีบเข้าทำงานที่ใหม่ทำไม ไม่ใช่ว่าต้องเลือกเพราะบริษัทเลือกมึงอย่างเดียว มึงต้องเลือกบริษัทด้วย ดูอย่างกูนี้ย้ายทั้งทีขอเงินเดือนจากที่ใหม่เพิ่มมากกว่าที่เก่าชะอีก
ผม : มันก็จริงนะ แต่ที่ใหม่ ก็ดันขอเพิ่มไม่ได้นี้สิเซงเลยนะนี้😣😞
เพื่อน : แล้วจะเลือกมันทำไมละ
ผม : ก็ได้เงินเยอะกว่าที่เก่าแล้วนี้ละ
เพื่อน : เงินเยอะกว่ายังไงวะ ที่เก่า ได้ตั้ง 18,000 แต่ที่ใหม่เขาให้แค่ 15,000 🤨
ผม : ก็กูไม่ได้วัดเงินเดือนว่าเยอะหรือ น้อยจากเพียงแค่บริษัทให้กูเท่าไร เพียงอย่างเดี่ยวชะที่ไหน
เพื่อน : คือยังไง 🤨
ผม : มึงก็รู้กูงก ขนาดไหน ไม่ยอมทำงาน ที่ได้เงินเดือนต่ำหรอก ที่เลือก ที่นี้เพราะ สุทธิจริงๆ แล้วมันมากกว่าที่เก่าเยอะมาก
เพื่อน : สุทธิ ? คือไงไม่เข้าใจ
ผม : มึงเคยคิดถึงค่าใช่จ่ายต่างๆที่ต้อง ใช้ต่อเดือนมั่งไหมเช่น ค่ารถ ค่าอาหาร ค่าเช่า และอื่นอีก ที่กูบอกว่าได้เยอะกว่าเพราะ กูลองคำนวนแล้วหักค่าต่างๆ มีเงินเหลือใช้ อยู่ที่ 4,000 แต่ที่เก่า ได้เงินเดือน 18,000 แต่หักค่าใช้จ่ายต่างๆ เหลือเพียง 2,000
ส่วนนี้เพื่อนก็ไม่ได้ถามอะไรผมต่อ เพราะเพื่อนผมรู้ดีว่าผมเป็นคนประหยัดอยู่แล้ว ซึ่งมันเป็นความจริง นี้ก็ประหยัดแบบสุดของผมจริงนั้น ละในที่เก่า
หลายคนอาจไม่มีสิทธิเลือกงานเลยด้วยซ้ำขอแค่มีงานเพื่อให้สามารถมีเงินไปใช้จ่ายสิ่งต่างๆแต่ถ้าต้องการมีเงินเก็บมากกว่าเอาเงินที่หามาได้ใช้จ่ายไปหมดในแต่ละเดือน ต้องรู้จักการทำงบด้วยเพราะสิ่งเล็กนี้ละที่มีประโยชน์มากกว่าที่คิด
ในส่วนนี้สำหรับผมนั้น การจะทราบว่าเงินเดือนที่ได้รับมานั้น มีมากหรือน้อยสมัยนั้น ผมคิดแค่ว่าตัวสุทธินั้นต้องมากกว่าของเก่า ก็คือมีเงินเดือนมากแล้ว
ซึ่งจะทราบได้นั้น เราต้องมีการทำงบการเงินล่วงหน้าของตัวเองด้วย และทั้งบัญชีรายจ่ายต่อวัน ซึ่งสมัยนั้นผมทำดู เพราะสงสัยว่าเงินหายไปไหนหมด (แม้แต่ผมก็ทำงบเพื่อใช้เปรียบเทียบอะไรได้มากมาย แม้กระทั้งเงินเดือนจะที่ได้)
ที่ผมสามารถประเมินได้ว่าที่ใหม่จะมีค่าใช้จ่ายเท่าไร เพราะตอนไปสัมภาษณ์งาน ผมลองทำเหมือนไปทำงานจริงโดยการนั้งรถที่สามารถไปถึงได้โดยไม่นั่งแท็กซี่ เพื่อประเมินค่าเดินทางกับเวลาที่ต้องใช้ไปทำงาน และตรวจสอบร้านอาหารแถวนั้นตกอยู่ที่เท่าไร
พอรู้เราก็จะสามารถลองทำงบล่วงหน้าแบบคราวๆได้ ก็จะทำให้ประเมินอะไรได้หลายๆอย่าง และลองมาเปรียบเทียบกับของเก่า
ลองคิดกลับกันถ้าไม่ได้ทำงบผมคงไม่มีวันเลือก 15,000 นี้แน่นอน ถ้าดูตัวเงินที่เขาให้เรามา หรืออาจไปเลือกที่ใหม่ที่เงินเดือนสูงกว่า แต่ค่าใช้จ่ายต่อเดือนก็ต้องเพิ่มตามจนอาจไม่มีเงินเก็บเลยก็ได้ถ้าไม่ได้ลองทำงบเปรียบเทียบ
แต่เดี่ยวนี้ทำแค่งบการเงินล่วงหน้าแบบคาวๆเท่านั้น ในกรณีต้องวางแผนจะมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่ต้องชำระยาวนานมากๆ เพื่อลองทำเคสกรณีต่างๆ ที่ไม่มีจ่าย จะได้พอพร้อมรับปัญหาล่วงหน้าได้โดยดีที่สุด
ที่ต้องบอกว่าสมัยนั้น ด้วยในการดูเงินเดือนว่ามากหรือน้อย เพราะปัจจุบันผมก็ดูจากสุทธิ เหมือนเดิมแต่เพิ่มเติมคือ งานที่ทำอยู่นั้นให้เวลาเราสามารถทำอย่างอื่นเพิ่มอีกได้ไหม เช่น สามารถรับงานนอกได้ไหม
ปัจจัยที่ให้ผมเอาส่วนนี้เข้ามาคิดเพิ่มเติมด้วยนั้น เพราะผมเห็นว่าเวลา มันไม่สามารถขอคืนมาได้ แต่เงินสามารถหาเพิ่มได้ถ้ามีเวลาในการใช้ให้เป็นประโยชน์
จึงทำให้จนบันนี้ผมก็ยังทำงานที่เดิมยันปัจจุบัน เนื่องจากตอบโจทย์ส่วนนี้มากๆ จึงทำให้ผมสามารถทำอะไรต่างๆได้มากมาย บางช่วงทำให้ผมสามารถหารายได้งานนอกมากกว่างานประจำก็มี
ผมมองแค่ว่าเงินเดือนจากบริษัทเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ล่วงหน้าได้สะดวกมากที่สุด
ปัจจุบันก็มีการปรับเงินเดือนขึ้นแต่ก็ไม่ได้มากมายถ้าเปลียบเทียบในสายงานเดี่ยวกัน หรือเรียกได้ว่าน้อยด้วยซ้ำสำหรับคนมีประสบการณ์อย่างผม
สิ่งที่ได้จากบริษัทนี้จริง คือเวลาที่สามารถทำสิ่งต่างๆได้โดยที่หัวหน้าไม่ว่าเลย ถ้างานบริษัทไม่เสีย จึงเป็นสาเหตุทำให้อยู่นาน สำหรับผมมันมีค่ามากกว่าจำนวนเงินที่บริษัทจะให้ชะอีก
ถ้ารู้จักเพียงพอแล้วคุมค่าใช้จ่ายต่อเดือนได้ ไม่ว่าเงินเดือน เท่าไรก็สามารถมีเงินเก็บได้
ต่างจากที่มีเงินเดือนเป็นแสนแต่ไม่รู้จักเพียงพอและคุมค่าใช้จ่ายไม่อยู่ไม่ว่ายังไงก็ จะเป็นเงินเดือนที่น้อยเสมอ และยังไม่มีเงินเก็บ
เมื่อมีเงินที่ได้เพิ่มมานั้นผมก็มีตัดแบ่งตั้งแต่เงินเดือนออกมา เก็บออมเดือนละ 1,000 มันอาจดูเล็กน้อยพอผ่านไปนาน จะกลายเป็นกำลังที่จะทำอะไรได้มากขึ้นกว่าที่คิด ส่วนนี้ผมค่อยมาเล่าในบทความต่อไปนะครับ
ผู้ที่อ่านมาถึงนี้สามารถเอาแนวคิดผมไปใช้ได้นะหรือแชร์ไปให้เพื่อนๆ และช่วยแบ่งบันแนวคิดในแบบฉบับของตัวเองที่คอมเม้นได้เลย เพื่อเป็นวิทยาทาน ในหลายๆมุมมอง เพื่อผมจะได้สามารถเอามาปรับใช้ด้วย และกับผู้อ่านท่านอื่นที่ต้องการแนวทางต่างๆ
2 บันทึก
2
1
1
2
2
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย