17 มิ.ย. 2021 เวลา 02:16 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าจากคนข้างบ้าน
ครั้งหนึ่งเมื่อชายเชื้อสายจีนวัยกลางคนได้เดินทางไปไหว้บรรพบุรุษที่หัวเมือง ขณะที่เขาไหว้เสร็จแล้วกำลังเก็บของขึ้นรถ พอเขาเปิดกระโปรงท้ายรถ ตาของเขาเหลือบไปเห็นชายพิการนั่งอยู่ในรถเข็นเพียงคนเดียว เขามองไปรอบ ๆ ไม่เห็นมีคนอยู่ใกล้ๆ เขาจึงเดินเข้าไปและตั้งใจจะให้ความช่วยเหลือ แต่พอมองเข้าไปที่ใบหน้าของชายพิการผู้นั้น เขาตกใจมาก เพราะชายผู้นั้น คือ อดีตเจ้านายผู้ร่ำรวยของเขาเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว เขาทำความเคารพและถามว่า
"ท่านครับ ท่านจำผมได้ไหมครับ"
ชายผู้นั้นเหลือบตามองเขาอย่างพินิจพิจารณาอยู่ครู่ใหญ่ จึงตอบด้วยเสียงสั่นเครือว่า
"ใช่ อาเจียงหรือเปล่า" "ใช ครับ ทำไมท่านจึงมาอยู่ที่นี่เพียงคนเดียวละครับ"
"อ๋อ ฉันเพิ่งออกจาก โรงพยาบาลเลยขอให้ลูกๆ พาฉันมาที่นี่ เพราะไม่รู้ว่า ฉันจะได้มาไหว้บรรพบุรุษ ฉันอีกหรือเปล่า แล้วเธอล่ะ มาทำไมที่นี่"
"ผมมาเคารพผู้มีพระคุณสำหรับชีวิตผมครับ"
"อาเจียง เธอนั่งคุยกับกับฉันสักครู่ได้หรือไม่ ฉันรู้สึกผิดต่อเธอมากนะ"
เจียงจึงนั่งลงกับพื้นข้างๆรถเข็น
"ได้ครับ"
"เธอเล่าให้ฉันฟังซิว่า เธอเป็นอย่างไรบ้าง"
"ก็เมื่อท่านไล่ผมออกจากบริษัท ผมถูกยึดบ้านและทรัพย์สินจนหมดตัว มีลูกน้องท่านมาขู่ภรรยาผม ผมกับภรรยาเลยต้องพาลูกสองคนหนีทั้ง ๆที่ลูกคนเล็กผมเพิ่งคลอดได้เพียงเดือนเดียว"
อาเจียงกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก "ผมไม่รู้จะไปที่ไหนเพราะมืดแล้ว เงินติดตัวมีเพียงเล็กน้อย ผมจึงแอบหลบกันที่นี่ เผอิญท่านเศรษฐีเจ้าของฮวงซุ้ย ท่านมาไหว้บรรพบุรุษได้พบกับเรา ท่านสงสารลูกๆของผม จึงให้อาหารและชวนไปทำงานเป็นคนขับรถให้ท่าน แลกอาหารและที่พัก ต่อมาท่านได้ป่วย ภรรยาผมได้ช่วยชีวิตท่านและดูแลจนท่านหายดี ท่านจึงขอลูกทั้งสองไปเป็นลูกบุญธรรมเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ภรรยาผมจึงได้ไปเป็นแม่บ้านให้ ผมก็ขับรถให้ท่านอยู่ห้าปีกว่า ทำทุกอย่างให้ท่านอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยให้คุ้มกับที่ท่านให้ชีวิตครอบครัวเรา ช่วงนั้นเลขาของท่านเสียชีวิตลง ท่านทราบว่าผมเคยทำงานมาก่อน ท่านจึงขอให้ไปเป็นเขาส่วนตัวให้ท่าน ตอนนี้ท่านเสียชีวิตไปเมื่อเดือนที่แล้ว ผมและครอบครัวเลยมาเคารพศพท่านครับ"
"ฉันต้องขอโทษ เธอที่เข้าใจผิดเพราะเชื่อคำพูดของคนชั่ว ทำให้เธอต้องลำบากมาก"
"ไม่เป็นไรครับท่าน ผมทราบดีว่าท่านไม่รู้ความจริง"
"ถูกต้อง ตอนนี้ฉันรู้ตัวก็สายเสียแล้ว" ชายชราพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
"ไม่มีอะไรสายไป ถ้าเราเปลี่ยนตัวเราครับ"
"พวกเขาร่วมมือกันโกงบริษัท กว่าฉันจะรู้ตัว ฉันก็แทบไม่เหลืออะไร ฉันกลายเป็นคนล้มละลาย ฉันเครียดมากและเส้นเลือดในสมองแตก นอนอยู่โรงพยาบาลเกือบหกเดือน ไม่คิดเลยว่าจะเจอเธอที่นี่"ชายผู้นั้น เคยสง่างาม น่าเกรงขาม บัดนี้ดูซีดเซียว และอ่อนหล้า
"ฉันขอโทษเธอจริง ๆ "
"ท่านอย่าวิตกกังวล ขอให้ท่านมีกำลังใจ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข ผมขอลาก่อนนะครับ ลูกๆกลับมาแล้ว"
อาเจียงจากไปครู่ใหญ่แล้ว ชายพิการบนรถเข็นยังนั่งอยู่เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เขาตัดสินใจไล่พนักงานระดับหัวหน้าออกทั้ง ๆที่เขาเป็นคนที่ฉลาด มีความสามารถและช่วยเหลือเขาให้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามหลายต่อหลายครั้งจนบริษัทมีกำไรอย่างงดงาม เพราะกลุ่มคนที่อิจฉา ริษยา ใส่ร้ายป้ายสีความผิดให้จนเขาหลงเชื่อ แต่สุดท้ายเขากลับถูกกลุ่มคนเหล่านี้ทรยศ หักหลัง ขายความลับให้กะบบริษัทอื่น จนเขาล้มละลาย ลูกเมียของเขาเองกลับมาต้องลำบากเช่นเดียวกับครอบครัวอาเจียง
น้ำตาของเขาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว "พ่อคะ พ่อร้องไห้ทำไมคะ หนูจะพาพ่อกลับบ้านเรานะคะ" เสียงลูกสาวคนเล็กของเขาดังขึ้น
หญิงสาวมองไปที่มือของผู้เป็นพ่อ เห็นมีนามบัตรสีขาวพร้อมลายเซ็น เธอจึงหยิบนามบัตรนั้นมาอ่าน มันเขียนไว้ว่า " หากไม่ต้องการให้บริษัทท่านล้มละลาย ให้ลูกสาวท่านไปพบผมตามที่อยู่นี้นะครับ" หญิงสาวตื่นเต้นมากเพราะมันเป็นชื่อของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดของประเทศ สอบถามจากบิดาทราบแค่ว่าได้พบกับผู้ชายที่เคยเป็นลูกน้องเก่า ที่เธอเองก็จำได้คลับคล้ายคลับคลาเพราะเธอเองก็ยังเด็กในตอนนั้น เมื่อเธอพาบิดากลับมาถึงบ้านจึงได้พูดคุยกับมารดาจึงทราบความจริงในอดีต
วันรุ่งขึ้นเธอจึงเดินทางไปพบอาเจียงตามที่อยู่นั้นและได้พบกับอาเจียง ที่แท้อาเจียงได้รับมรดกจากท่านเศรษฐี กลายเป็นเจ้าของกิจการที่มีกำไรมหาศาล เพราะความดี คือ การกตัญญูรู้คุณคนที่ช่วยเหลือเขาตอนลำบากและความจงรักภักดีต่อท่านเศรษฐีอย่างมาก เขารับใช้ทุกอย่างโดยไม่เคยบ่นและไม่เคยร้องขอสิ่งใด ๆ เพราะลูกๆของเขาได้ถูกส่งไปเรียนอย่างดีและได้ไปเรียนต่อต่างประเทศทั้งคู่ เพราะท่านเศรษฐีบอกว่า ภาษาอังกฤษทำให้ได้เปรียบทางการค้าและเขาเป็นที่ปรึกษาให้ท่านเศรษฐีในเรื่องยากๆ จนกระทั่งบริษัทก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว อาเจียงเล่าให้หญิงสาวฟังว่า เขาจะซื้อบริษัทของพ่อเธอและจะให้เธอบริหารต่อไปเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของเธอด้วยเขานึกถึงบุญคุณที่มารดาของหญิงสาวเคยช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกชายคนโตของเขาเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ที่เจ็บป่วยอย่างฉุกเฉินและต้องผ่าตัดด่วน ทำให้ลูกชายของเขามีชีวิตรอดและตอนนี้ลูกชายของเขามีชีวิตที่ดีขึ้น จึงขอตอบแทนครอบครัวของเธอ หญิงสาวร่ำไห้ ไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาช่วยเหลือยามที่ตกระกำลำบากขนาดนี้ เพราะช่วงเวลาสองสามปีที่ผ่านมาเมื่อบริษัทถูกฟ้องให้ล้มละลาย พ่อป่วยหนัก ค่าใช้จ่ายหมดไปเยอะมาก และตนต้องออกหางานทำเพื่อเลี้ยงทุกคนในครอบครัว นอนร้องไห้ทุกวัน พ่อกับแม่สุขภาพทรุดโทรมทั้งคู่เพราะความเสียใจ ผิดหวัง ตรอมใจอย่างสุดซึ้ง อาเจียงจึงได้ปลอบโยนว่า
"อดทนต่อไป ถ้าเราทำดี เอื้อเฟื้อคนอื่น อย่าดูถูกเขา และรู้จักแบ่งปัน หนูจะไม่ตกตำ่ ไม่เหมือนคนบางคนที่เขาทำไว้กับคนบริสุทธิ์ เขาจะลำบากภายหลัง" "หนูเชื่อคุณลุงค่ะ แม่บอกเสมอว่า พ่อเสียใจและคิดถึงคุณลุงว่าได้ทำลายชีวิตคุณลุง ทำให้พ่อได้รับผลแบบนี้ ให้อภัยพวกเราด้วยนะคะ"
อาเจียง รู้สึกเป็นสุขใจมากในวันนี้ แม้ว่าเขาเคยรู้สึกโกรธ ที่เขาทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจให้กับบริษัทนี้มาก แต่ทว่าท่ามกลางวิกฤติที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวก็ยังมีโอกาสทำให้เขาได้พบสิ่งที่ดีที่สุด ความรู้สึกนั้นก็เลือนหายไป เขานั่งดูข่าวธุรกิจของกลุ่มคนที่ได้เคยให้ร้ายป้ายสีเขา พบว่า ผลแห่งกรรมกำลังส่งผลให้กับพวกเขา พบกับความผันผวนทางธุรกิจ บริษัทถูกคนงานประท้วง ผลประกอบการขาดทุน ครอบครัวโดนฟ้องร้อง หมดตัว แค่ระยะเวลาเพียงไม่ถึงสิบปี เป็นเวลาไม่นานเลย เป็นข้อคิดและเป็นเยี่ยงอย่างของคนยุคนี้ ความอดทน ความจงรักภักดี ความไม่โกหก ยุแยงให้คนเกลียดกัน การใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นเพื่อหวังประโยชน์ให้ตนเองก้าวสู่ความสำเร็จ เขาได้ตั้งปณิธานให้กับตัวเองว่า จะอบรมสั่งสอนลูกๆของเขาให้รู้จักกตัญญูและช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากเสมอ เพื่อวันข้างหน้าพวกเขาตกอับจะได้ไม่ถึงทางตัน.
เรื่องเล่าจากคนข้างบ้าน
โฆษณา