17 มิ.ย. 2021 เวลา 11:50 • ธุรกิจ
ทำไมประเทศญี่ปุ่น เต็มไปด้วย เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
1
หากพูดถึงประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็จะได้พบเห็นเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
ซึ่งนอกจากเรื่องจำนวนเครื่องแล้ว ความหลากหลายและแปลกตา
ของประเภทสินค้าที่ขายผ่านเครื่องเหล่านั้น ก็สะดุดตาไม่แพ้กัน
5
เพราะมีสินค้าตั้งแต่น้ำผลไม้ ชา กาแฟ ขนม ซุปอุ่นร้อน อาหารพร้อมทาน บุหรี่ สาเก เบียร์
ไปจนถึงตั๋วรถไฟ หรือแม้แต่เครื่องสั่งอาหาร เช่น ราเม็ง ก็มีเป็นตู้อัตโนมัติ
ซึ่งถือว่าสร้างความตื่นตาตื่นใจและเป็นสีสันให้นักท่องเที่ยวได้มากทีเดียว
1
แล้วอะไรที่ทำให้เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
ได้รับความนิยมสูงในประเทศญี่ปุ่น ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
3
จริง ๆ แล้ว เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 1 ในประเทศอียิปต์
โดยวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ชาวกรีกที่ชื่อว่า เฮโรแห่งอะเล็กซานเดรีย
เขาคนนี้ได้คิดค้นเครื่องอัตโนมัติ ที่รับชำระด้วยเหรียญ เพื่อใช้สำหรับขายน้ำมนต์ในวิหาร
9
แต่ถ้าเราพูดถึงเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติแบบที่เราคุ้นตาในยุคปัจจุบัน
มีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศอังกฤษ ในช่วงกลางทศวรรษ 1880s
โดยถูกนำไปใช้จำหน่ายโปสต์การ์ดและแสตมป์ ซึ่งก็ได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง
ในเวลาต่อมา เครื่องดังกล่าวก็ได้เริ่มนำมาใช้ขายสินค้าประเภทขนม
2
ปี 1888 บริษัทหมากฝรั่งสัญชาติอเมริกันที่ชื่อ Thomas Adams
เริ่มขายหมากฝรั่งด้วยเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติตามสถานีรถไฟในนิวยอร์ก
2
ปี 1893 โรงงานช็อกโกแลตสัญชาติเยอรมัน ที่ชื่อ Stollwerck
เริ่มขายช็อกโกแลตด้วยเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
7
แม้ว่าจะมีจุดเริ่มต้นจากอังกฤษ แต่ประเทศที่เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก กลับกลายเป็นประเทศที่อยู่ในอีกซีกโลกหนึ่ง
นั่นก็คือ “ประเทศญี่ปุ่น”
ในประเทศญี่ปุ่น เริ่มมีการใช้เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติหลังจากฝั่งตะวันตกได้ไม่นาน
โดยในช่วงทศวรรษ 1900s ได้ถูกเริ่มนำมาใช้ขายโปสต์การ์ด แสตมป์ และสาเก
2
ต่อมา เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติเริ่มใช้กันแพร่หลายมากขึ้น จากเป็นเครื่องขายขนม
ก็ได้กลายมาเป็นเครื่องขายน้ำผลไม้และเครื่องดื่มในช่วงปลายทศวรรษ 1950s
13
ภายหลังน้ำผลไม้และเครื่องดื่ม ก็ได้กลายมาเป็นสินค้าหลัก ที่ถูกนำมาวางขาย
ในตู้กดสินค้าอัตโนมัติและมีสัดส่วนเกินกว่าครึ่งหนึ่งของสินค้าทั้งหมด เลยทีเดียว
2
ปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่นมีเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติกว่า 4 ล้านเครื่อง
คิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติทั่วโลก
3
Cr.livejapan
ในขณะเดียวกัน เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ 1 เครื่อง
จะครอบคลุมประชากรญี่ปุ่นราว 30 คน
ซึ่งถือเป็นความหนาแน่นต่อประชากร ที่มากที่สุดในโลก
2
โดยสินค้าที่ขายผ่านเครื่องอัตโนมัติเหล่านี้
มียอดขายในญี่ปุ่นต่อปีกว่า 1.31 ล้านล้านบาท
3
แล้วอะไรกัน ที่ทำให้เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
ได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น ?
ถ้าเป็นเรื่องของความสะดวกสบาย หรือความรวดเร็วในการซื้อสินค้า
โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางสำนักงาน ซึ่งผู้คนต่างใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ
เหตุผลเหล่านี้ ก็ควรทำให้เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ ได้รับความนิยมสูงมากในหลายประเทศ
แต่ความนิยมในประเทศญี่ปุ่นนั้น เกิดขึ้นจาก “ปัจจัยเฉพาะตัว” ผสมเข้าไปด้วย
2
ปัจจัยแรก มีต้นทุนค่าแรงที่สูง
1
ประเทศญี่ปุ่นเผชิญกับการขาดแคลนแรงงาน
ทั้งจากอัตราการเกิดที่ต่ำ จนนำมาซึ่งสังคมผู้สูงอายุ
รวมถึงแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานในญี่ปุ่น ยังมีไม่เยอะเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
5
แรงงานที่ขาดแคลน จึงทำให้ต้นทุนค่าแรงแพงขึ้นตามไปด้วย
เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติเหล่านี้จึงตอบโจทย์ เพราะสามารถขายของได้แม้ไม่ต้องมีพนักงานขาย
ใช้เพียงพนักงานที่นำสินค้าไปเติม และเก็บเงินออกจากตู้เท่านั้น
4
ปัจจัยที่สอง ประชากรกระจุกตัวอยู่ในเมือง และอสังหาริมทรัพย์มีราคาแพง
2
ญี่ปุ่น ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหนาแน่นของจำนวนประชากรต่อขนาดพื้นที่มากที่สุดในโลก
และประชากรกว่า 90% ของประเทศ กระจุกตัวอาศัยอยู่ในเมือง
จึงทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่นมีราคาสูง
3
Cr.livejapan
ผู้ประกอบการ ทั้งร้านค้าปลีกรวมถึงเจ้าของสินค้า จึงเลือกขายสินค้าผ่านเครื่องอัตโนมัติ มากกว่าการเปิดร้านค้า เพราะเมื่อเทียบรายได้จากการขายที่เท่ากัน การขายผ่านเครื่องอัตโนมัติ ใช้พื้นที่น้อยกว่าร้านค้า จึงทำให้มีต้นทุนถูกกว่า
4
ปัจจัยที่สาม มีอัตราการขโมยของน้อยมาก
2
ประเทศญี่ปุ่น มีอัตราการขโมยของต่ำมาก เกือบจะน้อยที่สุดในโลก
และอัตราการทำลายทรัพย์สินสาธารณะก็น้อยมากเช่นกัน
การติดตั้งเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติในพื้นที่สาธารณะ จึงทำได้อย่างสบายใจ
7
และปัจจัยสุดท้าย คนญี่ปุ่นยังคงใช้เงินสดเป็นหลัก
ประเทศญี่ปุ่น มีสัดส่วนการชำระเงินโดยไม่ใช้เงินสดอยู่เพียง 20%
ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
เทียบกับสัดส่วนในประเทศเกาหลีใต้ที่ 96% และจีนที่ 66%
5
ซึ่งเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ ที่ส่วนใหญ่ยังคงรับชำระด้วยเหรียญเป็นหลัก
จึงยังคงได้รับความนิยม แม้มีบางเครื่องจะเริ่มใช้บัตรเติมเงินที่ใช้แทนเงินสดได้
อย่างเช่น IC Card มาตั้งแต่ปี 2001 แล้ว แต่ยังถือเป็นสัดส่วนที่น้อย
4
ถึงแม้ว่าปัจจัยทั้งหมดนี้ จะทำให้ประเทศญี่ปุ่นอุดมไปด้วยเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
แต่อนาคตของเครื่องเหล่านี้ กลับกำลังเผชิญความท้าทาย..
1
เพราะในประเทศญี่ปุ่น ที่บอกว่ามีเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติกว่า 4 ล้านเครื่อง
1
แต่จำนวนดังกล่าว ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 5.6 ล้านเครื่องเมื่อปี 2000 หรือหายไปกว่า 1 ใน 4
2
ซึ่งผู้ที่มาแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดไปก็คือ “ร้านสะดวกซื้อ”
โดยเฉพาะกับสินค้าอย่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และกาแฟกระป๋อง
ที่ยอดขายลดลงอย่างมีนัย นั่นก็เป็นเพราะว่า
ปี 1995 ญี่ปุ่นเลิกขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านเครื่องอัตโนมัติ เพื่อป้องกันผู้ซื้อที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์
ปี 2008 ญี่ปุ่นเริ่มให้ผู้ซื้อบุหรี่ต้องยืนยันอายุก่อนซื้อ การซื้อโดยตรงจากร้านสะดวกซื้อจึงสะดวกกว่า
ปี 2011 เหล่าเชนร้านสะดวกซื้อ เริ่มมีเครื่องชงกาแฟดริปให้บริการในราคาไม่ต่างจากกาแฟกระป๋อง จึงทำให้คนหันมาซื้อกาแฟชงสดจากร้านสะดวกซื้อแทน
3
และต่อเนื่องมาจนถึงปี 2020 ที่ผลจากโควิด 19 ดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติเหล่านี้
เพราะสามารถซื้อสินค้าจากตู้ได้โดยตรง ไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนขาย
3
แต่ปัญหาก็คือว่า เมื่อคนส่วนมากทำงานที่บ้าน
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาตามท้องถนนจึงลดลงและถึงต่อให้เดินผ่าน
ก็คงหลีกเลี่ยงการสัมผัสตู้สาธารณะเหล่านี้โดยไม่จำเป็น
กลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติเป็นประจำจึงหายไป
ส่งผลให้ยอดขายผ่านช่องทางนี้ลดลงกว่า 30%
7
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ขายต่างก็หันไปผลักดันช่องทางออนไลน์มากขึ้นแทน
ซึ่งก็สอดคล้องกับความต้องการของผู้ซื้อที่เลือกพึ่งพาช่องทางออนไลน์มากขึ้นเช่นกัน
2
ซึ่งเรื่องนี้ก็สะท้อนได้จากข้อมูลการสมัครบัตรเครดิตใหม่
ที่แม้ว่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะยังคงเป็นสัดส่วนน้อยนิดเมื่อเทียบกับเงิดสด
แต่ก็เริ่มเร่งตัวขึ้นได้ในปีโควิด หลังจากที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมมานาน แต่ไม่เป็นผล
3
และนี่ก็คงเป็นอีกเรื่องที่น่าจับตาว่า พฤติกรรมผู้บริโภค
ที่เปลี่ยนแปลงไปจากวิกฤติโควิด 19 จะกลายเป็นปัจจัยเร่ง
ให้เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติในประเทศญี่ปุ่น เลือนหายไปเร็วขึ้นหรือไม่..
โฆษณา