17 มิ.ย. 2021 เวลา 09:09 • หุ้น & เศรษฐกิจ
รู้จักหุ้น MINT มีธุรกิจอะไรบ้าง ?
สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักลงทุนในตลาดหุ้น ถ้าให้พูดถึงแบรนด์ The Pizza Company, Swensen's, Sizzler, Burger King, Dairy Queen หรือ Bonchon เชื่อว่าส่วนใหญ่คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่คงจะมีส่วนน้อยที่จะทราบว่าแบรนด์พวกนี้ล้วนอยู่ในเครือของหุ้น MINT ทั้งหมด
MINT หรือชื่อเต็มๆคือ ไมเนอร์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) (Minor International) เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2510 (ค.ศ.1967) โดย คุณวิลเลี่ยม ไฮเน็ค (William Heinecke) ซึ่งเป็นชาวอเมริกันที่มาอาศัยอยู่ที่ประเทศไทย ในวัย 17 ปี โดยมีธุรกิจเริ่มต้นในตอนนั้นเป็นบริษัททำความสะอาดสำนักงานและบริษัทโฆษณา
โดยในปัจจุบัน MINT มีโรงแรมอยู่ในการดูแลมากกว่า 520 แห่ง และร้านอาหาร กว่า 2300 สาขา อีกทั้งแบรนด์ในเครือกว่า 50 แบรนด์ และมีการดำเนินธุรกิจอยู่ในกว่า 55 ประเทศทั่วโลก
ธุรกิจในเครือ MINT สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลักๆ ดังต่อไปนี้
1. ธุรกิจโรงแรม (Minor Hotels) ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัท โดยคิดเป็นสัดส่วน ประมาณ 76 % ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท (อ้างอิงจากสัดส่วนรายได้จากผลประกอบการในปี 2019 ช่วงก่อนที่จะมีการระบาดของ โรค โควิด-19) โดยบริษัทในเครือโรงแรม นั้นคิดเป็นสัดส่วนเปอร์เซ็นต์กว่า 90% จะมาจากทางฝั่งยุโรป และอีก 6% เป็นของธุรกิจในประเทศไทย(ที่มาข้อมูล จาก minor.com)
ภาพตัวอย่าง แบรนด์ของ MINOR HOTELS
2.ธุรกิจอาหาร (Minor Foods) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย โดยมีร้านอาหารกว่า 2,300 สาขา ใน 26 ประเทศ สำหรับธุรกิจอาหารนั้น จะมีสัดส่วนหลักอยู่ที่ประเทศไทย โดยคิดเป็น 74 % รองลงมาจะเป็นประเทศออสเตรเลียที่ 15% จีน 5% และอื่นๆอีก 6% ข้อมูลของปี 2020 (ที่มาข้อมูล จาก minor.com) ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้รวมที่มาจากธุรกิจอาหารจะอยู่ที่ประมาณ 20% ของรายได้รวมบริษัท
ภาพตัวอย่าง แบรนด์ของ MINOR FOOD
3.ธุรกิจไลฟ์สไตล์ (Minor Lifestyle) บางคนอาจจะคิดว่า ทางไมเนอร์นั้นมีแค่ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารเท่านั้น โดยในตัวธุรกิจนี้ บริษัทถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ใหญ่เป็นลำดับต้นๆของประเทศไทย โดยมีจุดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์กว่า 420 แห่งทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ ทางบริษัทฯยังประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้าโดยมีโรงงานเป็นของตัวเองอีกด้วย โดยในฝ่ายธุรกิจ Lifestyle นั้นจะมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 4%
ภาพตัวอย่าง แบรนด์ของ MINOR LIFESTYLE
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันนั้น หลักๆ ทางไมเนอร์เอง ก็ยังได้รับผลกระทบที่สืบเนื่องมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยบริษัทฯจำเป็นต้องปิดให้บริการโรงแรมในส่วนใหญ่ ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของตัวบริษัทนั้นเอง อย่างไรก็ตาม ทางไมเนอร์เองได้มีการปรับตัว ในการขยายธุรกิจไปยัง “สถานที่กักกันทางเลือก สำหรับผู้ที่ต้องกักตัว” ซึ่งมีส่วนช่วยให้โรงแรมในเขตกรุงเทพมหานคร ยังพอมีรายได้อยู่บ้าง
โดยผลประกอบการ ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 12,653.86 ล้านบาท จากเดิม 23,855.48 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าทางไมเนอร์ต้องรับศึกหนักแบบนี้อีกนานแค่ไหน
โดยนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ทางไมเนอร์นั้นก็ได้ทำการออกหุ้นกู้รวมถึงหุ้นเพิ่มทุน มาเพื่อทำการเสริมสภาพคล่องให้กับการดำเนินธุรกิจ โดยในปัจจุบันภาระหนี้สินของทั้งบริษัทอยู่ที่ราว 2.8 แสนล้านบาท โดยเงินครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้ เป็นหนี้สินที่มีอัตราดอกเบี้ยรวมอยู่ด้วย
ซึ่งก็เป็นที่น่าติดตามว่า ในขณะที่บริษัทฯยังมีผลประกอบการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะหนักขึ้นอีกในไตรมาสที่ 2 ถ้าสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายหรือมีแนวโน้มการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายครั้งสำคัญของทางไมเนอร์เอง ว่าจะสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างไร..
**หมายเหตุ** ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง อย่าลืมศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจ ก่อนลุงทุนทุกครั้งเสมอ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก minor.com, set.or.th
-กดติดตาม รู้ก่อนลงทุน-
อัพเดทบทความน่ารู้เกี่ยวกับการลงทุนในทุกวัน
โฆษณา