" ยูโร 96 จุดสิ้นสุดของซาคคี่ "
อังกฤษ กำลังพุ่งเป้าไปที่การคว้าแชมป์เมเจอร์แรกนับตั้งแต่ปี 1966 พวกเขามีโอกาสไม่น้อยเมื่อคู่แข่งที่เคยแข็งแกร่งอย่าง สเปน, เยอรมัน, ฮอลแลนด์ เองก็อยู่ในช่วงผลัดเลือดใหม่ไม่แกร่งอย่างเก่า
ผลงานของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ถือว่าทำได้ตามเป้า ฟุตบอลอาจไม่สวยงามนัก การตัดสินใจหลายครั้งค้านความรู้สึกแฟนๆ แต่ตราบที่"มันได้ผล" ทุกอย่างก็จะถูกลืมไปก่อน
แฟนบอลอังกฤษกำลังครุ่นคิดถึงเนื้อเพลง Three Lions (Football's Coming Home) กันอีกครั้ง
It's coming มันกำลังมา
Football's coming home ฟุตบอลกำลังจะกลับบ้าน
เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อต้อนรับ ยูโร 96 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ ในวาระครบรอบ 30 ปีแชมป์โลกเมื่อปี 1966 และครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้จัดทัวร์นาเมนต์เมเจอร์
อย่างที่เรารู้กันว่าสุดท้ายอังกฤษก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ฟุตบอลยังไม่ได้กลับบ้าน แต่ ยูโร 96 มีหลายเหตุการณ์ที่ประทับใจแฟนบอล
ลูกยิงของ พอล แกสคอยน์ ใส่สก็อตแลนด์, คาเรล โพบอร์สกี้ สร้างชื่อด้วยการชิพใส่โปรตุเกส, ทีมที่ร้อนแรงอย่างเช็ก และโครเอเชีย โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม และประตูทองของ โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์
แต่สำหรับอิตาลี ในฐานะรองแชมป์โลกเมื่อ 2 ปีก่อน มันเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ไม่น่าจดจำเลย แต่มันคือทัวร์นาเมนต์ที่เปรียบได้กับจุดจบของ อาร์ริโก้ ซาคคี่ หนึ่งในเทรนเนอร์ที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งสุดตลอดกาล
หลังจบศึกฟุตบอลโลก USA 94 ซาคคี่ ก็นำทีมลงทำศึกยูโร 96 รอบคัดเลือก โดยทีมร่วมกลุ่มเป็นพวกชาติที่แตกมาจากโซเวียต และยูโกสลาเวีย เดิม และหลายชาติลงเล่นในฐานะทีมชาติเอกราชเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นโครเอเชีย, ลิทัวเนีย, ยูเครน, สโลวีเนีย และ เอสโตเนีย
ซาคคี่ ขึ้นชื่อว่าเป็นกุนซือที่มีความเป็นตัวเองสูง มั่นใจตัวเอง ชอบฟุตบอลเกมรุก แต่ก็เน้นวินัยในเกมรับและการฝึกซ้อม เขาจึงขัดแย้งกับหลายๆ คนไปทั่ว
ไม่เว้นแม้แต่นักเตะอย่าง โรแบร์โต้ บาจโจ้ ซึ่งหลังตอนคัด ยูโร 96 ซาคคี่ พยายามถ่ายเลือดใหม่ทันที อิตาลี เปิดมาไม่ดี เสมอสโลวีเนีย 1-1 , บุกชนะเอสโตเนีย 2-0 เกมต่อไปคือการเจอโครเอเชีย ในบ้านเตะที่ปาแลร์โม่
เกมนี้เอง ซาคคี่ เรียก บาจโจ้ กลับมาช่วยทีมหลังคลายความขัดแย้ง แต่ไม่วาย แพ้คาบ้านต่อทัพโครแอต ที่อยู่ในช่วงสดสุดขีดทั้ง ซโวนิเมียร์ โบบัน, ดาวอร์ ซูเคอร์, โรเบิร์ต โปรซิเนซกี้
หลังจบเกม นักเตะหลายคนไม่พอใจวิธีการทำงาน แนวทางการเล่นของ ซาคคี่ พยายามเรียกร้องให้เขาลาออก แต่ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลีอย่าง อันโตนิโอ มาตาร์เรเซ่ ไม่สนใจ เพราะเขาคือคนที่แต่งตั้ง ซาคคี่ มาคุมทีมชาติในปี 1991
ซาคคี่ นั้นโด่งดังสุดขีดมาจากการนำ เอซี มิลาน ให้กลายเป็นทีมสุดยิ่งใหญ่ คว้าแชมป์ยุโรป 2 สมัย, สคูเด็ตโต้ 1 สมัย ในระยะเวลา 4 ปี
เขาเป็นกุนซืออิตาเลี่ยน ที่นิยมชมชอบฟุตบอลเกมรุก เขาพยายามทำฟุตบอลเกมบุก โดยได้อิทธิพลมาจากการดู เรอัล มาดริด และทีมชาติฮอลแลนด์ ในยุครุ่งเรือง ขณะที่เขาเติบโตขึ้นมา
เขามักไม่ลงรอยกับ ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือคนที่เข้ามาคุม เอซี มิลาน ต่อจากเขา โดยระบุว่า คาเปลโล่ นั้นเน้นแค่ผลการแข่งขัน แต่มองไม่เห็นความสวยงามของเกมฟุตบอลเลย
อย่างไรก็ตามหลังจบบอลโลกที่สหรัฐอเมริกา ฟุตบอลของ ซาคคี่ กลับไม่สวยงามอย่างที่หวัง เมื่อแพ้ โครเอเชีย สื่อก็ไปถาม โรบี้ บาจโจ้ ทันที
"ผมไม่แปลกใจเลยที่เขาโดนสื่อตำหนิ เขาสัญญาว่าจะทำทีมเล่นฟุตบอลเกมรุกน่าตื่นตาตื่นใจ แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ"
นี่เป็นฟางเส้นสุดท้ายระหว่าง ซาคคี่ กับ บาจโจ้ และเขาไม่เรียกเทพบุตรเปียทองคำมาเล่นให้อิตาลี เลยตลอดรอบคัดเลือก ยกเว้นเพียงเกมเจอกับ สโลวีเนีย ตอนเดือนกันยายน 1995 แค่นัดเดียว
อย่างไรก็ตาม อิตาลี ก็ผ่านเข้ารอบสุดท้ายไปเล่น ยูโร 96 ที่อังกฤษจนได้ ด้วยการเป็นอันดับ 2 ที่ดีที่สุด (พวกเขามีแต้มเท่าโครเอเชีย แต่ เฮด ทู เฮด เป็นรอง) ช่วงท้ายๆ ของรอบคัดเลือก ฟุตบอลน่าตื่นตาตื่นใจของ ซาคคี่ พอมีแววให้เห็นบ้าง ด้วยการถล่มยูเครน 3-1 และลิทัวเนีย 4-0
ซาคคี่ ใช้นักเตะถึง 37 คนตลอดรอบคัดเลือก 10 นัด โดยไม่นับพวกที่ถูกเรียกมาแต่ไม่ได้ส่งลงสนาม ถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก
เขาสร้างความกังขาให้แฟนบอลอีกครั้ง เมื่อประกาศรายชื่อขุนพลลุยศึก ยูโร 96 ทันทีที่กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 1995/96 ปิดฉากลงเพียงแค่ 1 วัน
แน่นอน เขายึดนักเตะที่ช่วยกันฝ่าฟันเล่นรอบคัดเลือกมาตลอดเป็นส่วนใหญ่ นั่นเข้าใจได้
ก่อนหน้านั้น ตอนคุมอิตาลี ซาคคี่ มั่นใจในลูกทีมเก่าของเขาที่มิลาน มาตลอด แต่กาลเวลาก็ผ่านเลยมาหลายปี บางคนเริ่มอายุเยอะ
ที่ทำให้เซอร์ไพรส์คือการเรียก โรแบร์โต้ โดนาโดนี่ วัย 32 ปีย่าง 33 ที่อยู่ในช่วงขาลง และจ่อจะย้ายไปเล่นกับเมโทรสตาร์ส ในเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ อยู่แล้ว
อีกคนคือ ดีเอโก้ ฟูแซร์ ตัวริมเส้นสารพัดประโยชน์จากฟิออเรนติน่า แม้จะเป็นนักเตะที่ขยันทุ่มเท แต่ไร้ความพิเศษที่จะสร้างความแตกต่างให้ทีม
ทว่าที่แฟนบอลไม่พอใจสุดๆ คือเขาไม่เรียก โรแบร์โต้ บาจโจ้ ติดทีมไปด้วย เหตุผลคือ ซาคคี่ บอกว่า บาจโจ้ มีฤดูกาลที่ไม่ดีนักกับมิลาน และเขาเลือกนักเตะที่เข้ากับทีมได้ดีที่สุดไปเล่น
เขากำลังบอกว่า บาจโจ้ เล่นบอลฉายเดี่ยวเกินไป โดดเด่นเกินทีม ซึ่งมันผิดหลักการทำงานของเขา แต่ยังไงก็ตาม ฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ คุณต้องการนักเตะตัวพิเศษเอาไว้ อย่างน้อยก็ในกรณีฉุกเฉิน และทั่วอิตาลี บาจโจ้ ยังเป็นนักเตะที่สร้างความแตกต่างได้ดีที่สุด
จูเซ็ปเป้ ซินญอรี่ กองหน้าพรสวรรค์สูงอีกคน ที่เพิ่งคว้าดาวซัลโวของเซเรีย อา เป็นหนที่ 3 ในรอบ 4 ปี ก็โดนตัดชื่อ เพราะเคยขัดแย้ง ไม่ขอลงเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายให้กับ ซาคคี่ นับแต่นั้น ซินญอรี่ ก็ไม่เคยติดทีมชาติอิตาลีอีกเลย
จานลูก้า วิอัลลี่ ดาวยิงทรงพลัง ไว และขยัน ในฐานะกัปตันทีมยูเวนตุส ที่เพิ่งคว้าแชมป์ ชปล. มาหมาดๆ ก็โดนตัดชื่อ โดยวิอัลลี่ เคยขัดแย้งกับ ซาคคี่ ตอนปี 92
กองหน้าที่ ซาคคี่ เลือกไปคือ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ เด็กทองคำแห่งยุค, ฟาบริซิโอ ราวาเนลลี่, เอ็นริโก้ เคียซ่า และ ปิแอร์ลุยจิ กาซิรากี้ และ จานฟรังโก้ โซล่า ทั้งหมดนี้มีแค่ โซล่า คนเดียวที่เคยผ่านประสบการณ์ทัวร์นาเมนต์ใหญ่มาก่อน (USA94)
อิตาลี อยู่ร่วมกลุ่มกับ เยอรมัน, สาธารณรัฐเช็ก และรัสเซีย
เกมแรก อิตาลี เอาชนะรัสเซียได้ 2-1 จากการเหมาของ กาซิรากี้ แต่นักเตะอย่าง เดล ปิเอโร่, โซล่า ไปจนถึงตัวสำรอง ราวาเนลลี่ ยังทำผลงานไม่เข้าตา
อีกคู่ เยอรมัน ไม่มีปัญหาในการเอาชนะเช็กไป 2-0
เกมที่ 2 .... โดยปกติแล้วเวลาทีมใหญ่ตกรอบทัวร์นาเมนต์ มักมีจังหวะที่ทำให้นึกถึงว่านี่มันไม่ใช่ทัวร์นาเมนต์ของพวกเขา และสำหรับ อิตาลี มันคือเกมนี้ กับสาธารณรัฐเช็ก
ซาคคี่ เปลี่ยนแนวรุกทั้งหมด จากเกมแรก เดล ปิเอโร่, กาซิรากี้, โซล่า มาเป็น โดนาโดนี่, ราวาเนลลี่ และ เคียซ่า รวมแล้วเขาเปลี่ยนทีมถึง 5 ตำแหน่ง
เขาบอกว่าบอลทัวร์นาเมนต์ จะใช้นักเตะแค่ 12-13 คนไม่ได้ เขาเชื่อมั่นในนักเตะทั้ง 22 รายที่เขาเรียกมา
อิตาลี เล่นเกมรับแบบดันสูงเหมือนเดิม แต่หนนี้เพียง 4 นาทีเศษพวกเขาโดนเล่นงาน พาเวล เนดเวด ในขณะที่ยังเป็นแข้งหนุ่มของสปาร์ต้า ปราก หลุดเข้าไปยิงให้เช็กออกนำ 1-0
หลังโดนกระตุกหนวดไปก่อน อิตาลี ลุยหนัก และตามตีเสมอได้จาก เอ็นริโก้ เคียซ่า ในนาทีที่ 18 และหลังจากนั้นดูเหมือนว่า อิตาลี จะกลับมาเป็นฝ่ายคุมเกม
อย่างที่บอกว่าจังหวะพลิกผันจะเกิดขึ้นในวันที่ไม่เป็นใจ อีกไม่กี่นาทีต่อมา ลุยจิ อพอลโลนี่ ปราการหลังมาโดนเหลือง-แดง ไล่ออกจากสนาม อิตาลีเหลือ 10 คนในนาทีที่ 29 จากนั้นอีกเพียง 6 นาที เช็กก็แซงนำอีกรอบจาก ราเด็ค เบย์เบิ้่ล
ครึ่งหลัง ซาคคี่ ต้องเปลี่ยน กาซิรากี้ กับ โซล่า ลงมาแทน เคียซ่า และราวาเนลลี่ อิตาลี 10 คน เป็นฝ่ายลุยใส่ เช็กอย่างหนัก แต่จนแล้วจนรอดก็เจาะไม่เข้า ตีเสมอไม่สำเร็จพ่ายแพ้ 1-2 แบบพลิกล็อก
ส่วนเยอรมัน พวกเขาไม่มีปัญหาในการถล่ม รัสเซีย 3-0
หนทางเดียวที่เหลือของอิตาลีคือ พวกเขาต้องเอาชนะเยอรมัน ตัวเต็งประจำทัวร์นาเมนต์ให้ได้ เกมนี้เล่นกันที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
ในวันที่จนตรอก อิตาลี มักมีทีเด็ดเสมอ ซาคคี่ ปรับทีมส่ง กาซิรากี้ และ โซล่า กลับมาเป็นตัวจริงในแนวรุก
อิตาลี เริ่มต้นเกมอย่างมุ่งมั่นดุดัน พวกเขาเพรสสูง และภายใน 10 นาที ก็มาได้จุดโทษ อันเดรียส ค็อพเค่ ไปเกี่ยวขาใส่ ปิแอร์ลุยจิ กาซิรากี้ ที่หลุดเดี่ยว ไม่มีข้อกังขาใดๆ
อย่างที่บอกว่าสถานการณ์ของอิตาลี กับยูโร 96 มันไม่บรรจบกันจริงๆ จากลูกจุดโทษ จานฟรังโก้ โซล่า คือคนรับหน้าที่สังหาร เขายิงมันไปให้ ค็อพเค่ เซฟได้แบบไม่ยาก ทิ้งโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย
อิตาลี รวมพลังฮึดบุกใหม่ เยอรมันที่ผ่านเข้ารอบไปแล้ว เล่นแบบรัดกุม ขอแค่ไม่แพ้ก็พอใจ ไม่จำเป็นต้องไปเร่งบุกแต่อย่างใด
ครึ่งหลัง โธมัส ชตรุนซ์ ไปหวดใส่ โดนาโดนี่ จนโดนเหลืองแดงไล่ออกจากสนาม อิตาลี ยิ่งเร่งโหมบุกเป็นการใหญ่ แต่ลูกยิงของ ฟูแซร์ และ โดนาโดนี่ ก็ถูกปฏิเสธโดน ค็อพเค่ เกมจบลงที่ 0-0
จริงๆ แล้วในช่วงท้ายเกม อิตาลี มีหวังเข้ารอบเพราะอีกคู่ เช็ก ที่นำ รัสเซียก่อน 2-0 กลับโดนทีมหมีขาวไล่ยิงแซงเป็น 3-2 ในนาทีที่ 85 หาก รัสเซีย ชนะเช็กได้ อิตาลีจะเข้ารอบตามเยอรมันไป
ทว่าในนาทีที่ 88 วลาดิเมียร์ ชมิเซอร์ ก็ยิงตีเสมอให้เช็กเป็น 3-3 เมื่อข่าวนี้มาถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็ทำให้แฟนบอลอัซซูร์รี่ น้ำตาตก พวกเขาต้องหยุดเส้นทางไว้เพียงรอบแรกเท่านั้น เพราะแม้มีแต้มเท่ากับเช็ก แต่ เฮด ทู เฮด ของพวกเขาเป็นรอง
ในการให้สัมภาษณ์หลังจบเกม ซาคคี่ ยังอารมณ์ฉุนเฉียว เขาบอกว่าทีมของเขาไม่สมควรตกรอบ และยืนยันว่าเขาไม่มีแผนจะลาออกจากตำแหน่ง อย่างน้อยก็จนกว่าจะจบฟุตบอลโลก ฟร้องซ์ 98 ในอีก 2 ปีข้างหน้า
อันโตนิโอ มาร์ตาเรเซ่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอล ก็ยืนหยัดเคียงข้าง ซาคคี่ โดยบอกว่าตราบใดที่เขายังอยู่ ก็ไม่มีแผนจะปลด ซาคคี่ ทว่าอีกแค่ 2 เดือนต่อมา เขาก็โดนโหวตหลุดออกจากตำแหน่ง
ฟุตบอลคือธุรกิจที่ว่ากันด้วยผลการแข่งขัน หากอิตาลี ทำได้ดี วิธีการของ ซาคคี่ ก็อาจถูกลืมๆ ไป แต่เมื่อตกรอบแรก การตัดสินใจของเขาก็โดนโจมตีอย่างหนัก
ยิงได้แค่ 3 ประตู สร้างโอกาสได้น้อยนิด ไม่เรียก 2 แข้งอัจฉริยะอย่าง บาจโจ้ และ ซินญอรี่ มาติดทีม ยึดติดกับ "ระบบ" มากเกินไป แถมเปลี่ยนตัวโดยไม่ระมัดระวังจนส่งผลให้ตกรอบ
ซาคคี่ ยึดติดกับระบบของเขา และระบบที่อาจจะล้าสมัยไปแล้วในปี 1996 เพราะตลอด 10 ปีก่อนหน้านั้นเขาประสบความสำเร็จจากการเพรสซิ่งสูง ที่ต้องฝึกเข้มข้นทุกๆ วัน, กับดักล้ำหน้าที่เขาเคยนำมาใช้ได้ผล แท็คติกถูกพัฒนาไป และไม้ตายเหล่านี้โดนทำลายได้
เยอรมัน คว้าแชมป์ยูโร 96 โดย มัทธิอัส ซามเมอร์ MVP ของทัวร์นาเมนต์เป็นลิเบอโร่ ของทีม ในระบบหลัง 3 ซึ่งเดิมทีอิตาลี เล่นแบบนี้มาตลอดก่อนโดน ซาคคี่ รื้อทิ้ง ปรับมาเล่น 4-4-2
ใช่มันเคยได้ผล แต่มันแสดงให้เห็นว่ากุนซือต้องปรับตัวตาม ฟุตบอลมาแล้วก็ไปและมันอาจจะวนกลับมาใหม่ ซึ่งสำหรับ ซาคคี่ แล้วเขายึดติดกับแบบแผนของเขามากเกินไป ไม่ยืดหยุ่น
เดือนธันวาคม 1996 เขาก็อำลาตำแหน่งเทรนเนอร์ทีมชาติอิตาลี และได้โอกาสกลับไปคุม เอซี มิลาน ทีมที่เขาเคยสร้างชื่อเมื่อ ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ ติดต่อกลับมาหาเขา
อย่างไรก็ตาม ถึงตอนนั้น มันก็แสดงให้เห็นว่าฟุตบอลเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ มันล้ำหน้า ซาคคี่ ไปไกลมาก เขาคุมทีมมิลานจบอันดับ 11 และแพ้ให้ยูเวนตุสคาบ้านถึง 1-6 เขาแยกทางจากมิลานอีกครั้งหลังจบฤดูกาลนั้น
ในปี 1998 เขาโยกไปทำงานในอิตาลี ด้วยการคุม แอตเลติโก้ มาดริด อยู่ 1 ฤดูกาลแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ กระทั่งปี 2001 เขามาคุม ปาร์ม่า อีกหนึ่งทีมเก่าช่วงสั้นๆ แล้วก็หายหน้าไปจากการคุมทีม มาโผล่อีกทีที่ เรอัล มาดริด ในฐานะผู้อำนวยการเทคนิคตอนปี 2004/05 นับจากนั้น เขาก็ไม่เคยหวนกลับมารับงานคุมทีมอีกเลย
ไฮไลท์ของเขากับทีมชาติคือรองแชมป์โลกปี 94 แต่หลายคนก็ชี้ว่า อิตาลี ไปถึงตรงนั้นได้เพราะความมหัศจรรย์ของ โรแบร์โต้ บาจโจ้ ล้วนๆ ไม่ใช่ฝีมือของ ซาคคี่
ขณะที่เขาขึ้นชื่อเรื่องไม่เคยใช้ 11 ตัวจริงซ้ำกันเลย ตลอด 5 ปีที่คุมทีมชาติ เขาใช้นักเตะไปถึง 89 คน หลังจากจบศึกยูโร 96 ชื่อเสียงของ อาร์ริโก้ ซาคคี่ ก็ค่อยๆ จางหายไป
เรียกได้ว่า ซาคคี่ จบเส้นทางในฐานะเทรนเนอร์ของเขาลงที่ปาร์ม่า ในปี 2001 อายุของเขาตอนนั้นเพียง 55 ปีเท่านั้น
อย่าลืมมารับชมคลิปเพิ่มเติมกันที่ :: http://ow.ly/LwOC30rKUmV
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
Facebook : www.facebook.com/cheerball
Twitter : www.twitter.com/cheerballth
Website : www.cheerball.com
Youtube : www.youtube.com/cheerballth
ขอบคุณครับ
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
