18 มิ.ย. 2021 เวลา 05:18 • หุ้น & เศรษฐกิจ
รีวิวกองทุน ONE-UGG-RA
[ONE Ultimate Global Growth เน้นการเติบโตในระยะยาว]
วันนี้ #เด็กการเงิน จะพาไปทำความรู้จักกับกองทุน ONE-UGG-RA ที่มีกองทุนหลัก Baillie Gifford Long Term Global Growth Fund ที่เป็นกองทุนรวมหุ้นเติบโตที่มีความโดดเด่น มีวิธีการทำงานและปรัชญาที่ไม่เหมือนใคร และไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกองทุนนี้ถึงเป็นที่รู้จักและแนะนำต่อกันมากมาย วันนี้เรารีวิวลึกถึงวิธีคิดของทีมเลยทีเดียว
สิ่งที่จะได้จากบทความนี้คือ
1) ปรัชญาการลงทุนของ Baillie Gifford ผู้บริหารงานกองทุนหลัก ONE-UGG-RA
2) แนวทางการเลือกหุ้นของ Baillie Gifford ที่ทำให้กอง ONE-UGG-RA โดดเด่น
3) กองแม่ของ ONE-UGG-RA ลงทุนที่ไหนบ้าง และถือสัดส่วนหุ้นอะไร
4) ผลตอบแทนย้อนหลังของกองแม่ของ ONE-UGG-RA
📌มารู้จักกองหุ้นเติบโตที่โดดเด่นสุดในตลาดตอนนี้ ONE-UGG-RA ปรัชญาของการลงทุนคืออะไร?
กอง ONE-UGG เป็นอีกกองหนึ่งที่ลงทุนใน Master Fund จาก Baillie Gifford ชื่อ Baillie Gifford Long Term Global Growth Fund (LTGG) โดยกองแม่นั้นบริหารงานโดย Baillie Gifford ซึ่งจะบริหารกองทุนที่เน้น Active และเป็นการเลือกจากตัวบริษัทเป็นหลัก (Pure bottom up) โดยจะมองถึงการลงทุนระยะยาวในบริษัทที่มีโอกาสเติบโตหลายเท่าตัวในอนาคต เรียกได้ว่าเป็น Growth stocks อีกทั้งยังมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยความที่แนวทางการบริหารเป็นการลงทุนระยะยาวทำให้จะไม่สนผลงานระยะสั้นเลย ภายใต้ความเชื่อที่ว่า “We are investors, not speculators” พวกเขาคือนักลงทุน ไม่ใช่นักเก็งกำไร
 
📌แนวทางการลงทุนของกอง LTGG (กองแม่ของ ONE-UGG-RA)
1. ลงทุนระยะยาว (Long-term) เขาเชื่อว่าการลงทุนระยะยาวจะเห็นผลมากที่สุด เพราะเขาเชื่อว่าต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 5 ปี เพื่อที่จะได้เห็นถึงความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัท และความสามารถในการบริหารที่ยอดเยี่ยมจากผู้บริหารบริษัทที่เขาลงทุน อีกทั้งทีมจัดการลงทุนเขาก็มองว่าการลงทุนระยะยาว จะช่วยขจัดอารมณ์และพฤติกรรมในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนที่อาจจะทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ และผลตอบแทนที่กองทุนทำได้ 5 ปีที่ผ่านมา สะท้อนการลงทุนระยะยาว สำหรับหุ้นใดหุ้นหนึ่งที่มีระยะเวลาการลงทุนมากกว่า 10 ปีขึ้นไปมักได้ผลตอบแทนดี
2. ลงทุนในหุ้นทั่วโลก (Global Equity) การเลือกลงทุนของทีมที่บริหาร LTGG นั้นไม่มีข้อจำกัดในการดู Benchmark อันใดอันหนึ่ง แต่เขาเลือกลงทุนหุ้นทั่วโลก เพราะเขาเชื่อว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของบริษัท ณ ปัจจุบัน แต่มันคือการมองอนาคตของบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตหลายเท่าตัวต่างหาก
2
3. ลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโต (Growth) โดยจะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพมีการสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างน้อย 2 เท่าตัวในระยะข้างหน้า โดยจะเน้นลงทุนในธุรกิจที่มีนวัตกรรมหรือการเปลี่ยนแปลงที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตรองรับผู้บริโภคในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นด้าน Health Care ผลิตภัณฑ์ที่มาปฏิวัติเทคโนโลยี กลุ่มค้าปลีกออนไลน์ และอื่นๆ
📌แนวทางการเลือกหุ้นของ LTGG
ทางทีมบริหารกองทุน LTGG จะใช้ 10 Questions framework ในการเลือกลงทุนหุ้นใดหุ้นหนึ่ง ซึ่งเขาใช้แนวทางนี้ในการเลือกลงทุน และติดตามการลงทุนรวมถึงพิจารณาถึงความเสี่ยงอีกด้วย เรียกได้ว่าสำคัญมาก
โดยเขาจะมองทั้งหมด 5 ด้าน คือ
1) แนวโน้มการเติบโตของบริษัทในอนาคต
2) ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท
3) ความมั่นคงทางการเงิน
4) วิสัยทัศน์ขององค์กร
5) ความเหมาะสมของราคาหุ้น
กลั่นกรองออกมาจาก 5 ด้านข้างบน จนได้ 10 คำถามดังนี้
1. บริษัทมีแนวโน้มที่รายได้จะเพิ่มขึ้นสองเท่าในห้าปีข้างหน้าไหม
2. สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทในอีกห้าปีข้างหน้า
3. ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทคืออะไร
4. วัฒนธรรมองค์กรมีความโดดเด่นหรือไม่ อย่างไร
5. ทำไมลูกค้าจึงชอบบริษัท
6. ผลตอบแทนคุ้มค่าหรือไม่
7. แนวโน้มฐานะการเงิน ปรับตัวขึ้นหรือแย่ลง
8. มีการจัดการเงินทุนอย่างไร
9. มูลค่าหุ้นน่าสนใจหรือไม่
10. ทำไมตลาดถึงยังไม่สะท้อนถึงมูลค่าบริษัท
2
นอกจากการวิเคราะห์บริษัทด้วย 10 คำถามแล้ว เขายังมีการให้ Sponsor การวิจัยต่างๆ เพื่อที่จะได้ Insight ของคนที่ทำงานจริงๆ แต่ละด้าน เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจลงทุน การลงทุนแต่ละครั้งบริษัทจะเน้นเป็นผู้ถือหุ้นระยะยาว โดยจะมีการสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริหารบริษัทนั้นๆ อีกด้วย เพื่อให้มองภาพรวมของบริษัทได้ชัดขึ้น เมื่อไหร่ที่ตัดสินใจเลือกลงทุนหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง จะถือสัดส่วนราว 1-2% จนไปจนถึง 10% สูงสุด หากมีความมั่นใจมาก ภาพรวมทั้งพอร์ตสามารถมีหุ้นได้ 30-60 ตัว
สิ่งที่ได้จากการลงทุนกองทุนนี้คือ Long term, Global, Growth คือสามคีย์เวิร์ดหลักของกองนี้ หากเป็น Growth investors ที่กำลังมองหาสิ่งเหล่านี้ นี่เป็นกองทุนที่ห้ามพลาดเลยทีเดียว โดยมีคำพูดหนึ่งที่เรารู้สึกชอบมากคือ “Long-term success requires risk taking and ambition, not caution and downside protection”
📌กองนี้ลงทุนที่ไหนบ้างและถือหุ้นอะไรบ้าง?
กองนี้ลงทุนแต่ละประเทศคิดเป็นสัดส่วนตามนี้ อเมริกา 49% จีน 27% และประเทศอื่นๆในยุโรปอย่างเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมัน ในสัดส่วน 3-6% ในแต่ละประเทศ สำหรับอุตสาหกรรมที่ลงทุนนั้น กองนี้ลงทุนในกลุ่ม Consumer discretionary 40.5% Info. Tech 24.5% Communication services 15.5% และ Health Care 15.0%
1
สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก
1. Amazon.com 5.6%
2. Tencent 5.4%
3. Meituan Dianping 5.1%
4. Tesla 4.7%
5. Alibaba 4.6%
📌ผลตอบแทนกองทุน
กอง ONE-UGG-RA นั้นผลตอบแทนโดดเด่นอยู่แล้ว ตามกองแม่ของ Baillie Gifford โดยกองแม่นั้นตั้งแต่กองมาผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 34.5% สูงมาก เทียบกับผลตอบแทนตลาดหุ้นทั่วโลกจาก MSCI ACWI ที่ 14.2% เรียกได้ว่าสูงกว่าเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว หากย้อนไปดูผลการดำเนินงาน กองแม่สร้างผลตอบแทนจากหุ้น Amazon 80x, Tesla 73x, Tencent 32x, Hermes International 18x, Atlas Copco 10x และมีอีกหลายตัวที่เติบโต 8-9x ซึ่งสิ่งที่แลกมาคือความผันผวนในระยะสั้นของหุ้นแต่ละตัวที่มี Drawdown ได้ตั้งแต่ -21% ไปจนถึง -60% แต่ !! พอมาดูในระดับพอร์ต Drawdown จริงๆ แค่ -12% เท่านั้นถ้าเทียบกับ Benchmark ตั้งแต่ตั้งกองมา หุ้น 5 ตัวที่สร้างผลตอบแทนได้เด่นๆ คือ Tesla, Amazon, Tencent, NVidia, และ Alibaba
📌สรุป
กอง ONE-UGG-RA มีปรัชญาและกระบวนการในการลงทุนที่ชัดเจน เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งมีความน่าสนใจอย่างมาก หากใครมองหากองทุนที่รวมบริษัทชั้นนำจากทั่วโลกที่ล้วนมีศักยภาพการเติบโตแบบโดดเด่นเฉพาะตัวในระยะยาว เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และมีความสามารถในการแข่งขันที่เหนือคู่แข่ง บริหารงานโดยผู้จัดการกองที่มีชื่อเสียงระดับโลกจาก Baillie Gifford และแนวทางการลงทุนที่มี High conviction แม้จะเน้นลงทุนระยะยาว แต่กองทุนจะเฟ้นหาโอกาสการเติบโตใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยเปรียบเทียบในเชิงแข่งขันกับแนวโน้มการเติบโตของพอร์ตการลงทุนปัจจุบัน ความเห็นส่วนตัวของเด็กการเงินคือ กองนี้มีความโดดเด่นเหมาะกับการลงทุนระยะยาวเพื่อเติบโตไปพร้อมกับหุ้น growth ที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งเหล่านี้
กองทุนนี้สามารถมีในพอร์ตได้ราว 15-20% เพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมให้พอร์ตในระยะยาว เพื่อสู้กับความผันผวนได้
เด็กการเงินขอขอบคุณข้อมูลจาก ONEAM
เด็กการเงิน DekFinance x ONEAM
โฆษณา