18 มิ.ย. 2021 เวลา 13:47 • ประวัติศาสตร์
แม่น้ำตาปี ที่ ‘ท่าข้าม’
…......
‘แม่น้ำตาปีที่ท่าข้ามหรืออำเภอพุนพิน ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสาร ‘ท่องเที่ยวสัปดาห์’ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๒ สืบค้นในอินเตอร์เน็ต เวปไซค์สถาบันปรีดี พนมยงค์
ท่าข้าม...ทำไม?
หลายคนเคยสงสัยถึงที่มาของ ‘ชื่อบ้านนามเมือง’ บ้างหรือไม่?
‘ท่าข้าม‘ ในที่นี้หมายถึง ท่าข้ามอันเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอพุนพินในปัจจุบันนี้ อดีตเป็นท่าเรือริมฝั่งแม่น้ำตาปีสำหรับข้ามแม่น้ำ เป็นชุมทางสำคัญของเส้นทางสัญจรทางน้ำ และเคยเป็นจุดขนถ่ายสินค้าจากเรือใหญ่ที่ข้ามคาบสมุทร
จึงเป็นที่ตั้งด่านสำหรับตรวจผู้คนและเก็บภาษีอากรระหว่างเมืองไชยากับท้องที่ลำพูน คือ อำเภอลำพูน ซึ่งเป็นแขวงเมืองอยู่ภายใต้การปกครองของเมืองนครศรีธรรมราช
ลำพูน คือ ‘อำเภอลำพูน’ ที่ปรากฏหลักฐานอยู่ในทำเนียบข้าราชการนครศรีธรรมราชประมาณ ร.ศ. ๑๑๖ (พ.ศ. ๒๔๔๐) กล่าวถึงการจัดตั้งอำเภอในมณฑลนครศรีธรรมราช แบ่งการปกครองในสมัยนั้นเป็น ๙ อำเภอด้วยกัน คือ อำเภอเมือง อำเภอเบี้ยซัด อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอกลาย อำเภอสิชล อำเภอพังไกร อำเภอทุ่งสง อำเภอฉวาง และอำเภอลำพูน
ปัจจุบันชื่ออำเภอต่างๆ เป็นไปตามสมัย บ้างส่วนยังคงมีเดิมเดิมมาถึงปัจจุบันนี้ และบางส่วนเป็นพื้นที่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช บางส่วนเป็นพื้นที่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งก็คือ ส่วนพื้นที่อำเภอลำพูน
ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงและยกฐานะเป็นอำเภอต่างๆ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ดังในประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๒๓ หน้า ๔๐๘-๔๐๙ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๑๒๕ (พ.ศ. ๒๔๔๙)
“ด้วยทรงพระราชดำริห์เห็นว่า อำเภอลำพูน ๑ อำเภอพนม ๑ อำเภอพแสง ๑ ในแขวงเมืองนครศรีธรรมราชนั้น อยู่ใกล้ลำแม่น้ำหลวงซึ่งเนื่องไปจากเมืองไชยา การไปมาตรวจตราและการปกครองต้องที่อำเภอเหล่านี้ไปมาทางเมืองไชยาสดวกกว่าที่จะไปทางเมืองนครศรีธรรมราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้โอนท้องที่อำเภอลำพูน อำเภอพนม อำเภอพะแสง รวม ๓ อำเภอนี้จากเขตร์เมืองนครศรีธรรมราชมาขึ้นอยู่ในความปกครองบังคับบัญชาของเมืองไชยามณฑลชุมพรตั้งแต่บัดนี้ต่อไปแล้ว
1
แจ้งความมา ณ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม รัตนโกสินทร ศก ๑๒๕”
และปัจจุบันคือ อำเภอพระแสง อำเภอเวียงสระ อำเภอเคียนซา อำเภอบ้านนาสาร และอำเภอบ้านนาเดิม
………
แม่น้ำตาปีช่วงที่ไหลผ่านอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช (ภาพวิกิพีเดีย)
“ในช่วงปี พ.ศ. ๒๔๔๐ ถึง ปี พ.ศ. ๒๔๔๙ ผู้คนที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่กลุ่มแรกในบริเวณพื้นที่นี้ส่วนใหญ่มาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยล่องเรือมาตามลำน้ำตาปี เมื่อเห็นว่าพื้นที่นี้มีความอุดมสมบูรณ์ก็จับจองพื้นที่ทำกินเพื่อตั้งถิ่นฐาน สิ่งที่เล่าลือเกี่ยวกับการสัญจรทางน้ำของบริเวณนี้คือ ความดุร้ายและชุกชุมของจระเข้ ต่อมามีการสร้างถนนเดินทางด้วยรถยนต์ ผู้คนจากพื้นที่อื่นก็อพยพเข้ามาทำมาหากินและตั้งบ้านเรือนเพิ่มมากขึ้น ขยายเป็นชุมชนตามพื้นที่ต่างๆ ดังเช่นปัจจุบันนี้” (ปริญญา ปานชาวนา. วรรณกรรมท้องถิ่นตามแนวลำน้ำตาปี)
กรมทรัพยากรน้ำแบ่งลำน้ำตาปีออกเป็น ๒ ส่วน คือ ลำน้ำตาปีตอนบน มีอาณาเขตเริ่มตั้งแต่อำเภอพระแสง อำเภอเวียงสระ อำเภอเคียนซา อำเภอบ้านนาสาร จรดตำบลทรัพย์ทวี และตำบลท่าเรือ อำเภอบ้านนาเดิม
แบ่งลำน้ำตาปีเป็น ๒ ฝั่ง ลำน้ำตาปีตอนบนฝั่งซ้าย ครอบคลุมพื้นที่ของตำบลสินปุน ตำบลอิปัน อำเภอพระแสง ตำบลพ่วงพรมศร ตำบลอรัญคามวารี ตำบลเคียนซา อำเภอเคียนซา และลำน้ำตาปีตอนบนฝั่งขวา คลอบคลุมพื้นที่ตำบลคลองฉนวน ตำบลทุ่งหลวง ตำบลเวียงสระ อำเภอเวียงสระ ตำบลควนศรี ตำบลท่าชี อำเภอบ้านนาสาร
ส่วนลำน้ำตาปีตอนล่าง มีอาณาเขตเริ่มตั้งแต่อำเภอพุนพิน อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ไหลลงปากอ่าวบ้านดอน แยกแม่น้ำตาปีออกเป็น ๒ สาย คือ แม่น้ำตาปีตอนล่างที่ไหลไปทางซ้ายมือ เรียกว่า คลองพุนพิน แบ่งเป็น ๒ ฝั่ง ได้แก่ คลองพุนพินริมฝั่งซ้าย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเขาศรีวิชัย ตำบลลิเล็ด อำเภอพุนพิน
3
คลองพุนพินริมฝั่งขวา คลอบคลุมพื้นที่ตำบลบางโพธิ์ ตำบลบางไทร ตำบลบางชนะ ตำบลคลองฉนาก
1
แม่น้ำตาปีตอนล่างที่ไหลไปทางขวามือ เรียกว่า คลองแม่น้ำตาปี แบ่งออกเป็น ๒ ฝั่ง ได้แก่ คลองแม่น้ำตาปีริมฝั่งซ้าย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคลองน้อย ตำบลบางใบไม้ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี
และคลองแม่น้ำตาปีริมฝั่งขวา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวัดประดู่ ตำบลตลาด อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี
………
แม่น้ำตาปีมองจากควนสราญรมย์ แม่น้ำพุมดวงสมทบกับแม่น้ำตาปี ภาพจาก ‘สยามเทวะ’ ในบทความ ‘ศรีวิชัยที่ไชยา’ โดยอาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม
ท่าข้าม...จุดเริ่มของลำน้ำตาปีตอนล่าง
บ้านไทรงาม ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน มีคลองลำพูนเป็นคลองเล็กๆ แยกจากแม่น้ำตาปีไปทางทิศตะวันออก ไหลไปบรรจบกับคลองท่าสะท้อนที่บ้านท่าเรือใต้ อำเภอบ้านนาสาร แล้วไหลไปทางทิศเหนือรวมกับแม่น้ำตาปีอีกครั้งทางด้านทิศตะวันตกของเขาหัวควาย อำเภอพุนพิน
เมื่อผ่านบ้านไทรงาม แม่น้ำตาปีไหลไปทางทิศเหนือ ผ่านบ้านป่ายาง บ้านปากพง บ้านปากแพรก ผ่านเขาหัวควายและเขาผีเสื้อ บ้านบางอ้อ บ้านท่าตะเภา บ้านปากบางอ้อ แล้วรวมกับแม่น้ำพุมดวงที่ไหลมาจากทิศตะวันตกตรงบริเวณก่อนถึงควนท่าข้ามหรือควนพุนพิน ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของที่ว่าการอำเภอพุนพิน
จากนั้นแม่น้ำตาปีไหลไปทางทิศเหนือ ผ่านบ้านท่าข้ามหรือควนท่าข้าม ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญยิ่งจุดหนึ่งของการเดินทางข้ามมหาสมุทรมลายู
ชัยวุฒิ พิยะกูล และกลิ่น คงเหมือนเพชร กล่าวถึงเส้นทางแม่น้ำตาปีที่ท่าข้ามนี้ไว้ในบทความ ‘ข้ามคาบสมุทรมลายู : จากคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ถึงอ่าวบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี’ ไว้ว่า
“เพราะเป็นแหล่งที่ได้พบโบราณวัตถุสถานจำนวนมาก มีศาสนสถานตั้งอยู่บนควนท่าข้าม เป็นชุมชนสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ ณ จุดนี้แม่น้ำตาปีแยกออกเป็น ๒ สาย สายหนึ่งแยกไปทางทิศเหนือ เรียกว่า ‘คลองพุนพิน’ หรือ ‘แม่น้ำพุนพิน’ ผ่านบ้านคุ้งยาง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี แนวคลองพุนพินนี้เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างอำเภอพุนพินกับอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี
ต่อจากนั้นผ่านบ้านหัวเขา ตำบลศรีวิชัย อำเภอพุนพิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดเขาศรีวิชัย และวัดเขาพระอานนท์ เป็นแหล่งโบราณคดีที่ได้พบหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีจำนวนมากแห่งหนึ่งของภาคใต้ทางด้านฝั่งตะวันออก สิ่งของส่วนใหญ่อยู่ในสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์” (สถาบันทักษิณคดี มหาวิทยาลัยทักษิณ)
ปริญญา ปานชาวนา กล่าวไว้ใน ‘วรรณกรรมท้องถิ่นตามแนวลำน้ำตาปี’ ถึงบริเวณคลองพุนพินว่า
“ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้มีชุมชนโบราณสำคัญคือ ชุมชนโบราณเขาศรีวิชัย สันนิษฐานว่าชุมชนทั้งหมดเป็นจุดขนถ่ายสินค้าจากเรือใหญ่ที่ข้ามคาบสมุทรระหว่างฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรภาคใต้ ความเจริญของชุมชนดังกล่าวเป็นผลมาจากการค้ากับภายนอกทั้งอาหรับ อินเดีย และจีน”
…......
แม่น้ำตาปีสมทบกับแม่น้ำพุมดวง กลายเป็นแม่น้ำสองสี ภาพจากหนังสือ ‘มีดีที่พุนพิน’
ท่าข้าม? ทำไม
หากมีใครพึงสงสัยว่าทำไมจึงเรียก ‘ท่าข้าม’ อาณาบริเวณที่เรียกกันว่า ‘ท่าข้าม’ ในอดีตมักเป็นสถานที่ตั้งติดแม่น้ำ และใช้ในการเดินทางข้ามไปมา ซึ่งสมัยนั้นคือ ‘เรือ’ ที่ใช้ข้ามฟาก
และสำหรับอาณาบริเวณ ‘ท่าข้าม’ อำเภอพุนพิน มีความสำคัญในฐานะชุมทางและจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ในฐานะชุมทาง นอกจากจะเป็นท่าเรือสำหรับข้ามแม่น้ำตาปีแล้ว ยังเป็นสถานที่สำคัญในการเดินทางติดต่อผ่านแม่น้ำตาปี ไมว่าจะเดินทางไปทางลำน้ำพุมดวงไปยังคีรีรัฐนิคม พนม ตะกั่วป่า พังงา และภูเก็ต” (เดโช บุญชูช่วย)
‘ท่าข้าม’ อำเภอพุนพิน ยังมีที่มาจากการเรียกขานนี้ว่า มาจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช คราวยกทัพลงใต้เพื่อปราบชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราชอันเกิดจากการรวบรวมผู้คนเพื่อเป็นกำลังพลในการต่อสู้ป้องกันเมืองนครศรีธรรมราชเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับพม่า พ.ศ. ๒๓๑๐ ต่อมาเมื่อพระองค์กอบกู้เอกราชกลับคืนจากพม่าได้สำเร็จจึงมีการปราบชุมนุมต่างๆ ที่เกิดขึ้นขณะนั้น และเมื่อยกทัพหลวงมาถึงบริเวณที่มีแม่น้ำตาปีขวางอยู่จึงทรงให้หยุดทัพรอจนกว่าน้ำลดลงจึงยกทัพข้ามไปได้ ชาวบ้านเรียกบริเวณนี้ว่า ‘บางทัพข้าม’ ต่อมาเพี้ยนไปเป็น ‘บางท่าข้าม’ และเรียก ‘ท่าข้าม’ มาถึงปัจจุบัน (ปริญญา ปานชาวนา. วรรณกรรมท้องถิ่นตามแนวลำน้ำตาปี)
‘ท่าข้าม’ จึงไม่ใช่เพียงจุดข้ามฟากของการเดินทาง แต่ยังเป็นจุดข้ามผ่านของการค้าขายข้ามคาบสมุทรระหว่างฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของคาบสมุทร เป็นที่ตั้งของชุมชนโบราณที่เกิดขึ้นจากการค้ากับภายนอกทั้งอาหรับ อินเดีย และจีน
…......
ที่มาของภาพ :
ภาพของ ‘แม่น้ำตาปี’ ภาพแรก เป็นภาพ ‘แม่น้ำตาปีที่ท่าข้ามหรืออำเภอพุนพิน ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสาร ‘ท่องเที่ยวสัปดาห์’ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๒ สืบค้นในอินเตอร์เน็ตพบโดยบังเอิญจากการเข้าไปค้นหาเรื่องราวของ ‘ปรีดี พนมยงค์’ ในเวปไซค์สถาบันปรีดี พนมยงค์
อีกภาพหนึ่งของแม่น้ำตาปีมองจากควนสราญรมย์ แม่น้ำพุมดวงสมทบกับแม่น้ำตาปี ภาพจาก ‘สยามเทวะ’ ในบทความ ‘ศรีวิชัยที่ไชยา’ โดยอาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม
ภาพสุดท้าย แม่น้ำตาปีสมทบกับแม่น้ำพุมดวง กลายเป็นแม่น้ำสองสี ภาพจากหนังสือ ‘มีดีที่พุนพิน’
………
1
เอกสารอ้างอิง :
กนกวรรณ แก้วเกาะสะบ้าและอัจฉรา บุญเรือง. (๒๕๕๓). ฐานเศรษฐกิจและทุนทางวัฒนธรรมอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี. สุราษฎร์ธานี : มหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี
ชวน เพชรแก้ว. (๒๕๓๒). วรรณกรรมท้องถิ่นสุราษฎร์ธานีจากหนังสือบุด. สุราษฎร์ธานี : วิทยาลัยครูสุราษฎร์ธานี
ชลดา เลื่อมใสสุข และชุมศักดิ์ แสงศรคำ. (๒๕๕๓). ฐานเศรษฐกิจและทุนทางวัฒนธรรมอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี. สุราษฎร์ธานี : มหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี
ปริญญา
สมพร ศรีอาภานนท์ และสารภี ชนะทัพ. (๒๕๕๓). ฐานเศรษฐกิจและทุนทางวัฒนธรรมอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี. สุราษฎร์ธานี : มหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี
………
โฆษณา