19 มิ.ย. 2021 เวลา 01:20 • ความคิดเห็น
Sales Division เขามีชีวิต….อย่างไรกัน 🎯📊
ผู้คนทั่วไป อาจไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ถึงคำว่าแผนกขาย ส่วนงานขาย หรือฝ่ายขาย หากไม่ได้เข้าไปปฏิบัติงานในส่วนงานดังกล่าว ซึ่งโดยผิวเผิน เรามักจะเข้าใจว่า ทุกๆบริษัท ที่ติดประกาศรับสมัคร พนักงานขาย โดยมีข้อเสนอเงินเดือนที่ดี มีคอมมิชชั่นนั้น มันคงเป็นตำแหน่งงาน ที่ไม่น่าจะยาก และซับซ้อนอะไร คงแค่เข้าพบลูกค้า เสนอสินค้า ลดแลกแจกแถม ง่ายๆนิดเดียว ใครๆก็น่าจะทำได้
ก็อาจจะมีบางส่วนจริง และบางส่วนไม่ใช่ เพราะหากตัวสินค้า มันพื้นๆ ก็น่าจะขายได้ไม่ยากนัก แต่โดยส่วนใหญ่ มันไม่ง่าย บริษัทจึงจำเป็นต้องจ้าง Sales มาเพื่อขายสินค้าโดยตรง แทนที่จะขายทาง online แถมให้ค่าตอบแทนเยอะเสียด้วย ก็เป็นเพราะว่าสินค้าบางประเภท ที่จำเป็นต้องใช้ sales มักจะเป็นสินค้าเฉพาะทาง การแข่งขันเยอะ หรือราคาสินค้าสูง ยากที่ลูกค้าจะตัดสินใจเลือกซื้อได้ทั่วๆไป
ก่อนหน้า ที่ผู้เขียน จะมามีประสบการณ์ตรง กับแผนกนี้ ก็คิดว่ามันคงหมูๆ และพอมีโอกาส ได้มาทำงานตรงนี้ จึงรู้ว่างานขาย ไม่หมูอย่างที่คิด เพราะคุณสมบัติที่พนักงานขายคนนึงต้องมี จึงจะเอาตัวรอดก็คือ ชอบการแข่งขัน อดทนกับแรงกดดัน มุมานะ โรคจิต หน้าด้าน เจ้าเล่ห์ หัวไว แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่ง มีความคิดสร้างสรรค์ และซื่อสัตย์ หากมีคุณสมบัติเหล่านี้ จึงจะสามารถเป็น Sales ที่ประสบผลสำเร็จได้
เมื่อมองย้อนกลับไป ในวันเริ่มต้นการทำงาน เริ่มต้นจากต้องแข่งขัน กับตัวเอง และเพื่อนๆ ที่เข้ามาทำงานพร้อมกัน เพราะจะต้องพ้นการทดลองงาน และโชคดี ที่ได้พบว่า ตัวเอง ชอบงานๆนี้ แม้ว่า งานนี้จะ สร้างความกดดันให้ชีวิต อย่างสูงปรี๊ด ในทุกนาที แต่งานขาย ก็สามารถทำให้เสพติด จนลืมวัน เวลา มารู้ตัวก็ไปไหนไม่ได้เสียแล้ว
เผอิญได้มีโอกาสดูซีรีย์เรื่อง Misaeng ซึ่งเป็นซีรี่ย์ที่ถ่ายทอดภาพชีวิต ของพนักงานขาย ออกมาได้เหมือนชีวิตจริง ไม่ผิดเพี้ยน เรียกว่านั่งดูแล้ว แอบรำพึง กับตัวเอง ว่า นั่นมันเรานี่หว่า อย่างงั้นเลยเชียว
แผนกขาย มักจะถูกสร้างออกมาเป็นทีมย่อยๆ และให้นั่งทำงานอยู่ในบริเวณเดียวกัน เวลาทำงาน มักจะได้ยินการพูดคุย ของกันและกัน ได้ค่อนข้างชัดเจน จึงไม่แปลก ที่พอทุกคนเข้ามาประชุม ในทุกๆวัน เสียงก็จะดังเหมือนนกแตกรัง
หัวหน้าทีม ก็มักจะเสียงดัง ตอนด่าลูกน้อง หรือทีม ได้รับการสั่งซื้อจากลูกค้า ก็จะมีเฮกันอย่างครึกโครม เสียงดัง กดดันให้ทีมขายที่อยู่ใกล้ๆ ต้องหาทาง ทำให้ทีมตัวเอง ได้เฮกันบ้าง มันเป็นกลอุบาย การจัดที่นั่ง ให้ทุกคน ซึ่งเป็นสัตว์สังคม เกิดแรงกระตุ้น ให้ชิงดีชิงเด่นกันนั่นเอง
และก็เป็นเรื่องจริง ที่ในแผนก มีเรื่องการเมือง ซึ่งหากใคร ฉอเลาะ เอาใจหัวหน้างาน หรือกลุ่มผู้บริหาร ก็จะมีการปลดล๊อคปัญหาได้ง่ายกว่าคนหัวดื้อ เถรตรง
ในยุคนั้น เป็นเอามากๆ เรื่องการใช้พื้นฐานการศึกษา มาแบ่งชนชั้น บางคนจบจากสถาบันดัง ก็จะมาทับถม คนจบจากสถาบันที่ไม่ดัง ตั้งกันเป็นแก๊งค์ เป็นก๊วน ประมาณว่ากลุ่มฉันจบจุฬา เธอจบราชภัฏเหรอ อะไรประมาณนั้นเชียว บางคนจบโท ก็ข่มคนจบตรี สร้างความกดดัน จนทำให้ชีวิตซวนเซ ได้ไม่น้อย หากต้องเดินไปได้ยินบ่อยๆ
2
แล้วมันก็จริง ที่มีบางคน ผ่านงานมาอย่างมั่นอกมั่นใจ คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว เรียนมาเยอะ มีประสบการณ์มามาก พอถูกสอนงานง่ายๆ ก็จะไม่สนใจ ไม่อดทน ทำตัวโดดเด่น ส่วนใหญ่พวกนี้จบจากสถาบันที่มีชื่อเสียง (แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกคน) แล้วสุดท้าย ก็จะถูกแซงหน้า จากคนที่เขา เหยียดว่าโง่กว่า นั่นเอง
และก็จริง ที่จะมีพนักงานขาย บางคนที่อ่อนด้อย เรื่องโปรไฟล์ สถาบันไม่ดังแต่มีไอเดียดี และอดทน พยายาม เมื่อทำงานสำเร็จ ก็จะถูกอิจฉา และนินทาลับหลัง คนประเภทนี้ มีน้อย เหมือนเพชรในตม
1
บรรดา ตำแหน่งใหญ่โตบางคน ก็มักจะมีการเมือง แข่งขันกันเองเช่นกัน พวกเขาจึงต้องหาผู้คน มาเสริมอำนาจ หากเด็กหน้าใหม่ๆ เข้ามา จะถูกเรียกให้ไปเป็นพวก หากไม่ยอมก้มหัวให้ ชีวิตจะอยู่ยาก ถูกขัดความเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ ทำดีแคไหน ก็ไม่เคยได้ดี เท่ากับคนที่ยอมเป็นเบี้ยล่าง
เวลามีงานเป็น Project ใหญ่ๆ มีมูลค่าสูงๆ พวกเราก็จะไม่ได้หลับได้นอน เป็นสัปดาห์ๆ เป็นแบบนั้นจริงๆ บ่อยครั้ง นอนกันที่บริษัท และทำงานข้ามคืนข้ามวัน ซึ่งมันเหนื่อยแทบหมดแรง แต่พองานสำเร็จ ก็จะเฮ กันอย่างหนัก แล้วก็พากันไปกิน หรือเมากันอย่างสุดเหวี่ยง
และก็จริง ที่มีพนักงานบางคน ใช้ทางลัดทางรวย แอบยักยอกเงินบริษัท โดยรวมหัวกับลูกค้า ด้วยการไปสร้างบริษัท ของตัวเอง มายักย้าย ถ่ายเงินไปเข้ากระเป๋าตัวเอง ส่วนใหญ่ หากถูกจับได้ จะถูกต้องไล่ออก แบบสายฟ้าฟาด และถูกดำเนินคดี พร้อมกับโดนหนังสือเวียน จนไปสมัครงานที่อื่นๆไม่ได้
พนักงานขายบางคนเห็นแก่ตัว เอาเปรียบเวลาทำงาน เอาเวลางาน ไปทำประโยชน์อื่นๆ ส่วนตัว เนื่องจากอาชีพนี้ ทำงานอิสระ แทบจะไม่ต้องเข้ามาที่บริษัท หัวหน้า กับลูกน้อง จะเชื่อใจกันจาก การส่งแผนงาน และสรุปผลงานในทุกๆสัปดาห์
บ่อยครั้ง เป็นเรื่องจริง ที่จะมีหัวหน้างาน บางคน ชอบโยนงานให้เด็กใหม่ทำ และแย่งงานน้องไป present เป็นของตัวเอง อย่างหน้าด้านๆ โดยไม่เคยให้เครดิต กับน้องใหม่เลย แต่หากงานนั้นมีข้อผิดพลาด จะโทษน้องทันที มีให้เห็นอยู่ประปราย
แล้วก็ใช่อีกแหละ ภาษาที่ 2-3 ผู้ใดมีตรงนี้มาด้วย ก็จะโดดเด่น เพราะหากมีการอบรม จากตัวแทนต่างประเทศ หรือลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ ภาษาจะเป็นตัวปลดล๊อคได้ทั้งหมด แต่จะมีบางพวกที่ตัวสั่นงันงก แบบว่า แย่ แล้ว ชาวต่างชาติโทรมาฟังไม่ทัน วิ่งเกาะหลังเพื่อนคนเก่ง จนเพื่อนเหนื่อยใจ จึงเป็นเรื่องที่ต้องดิ้นรน หาความรู้เพิ่มเติม เพราะไม่อย่างนั้น หนทางข้างหน้า จะไม่ราบรื่น
อีกเรื่องหนึ่ง ที่ซีรีย์ สื่อออกมาให้เห็น ถึงพฤติกรรมของผู้จัดการ ในแต่ละทีม ที่แตกต่างกัน บางคนดี บางคนแย่ น้องใหม่คนไหนโชคดี ก็จะเหมือนทีมขาย 3 ในซีรีย์ แล้วก็มักจะใช่ ที่หัวหน้าทีมที่สามารถบริหารการทำงานเป็น teamwork ได้นั้น มักจะขัดขากับผู้บริหารระดับสูง จนถูกสกัดดาวรุ่ง ลูกทีมก็มักจะลำบากไปด้วย ส่วนทีมไหน ที่หัวหน้าทีมอยู่เป็น ก็จะเจริญรุ่งเรือง ทั้งๆที่ผลงานก็งั้นๆ เพียงแค่ คอยคาบข่าวไปเพ็ดทูล ผู้บริหารบางคน ที่มีอำนาจ ก็อยู่สุขสบาย ไร้กังวล เพราะมีผู้ใหญ่สนับสนุน
การสอนงานน้องใหม่ ก็เหมือนการโคลนนิ่ง ลูกพี่มักจะสอนงาน และอบรม น้องๆ ด้วยสไตล์ตัวเอง จนมักจะมีคำพูดให้ได้ยินเสมอว่า “หัวหน้าเป็นอย่างไร ลูกน้องมักจะเป็นอย่างนั้น” และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
สรุปได้ว่า หากอยากจะเข้าใจชีวิต sales อย่างถ่องแท้ ลองไปนั่งดูซีรีย์เรื่องนี้ แล้ว คุณจะนั่งอมยิ้ม นั่งเครียด นั่งลุ้นตาม เพราะทีมขาย มันมีชีวิตเป็นแบบในเรื่องนี้แทบจะทุกอณู ทีเดียวเชียว😊
🎯 บทสนทนาที่ประทับใจ จากการสอนงานน้องใหม่ตอนหนึ่งในซีรี่ย์
“ หากคุณเดินตามแมลงวัน คุณจะพบปลายทางคือห้องส้วม แต่หากคุณเดินตามผึ้ง ปลายทางของคุณจะเป็นทุ่งดอกไม้กว้าง แล้วแต่คุณจะเลือกเดิน”
1
โฆษณา