18 มิ.ย. 2021 เวลา 21:46 • ไลฟ์สไตล์
“ชาติพันธุ์” ฝรั่ง VS ไทย (ตอนที่ 1)
เคยสงสัยไหม “ชาติพันธุ์” นั้นสำคัญไฉน ใช่ศักยภาพของชาติพันธุ์หรือไม่ที่ทำให้ ฝรั่ง และ ไทย ต่างกัน และทำให้ฝรั่งกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในวันนี้ เพราะอะไร และ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น มาจับเข่าคุยกันจ้า😊
เคยมีบางท่านได้กล่าวไว้ว่า "ชาติพันธุ์" ที่ต่างกันที่มีอยู่ในประเทศไทย และ ฝรั่ง เป็นสาเหตุทีทำให้แต่ละแต่พื้นที่แต่ละประเทศมีความเจริญต่างกัน นั้นจึงเป็นที่มาและทำให้เกิดเรื่องเล่าในตอนนี้
ชนชาติ เชื้อชาติ หรือ ชาติพันธุ์ สามารถแยกออก หรือ เห็นความแตกต่างได้เมื่อมองจากลักษณะภายนอกหรือเมื่อได้ยินภาษาพูด
แต่หากเรามองข้ามลักษณะภายนอก และ พิจารณาลึกถึงภายใน เราจะเห็นว่า ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์เหมือนกัน
ไม่ว่าจะดำจะขาว ชาวเขา ชาวดอย คนจน คนรวย ลาว พม่า ไทย จีน ฝรั่ง ญี่ปุ่น ฯลฯ
ต่างก็มีความรู้สึกไม่ว่าจะ รัก โลภ โกรษ หลง เจ็บปวด หวงใย ฯลฯ ซึ่งเป็นพื้นฐานความรู้สึกของมนุษย์เช่นกัน
ทุกประเทศที่พัฒนาแล้ว การที่เขาจะได้รับการยอมรับว่าพัฒนาแล้ว ไม่ใช่เพราะเขามีตึกรามบ้านช่องที่ใหญ่โตสวยงามหรือทันสมัย เพราะนั้นเป็นเพียงแค่เปลือกนอก
สิ่งที่ใช้พิจารณานั้นมีหลากหลายมิติ หนึ่งในนั้นคือ คุณภาพชีวิตที่ดีของพลเมือง ที่มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน โดยไม่แยกสีผิว เชื้อชาติ หรือ ชนชาติ
พลเมืองของประเทศสวีเดนประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ แต่ทุกคนมีสิทธิพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน
(เรากล่าวถึงเฉพาะในประเทศสวีเดน เพราะฝรั่งแต่ละประเทศอาจจะมีแนวคิดเกี่ยวกับชนชาติต่างกัน โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา)
ดังนั้นชนชาติ เชื้อชาติ หรือ ชาติพันธุ์ สำหรับฝรั่งในประเทศสวีเดน (ส่วนใหญ่) จะถูกมองข้าม และให้ความสำคัญที่ความเป็นมนุษย์ ทุกคนมีพื้นฐานความเป็นมนุษย์เหมือนกันและเท่าเทียมกัน
แล้วทำไมประเทศสวีเดนจึงเป็นประเทศที่พัฒนาได้ แต่ทำไมประเทศไทยยังเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา และ ”กำลังพัฒนา” มาเนินนาน
ทำไมไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเป็นประเทศที่พัฒนาได้สักที “ชาติพันธุ์” มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
เรามาเริ่มที่การจิตนาการและนึกภาพย้อนไปในอดีตเมื่อร้อยห้าสิบปีที่แล้ว
ตอนนั้นสวีเดนเป็นประเทศที่ยังไม่พัฒนา ยังประกอบไปด้วยประชาชนที่ยากจน มีช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนสูง และมีความเหลื่อมล้ำในสังคม
แล้วการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?
🔺การตระหนัก และ มองเห็นปัญหาร่วมกันของประชาชน🔺
การจ่ายภาษี คือ หน้าที่ของประชาชนที่มีมาช้านาน และ “คอรัปชั่น” ที่มีอยู่ในแทบทุกที่ ทุกสังคม และทุกยุคทุกสมัยเมื่อมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
เป็นตัวปัญหาที่ทำให้ภาษีซึ่งจัดเก็บมาจากประชาชนตกอยู่ในมือของชนชั้นนำและผู้มีอำนาจเป็นส่วนใหญ่ และไม่ถูกนำมาใช้ประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง
สิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คือ เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ของเขาสามารถมองเห็น และ ตระหนักถึงปัญหาร่วมกัน เมื่อนั้นจึงเกิดพลังของมวลชนอันแท้จริง
 
🔺การเรียกร้องและการเจราจา🔺
พลังมวลชนที่มาจากคนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่มีจุดหมายเดียวกัน คือพลังที่ทำให้ชนชั้นนำหรือผู้นำของเขาต้องรับฟังเสียงของประชาชน และทำให้เกิดการเจรจาต่อรอง
🔺การค้นหาแนวทางและวิธีแก้ปัญหาร่วมกัน 🔺
เมื่อประชาชนมีความุ่งมั่น สามัคคี และ ผู้นำมีความจริงใจ สองสิ่งสำคัญนี้ที่จะทำให้ทุกฝ่ายช่วยกันศึกษาปัญหา เพื่อค้นหาวิธีแก้ การพัฒนา และรวมถึงวิธีการควบคุม
และแม้จะยังไม่ใช่วิธีที่ดีหรือเหมาะสม ก็จะเกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อนำประเทศไปสู่เป้าหมายการพัฒนาด้วยกัน
🔺การให้การศึกษาผ่านระบบการศึกษา🔺
เมื่อได้ข้อตกลงและแนวทางในการแก้ปัญหา การศึกษามีบทบาทที่สำคัญเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชน และเพื่อให้เกิดความร่วมมือไปในทิศทางเดียวกัน
การศึกษาเมื่อร้อยปีในอดีต พวกเขาต้องเริ่มจากการปรับแนวคิดของพลเมืองที่ตอนนั้นมีทั้งความแตกต่างและความหลากหลาย เพื่อให้ทุกคนเข้าใจปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาไปในทิศทางเดียวกัน
รุ่นต่อรุ่น ที่มีการพัฒนาปรับปรุงมาตลอด ทำให้ปัจจุบันพลเมืองส่วนใหญ่ของพวกเขามีความเข้าใจระบบ รูปแบบ และ แนวทางของประเทศไปในทางเดียวกันมากขึ้น
และตอนนี้เขาเพียงแต่ให้ความสำคัญและมุ่งมั้น เพื่อให้ความรู้และปลูกฝังแนวคิดให้กับเด็กๆ ที่กำลังจะเป็นอนาคตของชาติในรุ่นต่อไป
🔺การเรียนรู้ ผ่านสังคม วัฒนธรรมคำสอน สถาบันครอบครัว และสิ่งแวดล้อม🔺
นอกจากระบบการศึกษาที่มีความสำคัญในให้การเรียนรู้โดยตรง สภาพแวดล้อมทางสังคมที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีความรู้ วัฒนธรรมคำสอนชี้นำ และสถาบันครอบครัว
มีส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันและส่งเสริมให้ประเทศของเขาเดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นประเทศพัฒนาได้อย่างมีศักยภาพ
หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ประเทศที่พัฒนาแล้วทุกประเทศให้ความสำคัญ คือ คุณภาพและประสิทธิภาพของระบบการศึกษา เพื่อปลูกฝังแนวคิดที่จะทำให้เด็กๆ ซึ่งคืออนาคตของชาติ ได้มีความรู้ที่ทันสมัย และในทิศทางเดียวกัน
การที่ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ ความสามัคคี รวมใจกันไปในทิศทางเดียวกัน ภายใต้พื้นฐานสิทธิและเสรีภาพในการพูดและแสดงความออก คือหนทางรอดของประเทศที่มีผู้นำหรือผู้บริหาร ที่มีความจริงใจต่อการพัฒนาประเทศของสวีเดน
สรุป ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงสำหรับประเทศของเขา คือ
 
👉 การร่วมกันตระหนักถึงปัญหาของประชาชน เพื่อเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 🔺สิ่งสำคัญอยู่ที่ประชาชนส่วนใหญ่มีความสามัคคี และให้ความร่วมมือ🔺
👉 การให้ความร่วมมือของชนชั้นนำ สิ่งสำคัญอยู่ที่ ความจริงใจและปราศจากคอรัปชั่น
👉 เครื่องมือ วิธีการ หรือแนวทางเพื่อการแก้ปัญหา พัฒนา และ การควบคุมที่มีประสิทธิภาพ
👉 ระบบการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ
👉 การเรียนรู้ ผ่านสังคม วัฒนธรรมคำสอน สถาบันครอบครัว และสิ่งแวดล้อม
“ชาติพันธุ์” มีผลต่อการพัฒนาหรือไม่?
ส่วนตัวของเราแล้ว 🔸เราไม่คิดว่าชาติพันธุ์คือเงื่อนไขที่สำคัญ🔸 หลักการดังที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้เกิดผลเฉพาะกับประเทศฝรั่งเท่านั้น แต่สามารถที่จะนำไปใช้ให้เกิดประสิทธิผลได้กับประเทศใด หรือ ชาติไหน ก็ได้
ในเอเชียก็มีหลายประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และ สหรัฐอาหรัเอมิเรตส์ ฯ ไม่ใช่ความเป็นฝรั่งเท่านั้นที่ทำให้พัฒนาประเทศได้
 
แต่ถ้าหากสุ่มเลือกคนไทย และ คนสวีเดนในช่วงอายุเดียวกันทีมละ 100 คน มาทดสอบความรู้ความสามารถ
แม้เราจะรักประเทศไทย รักคนไทยแค่ไหน แต่เราก็ต้องยอมรับความจริง และ เชื่อว่า ผลที่ได้ มีโอกาสสูงที่คนสวีเดนจะได้คะแนนนำ
(เราต้องขอโทษถ้าความคิดนี้ขัดกับความคิดของท่าน มันเป็นเพียงความคิดของเรา มันอาจจะไม่ถูกก็ได้)
แม้ความฉลาดจะเป็นยีนที่สามารถส่งต่อกันถึงลูกหลานรุ่นต่อไปได้ กระนั้นเราก็ยังยืนยันอยู่ดีว่าไม่ใช่เพราะชาติพันธุ์ที่ทำให้เราเชื่ออย่างนั้น ไม่มีใคร ที่มีความรู้ความสามารถมาแต่โดยกำเนิด
แต่เป็นเพราะ เราได้เห็นศักยภาพและประสิทธิภาพของระบบการศึกษาของเขา เห็นสภาพแวดล้อมทางสังคมของพวกเขา รวมถึงวัฒนธรรมคำสอน และ สถาบันครอบครัวของพวกเขาแล้ว
สิ่งเหล่านี้ ที่ทำให้เราเชื่อว่าพวกเขามีศักยภาพกว่า ไม่ใช่เพราะ ชาติพันธุ์
ด้วยระยะเวลาในการเดินทางสู่การเป็นประเทศพัฒนาที่ยาวนานของสวีเดน ที่ตลอดระยะทาง พวกเขาได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาแก่พลเมืองของเขามาโดยตลอด
ทำให้พลเมือง (ส่วนใหญ่) ของพวกเขาที่เป็นชาวสวีเดนแต่โดยกำเนิด และที่มีชีวิตอยู่ในวันนี้มีความรู้ความสามารถ
1
(ชาวต่างชาติที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่สวีเดนหลังจากช่วงวัยการเรียน มีระดับความรู้ต่างกัน)
ที่สำคัญแม้แต่ผู้สูงอายุที่ได้เรียนในโรงเรียนระบบก่อนหน้านี้ ก็ได้รับการปลูกฝังแนวคิดที่ทำให้พวกเขาเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงและเดินไปข้างหน้าคู่กับกาลเวลาเสมอ
นั้นทำให้ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ของพวกเขาสามารถยอมรับนวัตกรรมใหม่ๆ มีความอยากรู้อยากเห็น ติดตามข่าวสารบ้านเมือง ข่าวสารรอบโลก และ พยายามคอยอัพเกรดความรู้ของตัวเองเสมอ
แต่ถ้าเราสุ่มนำเด็กทารกต่างเชื้อชาติกัน มาทดสอบ โดยเลี้ยงและปล่อยให้เติบโตในสภาพแวดล้อมเดียวกัน โดยไม่แยกครอบครัว
(เพราะสถาบันครอบครัวมีส่วนสำคัญในการเรียนรู้ของเด็ก) และ เรียนในระบบการเรียนการสอนเดียวกัน
แล้วนำมาวัดผลเมื่อเด็กโตขึ้น ผลที่ได้จากการทดสอบตอนนั้น ถึงจะทำให้เราเชื่อว่า ชาติพันธุ์ มีความสำคัญหรือไม่ และ อย่างไร
หรือแม้แต่ถ้าเราแลกเด็ก โดยเอาเด็กฝรั่งไปเลี้ยงในไทยด้วยครอบครัว วัฒนธรรมและด้วยระบบการศึกษาของไทย
และเอาเด็กไทยมาเลี้ยงด้วยครอบครัว สิ่งแวดล้อมและระบบการศึกษาแบบฝรั่ง
ตอนนั้นเราเชื่อว่า ผลที่ได้คือ คนฝรั่งไตสไทย และ คนไทยสไตสฝรั่ง
ทั้งหมดนี้เราไม่ได้มีเจตนาเพื่อมายกตนข่มท่าน เพราะแม้เราจะอาศัยอยู่ในประเทศสวีเดน แต่ที่นี่ไม่ใช้บ้านเกิดเมืองนอนของเรา
เราไม่มีเจตนาที่จะมาทำให้ท่านเห็นปัญหาและอุปสรรค เพื่อทำให้เกิดความท้อแท้และหมดกำลังใจ
แต่เราต้องการให้ทุกท่านร่วมกันค้นหาและมองเห็นต้นตอของปัญหาด้วยกัน
บางครั้งความจริงอาจจะทำให้เจ็บปวด แต่หากเราไม่สามารถมองเห็นและยอมรับความจริงได้ เราก็จะไม่มีวันเห็นปัญหาที่แท้จริง และ ยิ่งไปกว่านั้น เราจะไม่มีวันค้นเจอวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องได้
เราเชื่อว่าคนไทยทุกคน ทุกกลุ่ม ต่างก็รักประเทศ ต่างก็ต่อสู้เพื่อประเทศชาติ เพียงแต่ยังหาจุดที่ลงตัวไม่เจอ
ประเทศไทยพยายามพัฒนามาเนินนาน มันมีอะไรบางอย่างที่หยุดและฉุดรั้งไว้ เราคนไทยทุกฝ่าย (ที่ไม่ได้รับผลประโยชน์จากใครหรือจากฝ่ายไหน) ควรทำใจให้เป็นกลาง และ พยายามช่วยกันวิเคราะห์ (อีกครั้ง)
หลายท่านเข้าใจสิ่งที่เรากำลังสื่อนี้แล้ว หลายท่านเริ่มสนใจ และอาจจะมีหลายท่านที่ไม่เห็นด้วย หากท่านไม่เห็นด้วยก็ขอให้ท่านมองให้เป็นเพียงความเห็นต่าง เราคนไทยทะเลาะกันมาเยอะแล้ว เราทำร้ายกันเองและเจ็บปวดกันมากพอแล้ว❤️
วันนี้คนที่สนใจอ่านเพจของเรายังมีไม่เยอะ หากเมื่อใดหรือวันใดเกิดมีคนสนใจเพจนี้มากขึ้น หรือเพจไหนก็ตามที่สร้างความสามัคคี หรือให้ความเป็นจริงเพื่อให้ประชาชนเข้าใจกัน เมื่อนั้นก็จะเริ่มถูกรบกวน
ดังนั้นเมื่อมีโอกาส ในตอนที่สอง เราจะมาพูดคุยกันถึงฝังบ้านเรา อะไรที่ทำให้ประเทศไทยติดอยู่กับการเป็นประเทศที่ กำลังพัฒนา มาเนินนาน
สำหรับวันนี้เราต้องขอบคุณทุกท่านที่อยู่เป็นเพื่อนกันจนถึงตรงนี้ เจอกันตอนต่อไปเร็วๆ นี้ บาย บาย 😊😊
🔹 ปล.
ผู้เขียนไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ สิ่งที่สรุปมานี้ สรุปจากความเป็นไปได้ที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น การสรุปเหตุการร้อยกว่าปีเพื่อมาอยู่บนกระดาษหน้ากว่าๆ ดังนั้นยังมีขั้นตอนและรายละเอียดอีกมากมายในความจริงนี้ เช่น
👉 กว่าที่ประชาชนจะมองเห็น เข้าใจ ตระหนักถึงปัญหา และร่วมมือกันนั้นใช้เวลา
 
👉 กว่าที่ชนชั้นนำจะยอมรับข้อเสนอ ไม่ได้เกิดขึ้นในปีสองปี และกว่าจะล้างคอรัปชั่นออกไปให้มากที่สุดนั้น ใช้เวลา
👉 ชนชั้นนำและชนชั้นผู้บริหารนั้นประกอบด้วยกลุ่มคนมากมายหลายฝ่าย กว่าที่แต่ละฝ่าย จะยอมลดอำนาจ และละทิ้งผลประโยชน์ของตนให้ประชาชนนั้นใช้เวลา
 
👉 แนวทางและวิธีการแก้ปัญหาไม่ใช่จะค้นเจอได้ทันที แต่พวกเขาได้ทำการการทดสอบ ทดลอง ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตลอดมา
🔹 อ่านเรื่องเล่าตอนอื่นๆ 🔹
🌻 🌼🌻 🌼🌻 🌼🌻 🌼🌻 🌼🌻 🌼🌻 🌼🌻 🌼🌻
โฆษณา