“ H O W T O เ ห ลี่ ย ม ”
เหลี่ยมยังไงในการเล่นเกมแนว ‘ทำลายมิตรภาพ’ กับเพื่อน ! 👯♂️
ฉบับคิดเอง ลองใช้เอง ขโมยจากเพื่อนมาใช้เอง และไม่เนียนเองสไตล์ผู้เขียน
ขอบคุณรูปภาพมีมจาก pinterest.com
โปรดทำความเข้าใจส่วนนี้สักหน่อยครับ
***เนื้อหาภายในนี้ไม่ใช่ทฤษฎีอะไรอ้างอิง เป็นเพียงประสบการณ์ เรื่องเล่า หรืออื่น ๆ ที่ผู้เขียนพบเจอและลองใช้เอง และเขียนขึ้นมาเพื่อเพิ่มสีสันในการเล่นเกม จำพวกบอร์ดเกม หรือเกมอะไรก็ได้แนวปั่น ๆ ที่หลายคนอาจเรียกว่า “เกมทำลายมิตรภาพ”
***ไม่สนับสนุนให้ “โ ก ห ก” กันและกัน โปรดอ่านเพื่อความบันเทิง หรือจะนำไปปรับใช้ใน เกม ก็ได้นะครับ เน้นว่า แค่ในเกมนะครับ
โอเค พร้อมแล้ว ไปอ่านกันเถอะ ! 😃
เกมยอดนิยมช่วงนี้ ที่ผู้เขียนเองก็ติดพอสมควร เราขอยกให้เกม Among us เลยครับ
ดังนั้น บทความนี้จะพูดถึงทฤษฎีที่เกี่ยวกับชาวเหลี่ยมในเกมนี้กัน
เกมนี้เป็นเกมที่ผู้เขียนทำความเข้าใจการเล่นนานพอสมควร
ไม่ใช่เพราะกฎเกณฑ์ยากหรอกนะครับ แต่เพราะ ทำความเข้าใจว่าจะ “จับเหลี่ยมเพื่อนยังไง” และ “จะเหลี่ยมเขายังไง”
ซึ่งแน่นอน ว่าผู้เขียนไม่ได้เล่นเกมขนาดสืบชนะทุกตา หรือ ฆ่ายับหมดยานตลอด
แต่ความสนุก ความปั่น ความฮา ที่เกิดขึ้นในเกม คือ สิ่งที่เราควรได้จากการเล่นเกม ไม่ใช่เพียงชัยชนะอย่างเดียวเนอะ (ความคิดเห็นผู้เขียน)
อย่างว่า ถ้าเล่นแบบโยน ๆ ไม่เพิ่มสีสัน เล่นลิ้น เหลี่ยม เข้าไป เกมก็คงไม่สนุกเท่าไหร่ใช่ไหมครับ ??? 🙂
ในบทความนี้ จะพูดถึงเหลี่ยมที่เกิดจากการพูดคุย จะยังไม่เอ่ยถึงทริคในเกม หรือ ทริคในการดำเนินเนื้อเรื่อง !
และคล้ายจะเป็นฉบับเผยไต๋ imposter ก็ว่าได้ เพราะตัวละครนี้จำเป็นต้องหลอกลวง
ผู้เขียนขอแบ่งทฤษฎีเกมของผู้เขียนนี้ ออกเป็น 5 ทฤษฎี ดังนี้
1. ปูเนื้อเรื่อง
2. ยิ้มรับ - ขานรับ
3. ต้องเด็ดขาด
4. ทำอย่างจริงจัง
5. ฟังความเงียบ (บ้าง)
ทฤษฎีที่ 1 : ปูเนื้อเรื่อง
ภาพแคปหน้าจอตอนเล่นเกม น่าเศร้ามาก เพราะคนน้อยไปนิดนึง
การปูเนื้อเรื่องเนี่ย ผู้เขียนมองว่า สำคัญมาก
โลกนี้ หลายอย่างเป็นเรื่องยาก ที่เราจะเริ่มต้น กับเกมก็เหมือนกัน ทำให้คนที่ชิงพูดก่อน คนแสดงความคิดเห็นก่อน คนให้ข้อมูลคนแรก สามารถเป็นคนคุมเกมนั้นได้
เทคนิคนี้ ไม่ได้ใช้ได้เสมอไป เพราะข้อมูล ความเห็นที่ตามมาก็สามารถมีข้อมูลที่ดีและดึงดูดคนให้กระแสเกมเปลี่ยนได้
แล้วคนิคนี้ทำยังไง ? 🧐
อันดับแรก ต้องสร้าง Character ในเกมนั้น ๆ ว่าจะพูดมาก จะพูดน้ำเสียงยังไง หรือจะแสดงสีหน้ายังไง (กรณีที่เจอหน้ากันได้ 🥺)
พูดง่าย ๆ ก็คือ จะเล่นใหญ่แค่ไหน ใส่อารมณ์ประมาณในในแต่ละเหตุการณ์
โดยหลักสำคัญคือ ห้ามเหมือนกันในทุกเกม
Character ตัวอย่างที่ผู้เขียนเคยใช้สำหรับเกมนี้
ปล. สายเงียบระวังโดนโหวตออกนะครับ โปรดอธิบายด้วยว่า ที่เงียบเพราะอะไร !!!
ทฤษฎีที่ 2 : ยิ้มรับ - ขานรับ
ทฤษฎีนี้ใช้ได้ดีเมื่อตอนเราเป็น imposter ซึ่งผู้เขียนใช้บ่อย ด้วยหลักการง่าย ๆ คือ มั่วได้ให้มั่ว
ประมาณว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่คนเริ่มสับสน เช่น จำสีไม่ได้ เรียงลำดับเหตุการณ์ผิด เป็นต้น ให้เรามั่ว และแต่งเนื้อเรื่องขึ้นมาในช่วงที่ขาดตอนไปให้เนียนที่สุด โดยไม่บิดเบือนส่วนที่คนอื่นจำได้
และถ้าเราเป็น imposter ให้เราแต่งยังไงก็ได้ เพื่อให้เกิดการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตัวเรา หรือของเพื่อน หรือแม้แต่ป้ายสีว่าคนไหนน่าสงสัย แล้วแต่สถานการณ์เลย
หรือ เมื่อมีคนมั่ว สืบเข้าคนดี เราก็รับบทนั้นเลยจ้า กดได้กด !!!
อย่างไรก็ตาม หากเป็นคนดีย์ อาจจะแสร้งมั่วให้เข้าคนที่เราสงสัยก็ได้ และเขาจะอธิบายเอง
และแน่นอน เราต้องใช้เทคนิคนี้ตาม Character ที่เลือกด้วย ถ้าเป็นสายเงียบ อาจต้องหลุดโลกหน่อย แล้วกลับไปเงียบต่อ
มั่วได้มั่วจ้า
แล้วก็อย่าลืม รีบเสนอเนื้อเรื่องนั้นเป็นคนแรก ๆ ด้วยนะ 😄
ทฤษฎีที่ 3 : ต้องเด็ดขาด
คุมการตัดสินใจช่วงนั้นให้ได้ ถ้าเกิดจำเป็นต้องโหวตเพื่อนที่เป็น imposter ออก ก็ปล่อยผ่านไป และเด็ดขาดการโหวต
แต่คีย์หลักของทฤษฎีนี้คือ คิดอะไร ต้องทำให้ได้ตามที่คิด (ใช้ได้กับทุกเกม ไม่ใช่แค่เกมแนวนี้เท่านั้น ยิ่งเป็นเกมแนววางแผน จะส่งผลอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างให้เห็นภาพ เกม RoV การทำแบบนี้เรารู้จักกันในคำศัพท์ที่ว่า มาโคเกม)
เช่น คิดว่าจะปิดไฟ แล้วตั้มคนที่มาแก้ไฟ จำเป็นต้องทำให้สำเร็จ อย่าลังเล เห็นโอกาสแล้วทำทันที และขอให้ชัวร์ว่า “อย่าลืมคิดละ ว่าทำอันนั้นเสร็จแล้ว จะทำอะไรต่อ”
วางแผนล่วงหน้า คิดไลน์เดินล่วงหน้า และทำให้สำเร็จ เพราะถ้าหมดโอกาส หรือทำไม่สำเร็จ คุณจะต้องนั่งคิดไลน์เดินใหม่อีกครั้งหนึ่ง วนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
และแน่นอน การคิดไลน์เดินออก จะทำให้เราตอนเล่าเรื่อง หรือแก้ตัวตอนประชุมโหวตคนร้ายออก เราจะสามารถแก้ตัวและเข้าใจการเดินของตัวเอง มันจะทำให้เราแต่งเรื่องง่ายขึ้น และปั่นประสาทได้อย่างแยบยล !!
คิดแล้วทำ ทำให้ได้ !!!
หากไลน์เดินเป็นแบบด้านบน เมื่อต้องแก้ตัวจริง ๆ เราสามารถลากให้สีเขียวน่าสงสัยไปพร้อมกับเรา หรือสร้างความบริสุทธิ์ใจไปพร้อมกับเราได้
ไม่ว่าสถานการณ์จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เมื่อรอดจากปุ่มโหวตได้ ให้คิดไลน์เดินใหม่ทันที
สำคัญสุด : เดาไลน์เดินของคนอื่นให้ออก ไม่ว่าจะจากคำพูด พฤติกรรมในเกม หรือใช้ทริคเกม ทำไงก็ได้ เพื่อเอาส่วนนี้ไปเสริมกับ การมั่ว ในทฤษฎีที่ 2
ส่วนหากเป็นคนดี เราจะสามารถเดาไลน์เดินของคนอื่นออกและคาดเดาคนร้ายได้ในที่สุด
ทฤษฎีที่ 4 : ทำอย่างจริงจัง
ทฤษฎีจะบอกให้คุณจริงจังกับคำพูดที่คุณพูด คุณแสดงอะไรออกไป หลอกใครไว้ ให้หลอกต่อไป ซื้อใจต่อไป หรือเรียกง่าย ๆ ว่าทำตัวจริงจังเข้าไว้
แสดงอารมณ์ของเรา ต้องให้เขารู้สึกว่าเราใส่ใจเกม เราเป็นพวกเดียวกับเขา
แต่อย่าลืมว่าต้องไม่หลุดจาก Character ที่เลือกมากนัก
และก็ไม่ใช่ว่า สายเงียบ จะไม่เถียงใครเลยนะ เราสามารถพูดมากเท่าที่จำเป็นได้ เพื่อกลับไปคิดไลน์เดินและกลับไปบทเดิมในตาต่อไป
เราต้องสมมติว่าเราคือตัวละครนั้นจริง ๆ ในเกม มีอารมณ์ร้วมกับมัน นั่นคือจุดสำคัญที่จะทำให้เราคิดคำพูดออก เข้าใจไลน์เดินตัวเอง และเล่นได้อย่างเฉียบคม
จริงจัง เพื่อให้การคิดไลน์เดินนั้นง่าย ไม่ต้องคิดใหม่บ่อย
สมมติ ถ้าเกมนั้น คุณอยากเลี้ยงสีแดง เพราะ Red always sus ‘cause the meme said !!! ละก็ ผู้เขียนมักจะชอบใช้ไลน์เดินให้ Vision ของเราที่กว้างไกลกว่านั้น เป็นการสาดส่องดูผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาสีนั้น แล้วใครแหลมออกมาก็จัดการ เป็นต้น
ทฤษฎีที่ 5 : ฟังความเงียบ (บ้าง)
จริง ๆ หมายถึงฟังคนอื่น เพราะเรารันเกมคนเดียวไม่ได้
การหาจังหวะรันเกมหลังจากชิงพูดก่อน หรือสร้าง Character ได้ในตอนแรกแล้ว การฟัง ด้วยการนิ่งเงียบ หรือแสดงตนเป็นคนดี โดยการพูดประมาณว่า “สีแดง ว่าไง” หรือ “ใครอยู่ไหน” เหล่านี้จะสร้างโอกาสให้เราคิดไลน์เดินออกและทำตามทฤษฎีข้อที่ 2 ได้ง่ายขึ้น
พอข้อ 2 ง่าย ก็ไหล 3 มา 4 ซึ่งค่อนข้างการันตีแล้วว่า “เกมนั้นคุณคุม”
เมื่อมีคนพูด เราเลือกได้สองทาง คือ จะฟังสิ่งที่เขาพูด แล้วเดาไลน์เดินเขา มั่วเรื่องหากเขาสับสน หาจังหวะพูดแทรกเพื่อคุมกระแสเกม นิ่งเงียบเพื่อรอถามคนอื่นต่อ
สุดท้าย การฟังก็จะทำให้เรามีไลน์เดินที่ดี เดาไลน์เดินออก มีแนวทางหาข้อมูล
จริง ๆ เทคนิคเหล่านี้ ใช้กับ Crewmate ได้เช่นกัน แต่เราจะเน้นที่ imposter เพราะว่าปกติแล้วเกมแบบนี้ปั่นประสาทมาก ถ้าเหล่า imposter รู้ไลน์เดินตัวเองและทำได้เป๊ะ เพราะคำโกหกจะถูกประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างมหาศาล ทำให้เกมนั้นปั่นประสาท สร้างความสนุก เฮฮากันได้ในที่สุด
ตานี้เป็นลูกเรือ ที่จับคนร้ายได้ทั้งสองคน เพราะเดาไลน์เดินออกหมด
ทริคการเหลี่ยมที่สำคัญ คือ เดาไลน์เดินของคนอื่นให้ออก ทำตามไลน์เดินตัวเองให้ได้ สร้าง Character ขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองเล่นตามไลน์เดินที่คิดได้สะดวกขึ้น มั่วได้มั่ว และเราจะเหลี่ยมจนกลมในที่สุด 😂😂😂
ยังมีเทคนิคอีก อันนี้เป็นทฤษฎีภาพใหญ่ ที่ผู้เขียนคิดว่าสำคัญ
ผู้คนจะเชื่อ Fact มากกว่า Feeling ดังนั้น การที่เรามีไลน์เดินที่จริงจัง จะทำให้คนฟังข้อความ “สุดเหลี่ยม” นั้นมีสิทธิ์เชื่อว่าเป็นความจริง
และนี่แหละเหตุผล ที่ทำไมเราไม่ควรเอา “ความเหลี่ยม” ไปใช้ในชีวิตจริง
ผู้เขียนเองมักจะเฉลยแทบจะทันทีกับเพื่อนว่าเมื่อสักครู่พูดเล่น หรือกวนเล่นเสมอ เมื่อผู้เขียนเล่นมุก เพราะเราไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิด และการโกหกไม่ใช่เรื่องดีเลย 😰
ปล. หลายคนอาจใช้อยู่แล้ว แต่ผู้เขียนได้สรุปมาจากความคิดเห็นส่วนตัว หากตกหล่น หรือไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยขอรับ 😁
ปล.2 ถ้าเคยดูสตรีมเกมแนวนี้กัน เราอาจจะเห็นเหล่าเกมเมอร์พูดทำนองว่า “ผมทำงี้ดีกว่า เดินไปกับสีเขียว แล้วค่อยแยกเมื่อเจออีกสี” หรือถามคนดู “ผมควรทำไรต่อไปดี ฆ่าพี่เอก (หมายถึง HRK แหละ) ดีไหม” เหล่านี้แหละคือไลน์เดิน ทำให้เหล่าสตรีมเมอร์พูดได้ Flow ในห้องประชุมนั้นเอง
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
