20 มิ.ย. 2021 เวลา 07:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
#รีบรีวิว Record of Ragnarok มหาศึกคนชนเทพ
อนิเมะพล็อตบ้าพลังแต่เหมือนดูซึบาสะฉบับการ์ตูนต่อสู้
Record of Ragnarok มหาศึกคนชนเทพ อนิเมะดัดแปลงจากมังงะยอดฮิตที่หลายต่อหลายคนรอคอย เล่าเรื่องราวของศึกตัดสินชะตาโลก Ragnarok ที่ "บรุนฮิลด์" พี่ใหญ่ของวัลคิรี เสนอในที่ประชุมวัลฮัลลาเพื่อให้เทพ 13 องค์ต่อสู้กับ 13 โคตรคนจากโลกมนุษย์!
1
การฟาดฟกันระหว่างเทพกับมนุษย์ เป็นไอเดียที่เห็นแล้วซื้อใจคนดูได้ไม่น้อยเลย นั่นทำให้ Record of Ragnarok กลายเป็นจุดสนใจตั้งแต่ฉบับมังงะจนกระทั่งอนิเมะลงสตรีมมิ่ง และยิ่งเป็นการ์ตูนแอ็กชันด้วยแล้วทุกคนต้องคาดหวังความมันส์จากฉากต่อสู้เป็นธรรมดา
 
แต่ดูเหมือนว่าทีมงานจะเลือกโฟกัสผิดจุด ตัดเนื้อหาบางช่วงออกไป เปิดศึกชี้ชะตาอย่างเร่งรีบเพื่อเข้าเนื้อหา จนข้ามเนื้อหาบางช่วงออกไป การต่อสู้ในคู่แรกเลยเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่...ระหว่างการต่อสู้กลับไม่เร็วตามไปด้วยเมื่อทีมงานเลือกที่จะคงวิธีการเล่าตามมังงะเอาไว้ แทรกประวัติตัวละครเอาไว้ขณะการแข่งขัน แทรกเรื่องราวในอีดตของตัวละคร เอาไว้ระหว่างแข่งขัน ทำให้อารมณ์ของคนดูถูกขัดระหว่างดู ยิ่งระยะเวลาในการเล่ามีจำกัด (ที่ 15-20 นาที) ทำให้ในแต่ละตอนนั้นใช้เวลาไปกับการเล่าอดีตซะนาน กว่าเทพกับมนุษย์จะง้างอาวุธมาฟันกันทีก็จบตอนแล้ว ไม่ต่างอะไรกับการ ดูกัปตันซึบาสะ ที่กว่าจะยิงแต่ละลูกได้ก็ลากยาวไปหลายตอน
นั่นทำให้เห็นชัดเจนว่าการเคารพต้นฉบับไม่สามารถทำได้ในทุกสื่อ วิธีการเล่าเรื่องแบบนี้ได้ผลในรูปแบบมังงะมากกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็เห็นชัดว่ามันเป็นผลเสียในรูปแบบอนิเมะ
อย่างไรก็ตามอดีตของแต่ละตัวละครนั้นเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อเรื่องราว แม้จะขัดอารมณ์คนดูไปบ้าง แต่เรื่องราวเหล่านี้มีหน้าที่ในการช่วยเติมเต็มตัวละคร และสร้างปมดราม่าให้กับคนดู เพื่อให้เข้าใจแรงจูงใจของตัวละครมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลิโป้ที่พร้อมลุยทุกสมรภูมิ เพราะตลอดชีวิตไม่มีใครที่สามารถต่อกรกับเขาได้อีกแล้ว อาดัม ที่ตัดสินใจหันหลังให้กับเหล่าทวยเทพ หรือโคจิโร่ ที่อดีตคือกุญแจสำคัญในการต่อสู้ของเขา
แม้งานภาพ อาจจะสู้อนิเมะในยุคหลัง ๆ อย่าง Kimetsu No Yaiba, Jujutsu Kaisen หรือ Attack on Titan ไม่ได้ ฉากต่อสู้หลาย ๆ ครั้งลูปการเคลื่อนไหวแบบเดิม ๆ แม้มันจะดูเป็นการใช้ซ้ำจนน่าหงุดหงิด แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูอนิเมะต่อสู้ในยุค 90’s ที่ฉากแอ็กชันไม่ได้มีการขยับอะไรมากมาย แต่ก็สนุกไปกับมันได้ ถึงอย่างนั้นก็แอบสังเกตได้ว่าทีมงานฝั่งการทำอนิเมทเองก็ดูจะให้ความสำคัญผิดจุดไม่แพ้กัน สังเกตเห็นได้ว่าบางฉากที่ไม่ใช่จุดขายของเรื่องทีมงานกลับตั้งใจสร้างความพริ้วไหวให้กับตัวละครได้อย่างน่าประหลาด (เช่นช่วงท้ายของตอนจบ จะสังเกตว่าผมของตัวละคร เกล และ บรุนฮิลด์ มีการเคลื่อนไหวที่ละเอียดขึ้นกว่าฉากอื่น ๆ ) ในขณะที่ฉากต่อสู้ที่เป็นจุดขาบของเรื่อง กลับไม่ให้ความสำคัญขนาดนั้น และหลายฉากกลับทำออกมาได้น่าประหลาด ไม่ว่าจะเป็นฉากรัวหมัดของ อาดัม และ ซุส ที่จะเห็นว่าตำแหน่ง "หัว" ของซุสนั้นอยู่สูงกว่าปกติ
แม้จะชวนให้นึกถึงอนิเมะยุคเก่าแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หาก Record of Ragnarok ถูกสร้างภายใต้การดูแลของสตูดิโอ Mappa ฉากแอ็กชันน่าจะถูกยกระดับให้ดูสนุกขึ้นและน่าสนใจขึ้นได้กว่าที่เป็นอยู่
 
อีกหนึ่งปัญหาสำคัญของทั้งซับไทยและพากย์ที่เกิดขึ้นบน Netflix คือการมองข้าม ช่องแนะนำชื่อตัวละคร แม้ในตอนท้าย ๆ จะมีการแปลชื่อของตัวละครเพิ่มเข้ามาแล้ว แต่ในตอนแรก กลับไม่มีการแปลชื่อของตัวละครสามก๊ก และเทพ หลาย ๆ องค์เลย
 
Record of Ragnarok มหาศึกคนชนเทพ
ดูได้แล้ววันนี้ ที่ #Netflix เท่านั้น (มี #พากย์ไทย)
#จดอ #JUSTดูIT #NetflixTH #มหาศึกคนชนเทพ #RecordofRagnarok
โฆษณา