20 มิ.ย. 2021 เวลา 08:13 • สุขภาพ
ทำความเข้าใจประสิทธิภาพวัคซีนจากนักระบาดวิทยา
เครดิตภาพ ประชาไทย
วันนี้ขอเสนอบทความของเพื่อนผมอีกครั้งในฐานะนักระบาดวิทยาที่พยายามสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องทางสาธารณสุข แม้ต้องก้าวข้ามประเด็นการเมืองไปก่อน (หมอไม่ชอบร้าบานเท่าไหร่ 🤭)
หมอบอกว่าประสิทธิภาพของวัคซีนจะเกิดขึ้นเมื่อคนรับวัคซีนมีจำนวนมากขึ้น
อย่างที่เรา ๆ ได้เสพข้อมูลกันว่า Sinovac มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดโรคที่ 50-80% แต่ประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนักคือ 90% ขึ้นไปเกือบทุกประเทศ
ถ้าประเทศเลือกแผนว่าขอฉีดให้ครบไปก่อน จะเอาตัวไหนก็ได้ขอให้เร็วที่สุด ถ้าได้ Sinovac มาก็ไม่เลวเลย
จากตัวเลขที่เรามี
🔴โควิดนี่ถ้าติดเชื้อ โอกาสป่วยจนต้องเข้ารพ. 20%
🔴ในจำนวนนี้ประมาณ 1/3 จะเป็นผู้ป่วยหนักต้องการใช้เครื่องช่วยหายใจ (7% จากผู้ติดเชื้อทั้งหมด)
🔴ถ้านับที่ผู้เสียชีวิต ก็อยู่ที่ประมาณ 2% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด
สมมติว่าประเทศไทยได้รับวัคซีน Sinovac กับจนครบ 70% ของประชากร (ตามแผนรัฐบาล) เราอาจจะยังมีผู้ติดเชื้ออยู่เรื่อย ๆ เพราะจะยังมีประชาชนอีก 30% ที่ไม่มีวัคซีน และอีกประมาณ 35% (ครึ่งหนึ่งของคนที่รับวัคซีนแล้ว คิดจากประสิทธิภาพขั้นต่ำสุดที่ 50%) รวมเป็น 65% ที่มีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้ออยู่
แต่กระนั้นก็ตาม ตัวเลขของผู้ป่วยหนักที่เป็นภาระจริงของระบบสาธารณสุขจะน้อยลงมาก
จากเดิมที่เรามีผู้ป่วยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ที่ 7% จะลดลงเหลือต่ำสุดลงไปที่ 0.7%
และจำนวนผู้เสียชีวิตอาจจะลดลงต่ำสุดไปที่ 0.2%
นั่นหมายความว่าหากคนไทยทั้งประเทศฉีด Sinovac กันแล้ว แล้วยังมีการระบาดของโรคอยู่ ตัวเลขของการเจ็บป่วยตอนนั้นจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก ในจำนวนผู้ติดเชื้อ 100 คน จะมีผู้ป่วยมากถึง 99 คนที่มีโอกาสที่จะหายเป็นปกติ ลดความรุนแรงของโรคไปอยู่ในระดับโรคหวัดธรรมดาได้เลย
ถึงเวลานั้นเราแทบไม่ต้องตกใจกับการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อวันละ 1,000-10,000 คน แล้ว เพราะในจำนวนนั้นมีโอกาสพบผู้เสียชีวิตน้อยลงมาก
จากเดิมที่อาจจะต้องเจอข่าวผู้เสียชีวิตวันละหลายสิบคนถึงเป็นหลักร้อย ตัวเลขผู้เสียชีวิตจะลดลงมาเหลือหลักหน่วย แม้จะมีผู้ติดเชื้อหลายพันคนก็ตาม
พอตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง โอกาสที่จะมีผู้ป่วยหนักน้อยลง ภาระงานของระบบสาธารณสุขก็จะผ่อนคลายลงไป ถึงเวลานั้นเราไม่ต้องกังวลกับการล็อคดาวน์แล้ว เพราะการล็อคดาวน์จุดประสงค์สำคัญที่สุดคือเพื่อผ่อนภาระของระบบสาธารณสุขไม่ให้หนักเกินไปจนระบบพังและดูแลผู้ป่วยโรคอื่นไม่ได้ ถ้าผู้ป่วยหนักมีน้อยลง โควิดแทบจะกลายเป็นไข้หวัดธรรมดา
อย่างที่เรียนไปหลายครั้ง ว่าประสิทธิภาพของวัคซีนอยู่ที่การฉีดพร้อม ๆ กันของคนหลายคน ไม่ได้อยู่ที่การฉีดของคนคนเดียว ต่อให้มีประสิทธิภาพในระดับปัจเจกต่ำ แต่ยังดีกว่าไม่ฉีดเลย
เขียนให้ทราบถึงอีกมุมหนึ่ง ภาวะที่ต้องการกลับไปทำให้ประเทศมาเดินหน้าแบบปกติให้เร็วที่สุด ไม่จำเป็นต้องรอวัคซีนที่มีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้ 90%+ หรอก เอาวัคซีนที่มีแล้วพร้อมฉีดนี่ก็โอเคแล้ว
ปล. ฮังการี ประเทศเดียวที่ปล่อยให้ประชาชนเข้าสนามบอลเต็มสนาม ไม่มีใครใส่แมสมาเชียร์บอล คือประเทศที่ใช้วัคซีน Sinopharm แบรนด์จีนเป็นตัวเลือกหนึ่งซึ่งประสิทธิภาพในการป้องกันโรคอยู่ที่ 80% เท่านั้น ตอนนี้เค้าฉีดกันประมาณเกินครึ่งประเทศนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่ถือว่าฉีดได้เยอะก็มั่นใจที่จะเปิดให้ประชาชนกลับมาทำกิจกรรมได้แล้ว
ดร.นพ.มูฮัมหมัดฟาห์มี ตาเละ
โฆษณา