มาถึงงานล่าสุดพวกเขาดูจะเปลี่ยนไปมากจนภาพรวมกลายเป็นวง Synth-Rock, Synth-Pop กันแบบเต็มคราบแต่ยังไม่ละทิ้งความมืดหม่นในแบบ Gothic คอยปกคลุมคอนเซ็ปต์หลักอีกชั้น Twisted Tounges แทร็คเปิดมีความ Post-Punk ที่ค่อนข้างสุขุมอยู่ไม่น้อย, Far Too Near เปลี่ยวเหงาด้วยเมโลดี้ร้องของ Davey ผนวกกับการดีไซน์ไลน์กีตาร์ชวนล่องลอย, Dulceria โดดเด่นที่ริฟฟ์เบสจังหวะกลางหนึบ ที่นึกถึง Muse แทบจะทันที, On Your Back ใกล้เคียงกับผลงานยุคกลางของทางวง Post-Punk จังหวะเด้งๆ คงความดาร์คโรแมนติกและใช้ซาวด์คีย์บอร์ดคอยเกลี่ยโทนเพลงออกมาให้ดูเนียนหู
Escape From Los Angeles ซินธ์ร็อคย้อนยุคชวนพุ่งทะยานไปข้างหน้า หากนำไปใช้ประกอบซีรีส์ Stranger Things ล่ะก็เนียนสนิท ถือเป็นอีกงานทดลองที่ทำออกมาได้ค่อนข้างป๊อปติดหู, Begging For Trouble กระเดียดไปทางป๊อปพังค์เพิ่มด้วยซาวด์ซินธ์ล่องลอยฟุ้งไปตลอดทาง, Back From The Flesh เนื้อหาลึกลับดำดิ่ง ใช้เครื่องดนตรีน้อยนิด เน้นการดีไซน์ที่ต้องการความหลอน
Death Of The Party ริฟฟ์กีตาร์แห้งๆกับริธึ่มซาวด์สังเคราะห์ครบองค์ที่เกือบๆจะแตะระดับ New Wave ก็ถือเป็นอีกของใหม่ที่พวกเขาเคยแย้บๆไว้ก่อนหน้านี้บ้าง เมื่อมาเจอกับเนื้อเพลงความหมายวกวนก็พามึนงงได้ไม่น้อย, Tied To A Tree หดหู่กันตั้งแต่ชื่อเพลง เริ่มด้วยอะคูสติกให้บรรยากาศดำดิ่งคลอไปกับเสียงร้องเนิบนาบ ตัดสลับกับพาร์ทคอรัสเพื่อเพิ่มความใหญ่อลังให้ตัวเพลง น่าเสียดายที่ใช้มุกนี้สลับไปมาบ่อยจนเดาทางได้ง่ายไปนิด