คุณรู้ไหมว่าทำไมโลโก้ STARBUCKS ถึงเป็นนางเงือก?
ในยุคสมัยที่คนกำลังบ้าคลั่งกับความเร็วในการสื่อสารและใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบ กลับมีสถานที่แห่งหนึ่งที่เป็นแหล่งพักพิงจิตใจให้กับชาวโลกยุค 5G นั่นก็คือร้านกาแฟค่ะ
ในวันที่ฉันรู้สึกขาดแรงบันดาลใจและนึกอะไรไม่ออก สิ่งที่มักจะทำอยู่เป็นประจำคือพยายามหยุดคิดและไปนั่งพักดื่มกาแฟที่ร้านกาแฟที่ไหนสักแห่ง และร้านกาแฟสตาร์บัคก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ฉันชอบไป เพราะหลงรักรสชาติของกาแฟคาปูชิโนร้อน ๆ และสไตล์การตกแต่งร้านที่ทำให้บรรยากาศภายในร้านดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล และยิ่งได้สูดกลิ่นกาแฟหอม ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ จิบแล้วกลืนมันลงคอก็ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายเบาสบายเหมือนกับวางโลกที่แบกอยู่บนหลังหนัก ๆ เอาไปกองไว้ตรงหน้า และคาเฟอีนในกาแฟก็ช่วยกระตุ้นให้สมองสดชื่นกระปี้กระเป่าทำให้รู้สึกดีขึ้นและพร้อมจะกลับไปลุยงานต่อ ฉันรู้สึกขอบคุณร้านสตาร์บัคและร้านกาแฟอีกหลายร้านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการ เพราะแม้ว่าโลกแห่งความเป็นจริงในการทำงานจะรีบเร่งแค่ไหน แต่ร้านกาแฟก็ยังเป็นสถานที่ให้เราได้หยุดพักหายใจอย่างช้า ๆ ยามที่เหนื่อยล้าจากการทำงานได้เสมอเลยค่ะ
ร้านกาแฟ Starbucks เป็นชื่อที่รู้จักกันดีในหมู่คอกาแฟ และเป็นแบรนด์กาแฟที่ยิ่งใหญ่ของโลก ในส่วนของรสชาติกาแฟนั้นคงไม่ต้องพูดถึง เพราะถ้าอยากรู้คุณต้องไปลองกันเองที่ร้านค่ะ ในบทความนี้ฉันจึงอยากนำเรื่องราวของสตาร์บัคมาแบ่งปันให้กับทุกท่านได้อ่านกัน ว่าร้านกาแฟชื่อดังอันดับหนึ่งของโลกนี้มีความเป็นมาอย่างไร และทำไมแบรนด์ Starbucks ถึงได้มีชื่อเสียงดังก้องไปทั่วโลก
ร้านกาแฟ Starbucks นั้น มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 40 ปี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1971 โดยหุ้นส่วน 3 คน คือ เจอร์รี่ บัลด์วิน ครูภาษาอังกฤษ, เซฟ ซีเกล ครูสอนประวัติศาสตร์ และ กอร์ดอน บาวเกอร์เป็นนักเขียน ทั้งสามคนมีความชอบเหมือนกันสองอย่าง คือ กาแฟของพีท (อัลเฟรท พีท นักธุรกิจรุ่นใหม่ยุคนั้นที่ขายเมล็ดกาแฟคุณภาพดี) และนิยายเรื่อง Moby Dick (นิยายคลาสสิกสมัยศตวรรษที่ 19 ของอเมริกา ประพันธ์โดย Herman Melvilles ) สถานที่ตั้งของร้านกาแฟเล็กๆ นี้อยู่ที่ตลาดไพค์ เพลส (Pike Place Market) เมืองซีแอตเติล มลรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา
เนื่องจากร้านสาขาแรกตั้งอยู่ในเมืองท่าติดทะเลอย่างซีแอตเติล ผู้ก่อตั้งทั้ง 3 คนจึงต้องการใช้ชื่อร้านที่ทำให้คิดถึงการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นในมหาสมุทรและการซื้อขายเมล็ดกาแฟของเหล่าพ่อค้านักเดินเรือในสมัยก่อน “Starbucks” จึงเป็นชื่อที่ผู้ก่อตั้งทั้ง 3 คนลงมติเป็นเอกฉันท์ โดยที่มาของชื่อ Starbucks นั้นแต่เดิมเป็นชื่อของต้นหนเรือล่าปลาวาฬพีคว็อด ในนิยายเรื่อง Moby Dick นั่นเองค่ะ
ส่วนโลโก้ของ Starbucks นั้นเป็นรูปหญิงสาวยกครีบหาง 2 ครีบ เธอมี ชื่อว่า “ไซเรน” (Siren) และเธอก็ไม่ใช่นางเงือกค่ะแต่ทว่าเธอนั้นเป็น ปีศาจแห่งท้องทะเล!!
เรื่องเล่าของ ‘นางเงือกไซเรนสองหาง’ มีหลายตำนาน แต่ไซเรนคือนางเงือกหรือไม่นั้นยังไม่มีการยืนยันแน่ชัด เพราะแต่ละตำนานไม่เหมือนกัน บางตำนานก็บอกว่าใช่ตัวเดียวกัน บางตำนานก็บอกว่าเป็นคนละตัวกัน สำหรับนางเงือกนั้นก็เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปอยู่แล้วว่ามีลักษณะครึ่งคนครึ่งปลา แต่ไซเรนในตำนานโบราณ หรือแม้แต่รูปภาพในยุคเก่ามาก ๆ จะเป็นผู้หญิงครึ่งนกที่ไม่มีปีกค่ะและต่อมาตำนานระยะหลังกลับกลายเป็นว่ามีรูปร่างในลักษณะเดียวกับนางเงือกไป
เรื่องของ ‘ไซเรน’ ในตำราปกรณัมปรัมปราบอกว่า พวกไซเรนอาศัยอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งในทะเล มีเสียงที่ทรงเสน่ห์ เสียงร้องเพลงที่ไพเราะของเหล่าไซเรนมักล่อใจให้พวกนักเดินเรือเดินทางเข้ามาสู่ความตาย แต่ก็ยังไม่เป็นที่ทราบกันว่าพวกนางนั้นมีหน้าตาอย่างไร เพราะไม่มีใครที่เคยเห็นพวกนางแล้วรอดตายกลับมาเล่าให้ฟังต่อได้เลย
ตามตำนานบอกว่า มีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่รอดจากความตายของไซเรนกลับมาได้ คนผู้นั้นก็คือ โอดิสซิอุส ซึ่งเป็นกษัตริย์ของเกาะชื่ออิธาคา และเป็นกษัตริย์ที่มีปัญญามากที่สุดในบรรดากษัตริย์ที่ไปร่วมรบเพื่อชิงกรุงทรอย เมื่อกรุงทรอยตกเป็นของกองทัพกรีกแล้ว โอดิสซิอุส ก็ล่องเรือกลับอิธาคา แต่ระหว่างทางโอดิสซิอุสและสหายถูกซัดพาไปยังเกาะที่พวกไซเรนอาศัยอยู่ นางพวกนี้เป็นนักร้องเสียงหวานไพเราะที่ใครได้ยินจะต้องลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่าง และในที่สุดแล้วเสียงเพลงของพวกนางก็จะพรากชีวิตของเขาเหล่านั้นไป ภูเขาโครงกระดูกขึ้นราของบรรดาผู้ที่พวกนางล่อลวงมาสู่ความตายนั้นกองสูงเรียงรายอยู่ริมชายฝั่งรอบกายของพวกนางซึ่งกำลังร้องเพลงอยู่ โอดิสซิอุสเตือนคนของเขาเรื่องนี้และว่าบอกวิธีเดียวที่จะแล่นเรือผ่านไปได้อย่างปลอดภัย คือแต่ละคนต้องเอาขี้ผึ้งมาอุดหูไว้ อย่างไรก็ตาม ตัวเขาเองต้องการที่จะได้ยินเสียงเพลงของพวกนาง จึงขอให้ลูกเรือมัดตนเอาไว้กับเสากระโดงเรืออย่างแน่นหนาจนไม่สามารถดิ้นหลุดไปได้ พวกลูกเรือทำตามคำสั่งของโอดิสซิอุสและแล่นเรือเข้าไปใกล้เกาะ ทุกคนในเรือนอกจากโอดิสซิอุสแล้วก็ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องเพลงของพวกไซเรนเลย โอดิสซิอุสได้ยินเสียงเพลงที่แสนไพเราะนั่นแต่เนื้อร้องนั้นช่างเย้ายวนใจยิ่งกว่าทำนองเพลงเสียอีก
เนื้อร้องของเพลงกล่าวว่า พวกนางจะมอบภูมิความรู้ให้กับชายแต่ละคนที่มาหาพวกนาง เป็นสติปัญญารอบรู้และจิตวิญญาณที่เฉียบแหลมว่องไว ‘เรารู้ทุกสิ่งที่จะเป็นอนาคตบนโลก’ เสียงเพลงที่มีท่วงทำนองแสนเสนาะหูของพวกนางจะร้องวนอยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา และหัวใจของโอดิสซิอุสก็ปวดร้าวด้วยความโหยหาอยากจะเข้าไปหาพวกนางให้ใกล้กว่านี้แต่เชือกรั้งตัวเขาเอาไว้ทำให้ไม่สามารถดิ้นหลุดไปได้ และในที่สุดอันตรายนั้นก็ผ่านพ้นไป…
ไม่ว่าไซเรน เธอจะเป็นนางเงือกหรือปีศาจแห่งท้องทะเล แต่เธอก็คือสัญลักษณ์ของกาแฟที่ดีที่สุดในโลก บทเพลงของไซเรนที่ขับกล่อมผ่าน Starbucks ร้านกาแฟสุดหรูที่มีสาขาอยู่ทั่วโลกจึงไม่เคยขาดแคลนลูกค้าประจำ บรรยากาศภายในร้านกาแฟสตาร์บัคนั้น บางคนก็นั่งสนทนากันอย่างออกรส และอีกหลายคนก็กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่บนโน้ตบุ๊ค แท๊ปเล็ต บ้างก็นั่งเขี่ยสมาร์ทโฟนเล่น บางโต๊ะก็กำลังเจรจาธุรกิจด้วยท่าทางและหน้าตาเคร่งเครียด ส่วนบาริสต้าก็กำลังชงกาแฟอย่างพิถีพิถันละเมียดละไมอยู่หลังเคาเตอร์บาร์ เมล็ดกาแฟส่งกลิ่นหอมกรุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วร้านผสมผสานกับเสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศ นี่แหละค่ะคือ เสียงเพลงของไซเรนที่ขับกล่อมให้ผู้คนหลงเสน่ห์ร้านกาแฟ Starbucks
“เราเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้ คือพลังที่ยิ่งใหญ่”
ขอให้ทุกท่านจงสร้างธุรกิจโรงแรมที่ดี มีคุณภาพเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยของเรา
หากคุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
โฆษณา