22 มิ.ย. 2021 เวลา 09:00 • ความคิดเห็น
🚈 Trolley Dilemma มุมมองที่แตกต่างเพราะบริบท
วันนี้เนิร์ดอยากที่จะนำเสนอความสำคัญของบริบทว่ามีบทบาทต่อจิตใจของเราอย่างไร ด้วยแบบทดสอบยอดนิยมที่หลายคนต้องเคยผ่านตากันอย่างแน่นอน
นั่นคือรูปภาพของรถไฟที่ควบคุมไม่ได้กำลังที่จะถึงรางแยก 2 ฝั่ง โดยฝั่งซ้ายมีคนนอนเรียงอยู่ 5 คน และอีกข้างมีคนนอนอยู่เพียง 1 คน โดยถ้าหากเราไม่เปลี่ยนทิศทางรถไฟ รถไฟจะเคลื่อนไปในรางที่ทำให้คนทั้ง 5 คนจะเสียชีวิต แต่ถ้าหากเปลี่ยนทิศทางจะมีคนเสียชีวิตเพียงคนเดียว
หากอิงตามงานวิจัยที่น่าเชื่อถือจากหลายแห่ง (สามารถไปศึกษารายละเอียดงานวิจัยเรื่องTrolley Dilemma เพิ่มเติมได้นะครับ) พบว่าจากเหตุการณ์ข้างต้นมีคนจำนวนมากเลือกจะเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้มีผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียว
อย่างไรก็ตามคำตอบที่ถูกต้องยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดแต่ก็สามารถยืนยันได้ในเรื่องของบริบทและกรอบความคิด เพราะเมื่อมีการนำงานวิจัยนี้มาปรับปรุงใหม่
โดยเปลี่ยนจากที่ต้องสับรางเพื่อเปลี่ยนทิศรถไฟ เป็นการที่ยืนอยู่บนสะพานและต้องผลักผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าตกจากสะพานไปให้รถไฟชนแทนจะทำให้รถไฟหยุดทันทีทำให้ทั้ง 5 คนนั้นรอดชีวิตเช่นเดียวกัน
แต่ผลปรากฏกลับออกมาว่าจำนวนคนที่เลือกจะผลักผู้ชายตกลงจากสะพานไปมีน้อยกว่ามากหากเทียบกับกรณีแรก ทั้งๆที่เป็นการช่วยชีวิตทั้ง 5 คนโดยสละชีวิตคนๆเดียวเหมือนกัน แต่ความแตกต่างของทั้งสองงานวิจัยนี้คือเรื่องของ “บริบท”
บริบทที่แตกต่างกันนี้มีผลอย่างไร ในสถานการณ์แรกกรอบความคิดของคนที่ตัดสินใจช่วยเหลือคือ “การเป็นฮีโร่” ที่สามารถช่วยลดจำนวนการเสียชีวิตได้ด้วยมือตนเอง
แต่กลับกันในสถานการณ์ที่สอง กรอบความคิดที่ต้องลงมือผลักผู้ชายข้างหน้าตกลงจากสะพานไปให้รถไฟชนแทน กรอบความคิดที่ใช้ในสถานการณ์นี้คือ “การเป็นฆาตกร” ซึ่งแน่นอนว่าน้อยคนที่จะตัดสินใจลงมือช่วยเหลือ
ทั้งหมดนี้จึงเป็นความสำคัญของบริบท ที่เหตุการณ์ต่างๆในสังคมแม้จะคล้ายคลึงกันแต่ถ้าหากอยู่ในบริบทที่ต่างกัน ความคิดเห็นของคนก็ย่อมเปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้าม
หากจะยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน นักการเมืองที่เข้าหาประชาชนในบริบทตอนก่อนเลือกตั้งและบริบทหลังได้รับตำแหน่ง บริบทที่แตกต่างกันโดยมากพฤติกรรมก็จะต่างไปด้วย หรือจะเป็นสามีภรรยาก่อนแต่งงานและหลังแต่งงานที่บริบทต่างกันก็จะมีความแตกต่างเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
ความเข้าใจในเรื่องบริบทนี้จะทำให้เกิดคำว่า “ใจเขาใจเรา” ที่แท้จริง เพราะจะทำให้เราเข้าใจความจริงที่ว่าแม้แต่แค่บริบทเปลี่ยนไปเพียงเสี้ยววินาทีความคิดคนก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดังนั้นทุกคนล้วนเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและบริบทที่เกิดขึ้น
ขอทิ้งท้ายไว้ในเรื่องการตัดสินคนในเหตุการณ์ต่างๆ ควรจะคำนึงถึงเรื่องบริบทด้วยเช่นกัน เพราะบางครั้งสิ่งที่ทำให้คนๆหนึ่งจะตัดสินใจกระทำการใด บริบทก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญมาก
ที่สำคัญการรับข่าวสารในปัจจุบันก็ควรจะพิจารณาถึงบริบทก่อนและหลังให้รอบคอบ เนื่องจากในปัจจุบันมีเทคนิคการตัดต่อคลิปวิดีโอและบางครั้งอาจจะไปตัดเอาบริบทสำคัญก่อนและหลังออกทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งมากมาย เมื่อคิดได้แบบนี้จึงจะมีสติในการวิจารณ์ข่าวมากขึ้นนะครับ
หากอ่านแล้วได้ประโยชน์ก็อย่าลืมกด Like และ Share ไปให้ทุกคนได้อ่านกันด้วยนะค้าบ 😊
โฆษณา