มือใหม่หัดเล่นหุ้น เริ่มต้นยังไงดี?
เชื่อว่ามีคนจำนวนมากที่เก็บหอมรอมริบมาโดยตลอด แต่ยังไม่เคยจริงจังกับการลงทุนสักที ซึ่งตลาดหุ้นเป็นหนึ่งในทางเลือกยอดฮิตที่จะเปลี่ยนเงินออมที่นอนนิ่งๆ ในบัญชี มาลงทุนให้งอกเงย
แต่เป็นที่รู้ๆ กันว่า "ตลาดหุ้น" เต็มไปด้วยตัวเลข ข้อมูล และศัพท์มากมายที่เข้าใจยาก หลายคนจึงยังกล้าๆ กลัวๆ ไม่รู้จะเริ่มยังไง
บทความนี้จึงอยากจะเป็นประตูบานแรก สำหรับมือใหม่ที่อยากเล่นหุ้น สรุปมาให้ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงลงทุนเป็น
หุ้นคืออะไร ?
หุ้นมีคอนเซ็ปต์ง่ายๆ คือ การเป็นเจ้าของกิจการร่วมกัน ใครมีหุ้นในบริษัทมาก ก็มีความเป็นเจ้าของมาก ดังนั้น ถ้าบริษัทดำเนินไปได้ดี เราก็จะมีกำไร แต่ถ้าบริษัทมีปัญหา เราก็ขาดทุนได้เช่นกัน
หุ้นจึงเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง แต่ก็เป็นทางเลือกที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงเช่นกัน
อธิบายให้เห็นภาพมากขึ้น เช่น เพื่อน 4 คน หุ้นเปิดบริษัทด้วยกัน
- คนที่ 1 ลงเงิน 40 บาท
- คนที่ 2 ลงเงิน 30 บาท
- คนที่ 3 ลงเงิน 20 บาท
- คนที่ 3 ลงเงิน 10 บาท
ต่อมาเมื่อบริษัทมีกำไร 50 บาท แปลว่าทุกคนจะได้ส่วนแบ่งปันผลตามสัดส่วนที่ลงเงินไป ดังนี้
- คนที่ 1 ได้ปันผล 20 บาท
- คนที่ 2 ได้ปันผล 15 บาท
- คนที่ 3 ได้ปันผล 10 บาท
- คนที่ 3 ได้ปันผล 5 บาท
ทั้งนี้ ตัวอย่างดังกล่าวเป็นการนำคอนเซ็ปต์ของการลงทุนในหุ้นมาอธิบายแบบง่ายๆ ซึ่งในความเป็นจริงจะมีรายละเอียดที่มากกว่านี้
หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ มาจากไหน ?
สำหรับหุ้นตัวต่างๆ ที่เราเห็นคนเทรดกันในกระดานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็คือการที่บริษัททั่วไปนี่แหละ ซึ่งต้องการระดมทุนเยอะๆ จากคนจำนวนมาก พูดง่ายๆ ก็คือการชวนทุกคนที่สนใจ มาเป็นเจ้าของบริษัทร่วมกันนั่นเอง
โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นตัวกลางที่จับคนที่มีเงินมาซื้อหุ้น กับ บริษัทที่ต้องการเงินไปลงทุน ให้มาเจอกัน
ผลตอบแทนจากการเล่นหุ้น โดยหลักแล้วมี 2 ส่วน คือ
1. เงินปันผล (Dividend Yield) คือ ส่วนแบ่งกำไรจากการทำธุรกิจที่บริษัทนำมาจัดสรรแบ่งให้กับผู้ถือหุ้นตามสัดส่วน
2. เงินส่วนต่างราคาหุ้น (Capital Gain) คือ กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่เราซื้อมากับราคาที่เราขายไป หรือ "การซื้อถูกขายแพง"
ราคาหุ้นขึ้นลง เกิดจากอะไร?
ตอบแบบง่ายๆ ราคาหุ้นก็เหมือนราคาสินค้าทั่วไปในตลาด คือ เมื่อมีคนต้องการมาก ราคาก็จะขึ้น แต่หากคนต้องการน้อย ราคาก็จะลง
ซึ่งปัจจัยที่มากำหนดความต้องการของคนในตลาดน้ันมีมากมาย เช่น ผลประกอบการบริษัท, ภาวะเศรษฐกิจ, ผู้บริหารของบริษัท,ข่าวดี ข่าวร้าย ฯลฯ
วิธีเปิดบัญชีหุ้น
จะซื้อได้ต้องเปิดพอร์ตการลงทุนกับโบรกเกอร์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
● ใครเปิดบัญชีหุ้นได้บ้าง ?
- ต้องมีอายุครบ 20 ปีขึ้นไป
- หากอายุยังไม่ถึง 20 ปี ต้องมีเอกสารหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง
● เปิดบัญชีหุ้นใช้เอกสารอะไรบ้าง ?
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สมุดบัญชีธนาคาร
- สำเนาทะเบียนบ้าน
● เลือกประเภทบัญชีหุ้น
- Cash Balance : ฝากเงินสดไว้กับโบรกเกอร์ ซื้อได้เท่ากับที่ฝากไว้ เหมาะกับมือใหม่
- Cash Account : วางเงินไว้กับโบรกเกอร์ 20% หลังจากซื้อแล้วค่อยชำระเต็มจำนวน ภายใน 2 วันทำการ
- Credit Balance Account : กู้ยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อซื้อหุ้น โดยวางหลักประกันในอัตราที่กำหนด
━━━━━━━━━━━━━━━
📌รวม 10 โบรกเกอร์สำหรับมือใหม่ เปิดบัญชีหุ้นแบบง่าย สมัครได้เลยผ่านออนไลน์
━━━━━━━━━━━━━━━
ฝึกใช้เครื่องมือซื้อ-ขายหุ้น
เมื่อได้รับอนุมัติเปิดบัญชีแล้ว เราจะได้เลขที่บัญชีและรหัสผ่านเพื่อล็อกอิกซื้อ-ขายหุ้น ซึ่งโปรแกรมสามัญยอดนิยมของทุกที่ก็คือ Streaming
โดย FinSpace ได้สรุปวิธีซื้อหุ้นบน Streaming แบบละเอียดทีละขั้นตอนไว้ให้แล้ว
━━━━━━━━━━━━━━━
📌อ่านวิธีซื้อหุ้นออนไลน์ผ่าน Streaming
━━━━━━━━━━━━━━━
วิธีเริ่มต้นหาหุ้นตัวแรก
นักลงทุนมือใหม่ที่ไม่รู้จะเริ่มซื้อหุ้นตัวไหนดี บางคนเลือกหุ้นตามข่าว ซื้อตามเพื่อนบอก โดยที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลให้ดีพอก่อนตัดสินใจลงทุน
เราขอแนะนำเทคนิคค้นหาหุ้นตัวแรกสไตล์ FinSpace ได้ที่บทความ 4 สเต็ปคัดหุ้นดีลงทุน เปลี่ยน “มือใหม่” สู่นักลงทุน “มือโปร” ซึ่งเป็นคู่มือการลงทุนที่สรุปหัวใจสำคัญที่ควรรู้มาให้แบบครบถ้วน
━━━━━━━━━━━━━━━
อ่าน 4 สเต็ปคัดหุ้นดีน่าลงทุน
━━━━━━━━━━━━━━━
สุดท้ายนี้ใครที่ต้องการแหล่งข้อมูลดีๆ เพื่อจะได้เข้าใจธุรกิจหุ้นแต่ละในตลาดหลักทรัพย์ฯ มากขึ้น เราขอแนะนำ E-Book : Stock Universe เปิดจักวาลหุ้น SET50
FinSpace รวบรวมข้อมูลหุ้นทุกบริษัทในกลุ่ม SET50 โดยย่อยประเด็นและดีไซน์เนื้อหาออกมาในรูปแบบที่เข้าใจง่าย แต่ยังครบถ้วนด้วยสาระข้อมูลที่สำคัญ ประกอบด้วย
- ข้อมูลธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน
- สรุปตัวเลขรายได้-กำไรย้อนหลัง
- เจาะลึกอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
- สแกนอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน
- กราฟราคาหุ้นย้อนหลัง 10 ปี
- 30
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
