22 มิ.ย. 2021 เวลา 05:11 • กีฬา
ทำไม "7 เซียน" แห่งทีมวอลเลย์บอลสาวไทย ถึงเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ นี่คือบทสรุปเรื่องราว อันเต็มไปด้วยความทรงจำ ของวรรณา, ปลื้มจิตร์, วิลาวัณย์, นุศรา, อำพร, อรอุมา และ มลิกา
5
ปี 1997 สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย กำลังมีความกลัดกลุ้ม เนื่องจากนักกีฬาของทีมชาติชุดใหญ่ แต่ละคนเริ่มมีอายุมากขึ้น มีวี่แววว่าจะปลดระวางในอนาคตอันใกล้
2
นั่นทำให้สมาคม จึงต้องการปั้นผู้เล่นดาวรุ่ง อีกหนึ่งชุดขึ้นมาเป็นทางเลือกเส้นใหม่ โดยมีเป้าหมายคือ เด็กๆเหล่านี้ ควรพร้อมใช้งานจริงในซีเกมส์ปี 2001
ไอเดียของสมาคมคือ นับจากปี 1997 กว่าจะถึงปี 2001 ก็อีก 4 ปี ถ้าเริ่มปั้นเด็กๆ อายุ 15-16 ตั้งแต่ตอนนี้ อีก 4 ปี เด็กๆ ก็จะมีอายุ 19-20 คือเริ่มแข็งแกร่ง และใช้งานได้พอดี
แต่ปัญหาคือ สมาคมจะเอาใครมาเป็นโค้ชล่ะ? เพราะการต้องคลุกคลี และปั้นเด็กวัยรุ่นสักกลุ่ม คุณต้องมีจิตวิทยาสูงพอสมควร มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ
หลังเจรจากับโค้ชหลายคน และไม่มีใครตอบตกลง ในที่สุดสมาคมก็ติดต่อกับ "โค้ชอ๊อต" เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร อดีตนักวอลเลย์บอลทีมชาติ ที่รีไทร์ไปทำงานที่บริษัท วิทยุการบิน ขอร้องให้หวนกลับคืนวงการอีกครั้ง
2
โค้ชอ๊อตมีทางเลือก 2 ทางในชีวิต ทางแรกคือเขาทำที่วิทยุการบินต่อ ซึ่งตอนนั้นเงินเดือนดี ตำแหน่งก็ขึ้นเรื่อยๆ เป็นหนทางชีวิตที่ดูจะปลอดภัยกว่า ส่วนอีกทาง คือทิ้งงานประจำ ไปเป็นโค้ชทีมชาติแทน
1
สุดท้ายโค้ชอ๊อตตอบรับข้อเสนอของสมาคม เนื่องจากสมัยเขาเป็นนักกีฬา ไม่สามารถพาทีมไปถึงดวงดาวได้ ดังนั้นมันจึงเป็นความฝันของเขา ที่จะปลุกปั้นเด็กสักกลุ่มขึ้นมา ให้ประสบความสำเร็จให้ได้ เพื่อชดเชยความผิดหวังในอดีตของตัวเอง
2
โค้ชอ๊อต เริ่มต้นกระบวนการสร้างทีมดาวรุ่ง โดยแผนของเขาคือจะตระเวนไปหาดาวรุ่งจากทั่วประเทศ แล้วเอามารวมตัวกัน ในแนวทางแบบ "ดรีมทีม" คือจับเด็กพรสวรรค์กลุ่มหนึ่งมารวมตัวกัน กินอยู่ด้วยกัน สร้างความเข้าใจกัน และฝ่าฟันการซ้อมไปร่วมกัน ถ้าเด็กคนไหน ผ่านการซ้อมที่โหดหินไปได้ ก็มีโอกาสแจ้งเกิดได้
7
นักกีฬาคนแรกๆ ที่เข้าร่วมกับดรีมทีมของโค้ชอ๊อตคือ วรรณา บัวแก้ว
วรรณา บัวแก้ว เป็นเด็กที่มาจากโรงเรียนที่ไม่ได้โดดเด่นเรื่องกีฬา คือโรงเรียนหนองกะพ้อ จังหวัดสระแก้ว วรรณาอยู่ในครอบครัวที่ยากจน พี่น้องทั้งหมด 6 คน ไม่เคยมีใครได้เรียนเกิน ป.4 ซึ่งตอนแรกเธอก็คิดว่า จะเดินตามรอยคนอื่นเหมือนกัน จบ ป.4 แล้วก็ไปทำเกษตรกรรม แต่พอเธอรู้จักวอลเลย์บอล ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
1
เวลาเจอสิ่งที่ชอบ และทำได้ดี ชีวิตมันจะพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็วมาก วรรณาเล่นวอลเลย์บอลได้ยอดเยี่ยม ทักษะเธอดีอยู่แล้ว ยิ่งบวกกับการเติบโตมาจากพื้นฐานครอบครัวที่ลำบาก ทำให้เธอมีความอดทนสูงมากกว่าใคร
7
พอจบ ม.3 เธอได้ข้อเสนอจากโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบ สมุทรปราการ ให้เป็นนักกีฬาโรงเรียน โดยตอนแรกพ่อแม่ไม่อยากให้ไป เพราะกลัวไม่มีเงินส่งลูกเรียน จนจบ ม.6 แต่ สุดท้ายอาจารย์พยุง เข็มทอง โค้ชทีมวอลเลย์บอล ยืนยันว่าจะซัพพอร์ทเรื่องค่าใช้จ่ายเอง ทำให้วรรณาได้โอกาสเข้ามาเรียนที่สวนกุหลาบ สมุทรปราการในที่สุด
4
หลังจากเรียน ม.ปลายได้สักระยะ พรสวรรค์ของเธอ ไปเข้าตาโค้ชอ๊อต และดึงตัวไปติดชุดดรีมทีม ซึ่งจริงๆแล้ว ตำแหน่งแรกสุดของวรรณาคือหัวเสา แต่โค้ชอ๊อตบอกว่า "วรรณาคือลิเบโร่ ที่ดีที่สุดที่ผมเคยร่วมงานมา" เขาเห็นศักยภาพของวรรณา ว่าเด่นที่เกมรับมากกว่า จึงจับเธอไปเล่นลิเบโร่แทน ซึ่งโค้ชอ๊อตก็มองได้ถูกต้อง เพราะพอเวลาผ่านไป วรรณา ก็เหมาะกับลิเบโร่มากกว่าจริงๆ
4
ชุดดรีมทีมในปี 1997 ของโค้ชอ๊อต จะมีอีกชื่อหนึ่งว่า "ชุดยะลา" เพราะโค้ชจะจับเอาเด็กดาวรุ่งราว 15 คน ลงไปเก็บตัวที่จังหวัดยะลา อยู่กินด้วยกัน ตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย
1
ทำไมต้องไปยะลา? สาเหตุคือตอนนั้น สมพร ใช้บางยาง เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และเขาสามารถจัดหาสถานที่ให้นักกีฬาอยู่กินกันได้ ตัวโค้ชอ๊อตก็เลยคิดว่า การไปอยู่ต่างจังหวัด น่าจะเป็นบรรยากาศที่เอื้อกับการซ้อม มากกว่าการอยู่กรุงเทพ โดยทีมชุดยะลา นอกจากวรรณาแล้ว ก็มี กระแต-ปิยะมาศ ค่อยจะโป๊ะ และ ภาพ-สุภาพ ผงทอง เป็นต้น
4
ดาวรุ่งอีกหนึ่งคนที่มีประสบการณ์ ได้ใกล้ชิดกับโค้ชอ๊อต ตั้งแต่ที่ยะลา คือ กิฟท์-วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์
วิลาวัณย์ เรียนที่ โรงเรียนชุมชนหนองหัวฟาน อำเภอขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา หลังจบประถม เธอได้ทุนไปเรียนต่อที่ โรงเรียนสุรนารีวิทยา จากนั้นฝีมือก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายก็ไปเข้าตาโค้ชอ๊อตและทีมงาน ดึงตัวมาติดดรีมทีมด้วยอีกคน
2
ฝีมือของวิลาวัณย์ มีพัฒนาการที่เด่นชัดมาก จากยุวชนทีมชาติ กระโดดไปสู่เยาวชนทีมชาติ พร้อมๆกับ วรรณา บัวแก้ว และที่นี่เอง ที่เธอได้รู้จักเพื่อนใหม่ ที่ชื่อ หน่อง-ปลื้มจิตร์ ถินขาว
4
ปลื้มจิตร์ เรียนมัธยมต้น ที่โรงเรียนอ่างทอง ปัทมโรจน์ฯ ตอนแรกเธอชอบเล่นปิงปอง แต่พ่อมองว่าปิงปองน่าจะรุ่งยาก เลยขอให้เปลี่ยนไปเล่นวอลเลย์บอลแทน ปลื้มจิตร์เชื่อพ่อ เปลี่ยนมาเล่นวอลเลย์บอล แล้วเข้าร่วมชมรม ตั้งแต่ ม.1
4
ด้วยหน่วยก้านที่ดี ทำให้โรงเรียนบดินทรเดชา ให้ทุนมาเรียนที่กรุงเทพฯ ซึ่งตอนแรกปลื้มจิตร์ เป็นแค่ตัวสำรองของโรงเรียนเท่านั้น ไม่ติด 1 ใน 6 ตัวจริงด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งโค้ชยะ-ณัฐพนธ์ ศรีสมุทรนาค ที่มาดูการแข่ง อยู่ๆก็ประทับใจจุดไหนก็ไม่รู้ เรียกตัวปลื้มจิตร์ติดเยาวชนทีมชาติเฉยเลย
5
ปลื้มจิตร์ เล่าว่า "งงสิคะ งงมาก หน่องได้มาซ้อมกับทีมชาติชุดนี้ได้ยังไง เพื่อนทั้งโรงเรียนก็งง เพราะเราไม่ใช่ 6 คนแรกเลยด้วยซ้ำ และมีคนเก่งกว่าเราตั้งเยอะ"
มีการวิเคราะห์กันว่า โค้ชยะ เห็นสรีระ และมองว่าเด็กคนนี้ปั้นได้ จึงลองเสี่ยงดู แต่เรื่องนี้ก็ทำให้ปลื้มจิตร์โดนคำครหาเยอะเหมือนกันในช่วงแรก ว่าเป็นเด็กเส้น ทั้งๆที่เธอก็เป็นเพียงเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง ไม่มีแบ็กอัพอะไรเลย คือกว่าจะผ่านเสียงติฉินนินทามาได้ ก็ใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียว
5
การติดทีมชาติชุดเยาวชน ทำให้ปลื้มจิตร์ ได้สนิทสนมกับวิลาวัณย์ เพราะทั้งคู่เป็นเด็กต่างจังหวัดที่อายุใกล้ๆกัน (ปลื้มจิตร์แก่กว่า 7 เดือน) ทำให้ทั้ง 2 คนกลายเป็นบัดดี้ซี้กันที่สุด
ทั้งคู่สนิทกันจนโดนเพื่อนในทีมแซวว่าเป็นแฟนกัน และได้ฉายาว่า "พลอย-โดม" สองดาราดังที่คบกันเป็นแฟนในช่วงนั้น
5
แน่นอนว่าจริงๆ ทั้งคู่ไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่พวกเขาเป็นคนสำคัญของกันและกันอย่างไม่ต้องสงสัย วิลาวัณย์เล่าว่า ตอนเธอ จบ ม.6 เคยคิดจะเลิกเล่นวอลเลย์บอลแล้วไปเรียนหนังสืออย่างเดียว เพราะคิดว่าตัวเองไม่เก่งพอที่จะแย่งตำแหน่งจากรุ่นพี่ทีมชาติชุดใหญ่ แต่ปลื้มจิตร์ไปตามตื๊อให้วิลาวัณย์กลับมาเล่น สุดท้ายวิลาวัณย์ ใจอ่อน กลับมาในที่สุด และได้ติดทีมชาติในเวลาต่อมา
8
จากชุดดรีมทีมของโค้ชอ๊อต ตอนนี้ทั้งวรรณา วิลาวัณย์ และ ปลื้มจิตร์ ก็ค่อยๆกระโดดเข้าสู่ทีมชาติชุดใหญ่ทีละคนในช่วงเวลาใกล้ๆกัน
[ เจ้าแม่ไหลหลัง และ อัจฉริยะเซ็ตเตอร์ ]
ในมุมของโค้ชอ๊อต ชุดดรีมทีมที่เซ็ตอัพในปี 1997 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี คว้าแชมป์รายการต่างๆ ระดับอาเซียน และเอเชียเป็นว่าเล่น
3
โค้ชอ๊อตจะมีแนวทางคือ ซ้อมหนักๆไว้ก่อน ซึ่งเขาเคยกล่าวว่า "ผมต้องการให้นักกีฬาของผม มีร่างกายทนทาน ใกล้เคียงกับทีมระดับโลก" ตัวอย่างการซ้อม เช่น จะบังคับให้ทั้งทีม 12 คน วิ่ง 2,000 เมตร ใน 9 นาทีครึ่ง หากใครในทีมวิ่งไม่ทัน ทุกคนวิ่งใหม่พร้อมกันตั้งแต่แรก
8
นอกจากนั้น ยังคิดอะไรฉีกแนวแปลกใหม่ เช่น เมื่อก่อนผู้หญิงเสิร์ฟก็จะยืนเสิร์ฟกันหมด แต่โค้ชอ๊อตเปลี่ยนมาใช้ การกระโดดเสิร์ฟแบบผู้ชาย
2
"ถ้าคุณอยากชนะในวอลเลย์บอลคุณต้องทำแต้ม แล้วการทำแต้มจะทำจากไหนได้ อย่างแรกคือการตบ แต่การตบมันก็อยู่ที่ดวงด้วย ว่าเพื่อนรับบอลแรกดีไหม คนเซ็ต เซ็ตมาดีหรือเปล่า อย่างที่สองคือการบล็อค ถ้าคุณกระโดดบล็อคสัก 4 ครั้ง ได้มา 1 แต้ม ก็ถือว่าดีแล้ว ดังนั้นการเสิร์ฟต่างหาก เป็นวิธีทำแต้มที่ผู้เล่นควบคุมได้มากที่สุด เพราะบอลอยู่ในมือเรา"
3
เมื่อคิดแบบนั้น โค้ชอ๊อตจึงให้ผู้เล่น หัดกระโดดเสิร์ฟกันทุกคน ถ้าใครทำได้ ก็จะเป็นอาวุธเด็ดไว้โจมตีคู่แข่ง
1
ในปี 1998 รายการยุวชนชิงแชมป์เอเชีย ไทยเจอไต้หวัน เริ่มเซ็ตแรก ไทยนำ 10-0 และทั้ง 10 แต้ม มาจากการกระโดดเสิร์ฟทั้งหมด
9
พัฒนาการของชุดดรีมทีมของโค้ชอ๊อต ทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นเฮดโค้ชทีมชาติชุดใหญ่ ในปี 2001 และคราวนี้ โค้ชอ๊อต ก็ค้นพบเพชรงามอีกหนึ่งเม็ด ที่ชื่อ แจ๊ค-อำพร หญ้าผา
2
อำพร เป็นเด็กนครสวรรค์ แต่ย้ายมาเรียน ที่โรงเรียนสตรีนนทบุรี ก่อนจะติดทีมวอลเลย์บอลของโรงเรียน ในระดับมัธยมเธอเล่นได้ดี แต่เมื่อเข้าร่วมทีมชาติ เธอยังมีความ Raw หรือดิบอยู่ ซึ่งโค้ชอ๊อตก็ต้องค่อยๆ ขัดเกลาเธอให้เฉียบคมยิ่งขึ้น และสอนในหลายๆสิ่งที่เธอยังไม่รู้
2
"ตอนแรกที่เข้ามาซ้อมกับทีมชาติ ด้วยความที่เราเป็นเด็ก และหน้าใหม่มาก แทบไม่มีเบสิคอะไรเลย อาจารย์ต้องเริ่มสอนตั้งแต่อันเดอร์บอล เซ็ตบอล ตีบอล สร้างเบสิคที่ดีให้ อาจารย์จัดหนักตลอด แบบว่าทุกอย่างต้องหนักกว่ารุ่นพี่" อำพรกล่าว
1
"อย่างเวลาวิ่ง ก็ต้องวิ่ง 5 รอบสนามฟุตบอล โดยคนอื่นกำหนดเวลาไว้ 9 นาทีครึ่ง แต่ของหนูจะต้องวิ่งให้ถึงเส้นชัยภายใน 8 นาทีกว่าๆ เท่านั้น ถ้าทำไม่ได้ก็วิ่งใหม่ ซึ่งตอนแรกมันก็ท้อ แต่ก็อาศัยแรงฮึด ทำให้ผ่านมาได้ตลอด"
4
อำพร เป็นหนึ่งในคนที่พัฒนาได้ไวมากที่สุด ตอนแรกเธอเล่นตำแหน่งบอลหัวเสา เพราะชอบตีบอลโค้ง แต่เธอค่อยๆ เปลี่ยนมาเล่นตำแหน่งบอลเร็ว และกลายเป็นว่า มันคือตำแหน่งที่เธอเล่นได้ดีจริงๆ
2
อำพรสร้างทีเด็ดของตัวเองขึ้นมา คือการตี "ไหลหลัง" กล่าวคือเป็นสไตล์การเล่นบอลเร็ว ที่ตัวเซ็ตจ่ายออกไปด้านหลัง แล้วเธอจะวิ่งไปที่จุดนัดพบ ตบเปรี้ยงลงไป
1
จากคนที่ไม่คุ้นเคยกับการเล่นไหลหลัง พอได้ฝึกจริงๆ จังๆ นี่กลายเป็นอาวุธไม้ตายของเธอ จนแฟนๆกีฬา ขนานนามเธอว่า "เจ้าแม่ไหลหลัง" จนถึงปัจจุบัน
1
ทีมชาติไทยตอนนี้ มีตัวหัวเสา มีบอลเร็ว มีลิเบโร่แล้ว อีกหนึ่งตำแหน่งที่โค้ชทุกคนเฝ้าฝันถึงมาตลอดก็คือ "ตัวเซ็ต"
เพราะในเกมวอลเลย์บอล ตัวเซ็ตเกรดเอ จะนำแต้มมาให้ทีมอย่างมหาศาล นี่จะเป็นคนใช้มันสมอง ในการแอสซิสต์ สร้างสรรค์จังหวะให้เพื่อน
6
และในที่สุดทีมชาติไทย ก็ค้นพบเด็ก ม.5 อัจฉริยะจากโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ที่ชื่อ นุช-นุศรา ต้อมคำ
3
นุศรา เป็นเด็กจังหวัดราชบุรี เธอเรียนที่โรงเรียนวัดบ้านฆ้องน้อย ในอำเภอบ้านโป่ง ซึ่งในการแข่งขันกีฬาระดับประเทศ เป็นโรงเรียนที่โนเนมมาก แต่ด้วยความสามารถของนุศรา เธอพาวัดบ้านฆ้องน้อย คว้าแชมป์มินิวอลเลย์บอลของปลากระป๋องปุ้มปุ้ยทัวร์นาเมนต์ จนได้สิทธิ์ไปแข่งที่ไต้หวัน
เด็กคนเดียว สามารถแบกทีมให้ประสบความสำเร็จขนาดนี้ ไม่แปลกที่ตอนจะจบ ม.3 โรงเรียนดังๆ ทั่วไทย ยื่นข้อเสนอให้เธอไปอยู่ด้วย แต่เธอตัดสินใจเลือกสุรศักดิ์มนตรี และเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ถูก เพราะก่อนจบ ม.4 (ปี 2002) นุศราติดเยาวชนทีมชาติ ไปแข่งขันชิงแชมป์เอเชียที่เวียดนาม ซึ่งไทยได้รองแชมป์กลับมา
1
ปริม อินทวงศ์ ตำนานทีมชาติไทย เมื่อเห็นฟอร์มการเล่นของนุศรา ถึงกับยอมรับว่า "เด็กคนนี้ มีคุณลักษณะพิเศษต่างจากคนอื่น เธอรอแค่เวลาเท่านั้น"
2
ในปี 2003 ตอนนุศรา อยู่ ม.5 สองตัวเซ็ตทีมชาติ จิ๋ม-วัลภา จิตรอ่อง และ นก-วิสุตา หีบแก้ว อำลาทีมไป และโค้ชก็เรียกนุศราติดทีมชาติชุดใหญ่แทน คือ เด็ก ม.5 หลายคนยังไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตเลย แต่เธอก้าวไปติดทีมชาติแล้ว ซึ่งถ้าดูจากพรสวรรค์ของเธอ ก็ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์อะไรนัก
4
นอกจากนั้น ยังเป็นจังหวะดีของนุศราด้วย ที่เธอได้โอกาสเทรนตัวต่อตัว กับปริม อินทวงศ์ มันส่งผลต่อวิธีคิด และวิธีการเล่นของเธอจนถึงปัจจุบัน โดยนุศรากล่าวว่า "พี่ปริมสอนทุกอย่าง ให้เทคนิค ให้ความรู้ สอนการวางตัว เรียกได้ว่าไม่หวงวิชาเลย พี่ปริมมีเท่าไหร่ ใส่ให้นุชหมด"
5
กรกฎาคม 2003 นุศรา เด็ก ม.5 จากสุรศักดิ์มนตรี ติดทีมชาติชุดใหญ่ไปแข่งรายการเวิลด์กรังด์ปรีซ์ที่อิตาลี และต่อจากนี้ไม่นานนัก ทั้งโลกจะได้รู้จักเธอ ในฐานะหนึ่งในตัวเซ็ตที่สม่ำเสมอที่สุดในโลก
2
[ มือตบพิฆาต และ จิ๊กซอว์ชิ้นที่ 7 ]
ผู้เล่น 5 คน ไล่ตั้งแต่ วรรณา, ปลื้มจิตร์, วิลาวัณย์, อำพร และ นุศรา ติดทีมชาติชุดใหญ่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งพวกเธอก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ตอนนี้ทีมชาติไทยเล่นดีขึ้น แต่ยังไม่สุกงอม
6
จนมาถึงในปี 2007 จิ๊กซอว์อีกหนึ่งชิ้นก็เติมเต็มทีมให้เกือบจะสมบูรณ์ นั่นคือตัวตบที่ร้ายกาจที่สุด เธอคือ อร-อรอุมา สิทธิรักษ์
2
อรอุมา เป็นคนอำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ่อแม่มีอาชีพรับจ้างกรีดยางให้สวนในท้องถิ่น ส่วนเรื่องวอลเลย์บอล อรอุมา เริ่มเล่นตอน ป.5
3
ในสมัย ม.ต้น อรอุมา ได้โควตานักกีฬาจากโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา และระหว่างที่ลงแข่งขันตามปกติ ฟอร์มของเธอไปสะดุดตาอาจารย์บรรเทิง ขาวผ่อง โค้ชจากสุรศักดิ์มนตรี และดึงเธอมาอยู่ที่โรงเรียนด้วย
1
ตอนย้ายมา อรอุมาอยู่ ม.4 ส่วนนุศราที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน อยู่ ม.6 แล้ว
ในขณะที่นุศราเป็นอัจฉริยะที่ติดทีมชาติตั้งแต่เด็ก แต่อรอุมาเป็นผู้เล่นที่ผลิบานช้า เธอเคยไปคัดตัวกับทีมชุดใหญ่มาแล้วหลายหน แต่ก็ไม่ติดทีม
1
ก่อนที่เธอจะตัดใจยอมแพ้ เธอคิดถึงพ่อแม่ ที่ลำบากกรีดยางทุกวัน พ่อแม่ทั้งส่งเสียเงินทอง และให้กำลังใจเธอ จนเธอใกล้เคียงจะติดทีมชาติอยู่แล้ว แล้วเธอจะยอมแพ้กลับสุราษฎร์ไปง่ายๆอย่างนั้นหรือ เธอทำไม่ได้หรอก
3
อรอุมาจึงฝึกหนักขึ้นทุกวัน ทุกวัน พัฒนาการตบของตัวเองให้แรงกว่านี้ แม่นยำกว่านี้ ในปี 2006 อรอุมาติดทีมชาติชุดใหญ่ไปเล่นเอเชียนเกมส์ที่โดฮา แต่ไม่ได้เล่นแม้แต่นาทีเดียว แต่เธอก็ไม่ยอมตัดใจ เธอพยายามซ้ำอีก และในที่สุด ปี 2007 ซีเกมส์ที่โคราช เธอก็ได้ติดทีมชาติชุดใหญ่ที่เธอรอคอยในที่สุด
4
อรอุมา ติดทีมชาติชุดใหญ่ในวัย 21 ปี คืออาจจะช้ากว่า ปลื้มจิตร์ หรือนุศรา ที่ติดกันตั้งแต่ยังไม่ 18 แต่ตอนนี้เธอก็ทำได้แล้ว และจะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปแน่
3
6 ผู้เล่นที่แข็งแกร่ง ทำให้ทีมมีความสมดุลมากขึ้น และเมื่อมารวมกับผู้เล่นอีกหนึ่งคนที่ชื่อ ปู-มลิกา กันทอง ทำให้องค์ประกอบทั้งหมด ครบสมบูรณ์อย่างแท้จริง
2
มลิกา เป็นคนอ่างทอง ก่อนจะได้โควต้านักวอลเลย์บอลจากโรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี จากนั้นพอจบ ม.6 เธอย้ายมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
มลิกาเล่นในตำแหน่ง "บีหลัง" เธอติดทีมชาติก่อนอรอุมาเล็กน้อย แต่ด้วยความที่มลิกาอายุน้อยกว่าคนอื่น ทำให้เธอถูกเรียกว่า "น้องเล็ก" ในกลุ่มนี้
8
จุดเด่นของเธอคือ "ยินดีจะเป็นผู้เล่นสารพัดประโยชน์" เธอยืนยันว่าเล่นได้หมด หัวเสา บีหลัง ตำแหน่งอะไรก็ได้ เธอมีความเร็ว อ่านเกมดี เกมรับดี ดังนั้นขอแค่ได้ลงอยู่ในสนาม เธอพร้อมจะช่วยทีมทุกอย่าง
3
ถ้านึกถึงทีมวอลเลย์ชุดนี้ มีปลื้มจิตร์ หรือนุศรา เป็นคนที่โดดเด่นกลางแสงไฟ มลิกาก็จะดูเป็นคนพูดน้อย แบ็กอัพอยู่เบื้องหลัง แต่เป็นเบื้องหลังที่เพื่อนๆไว้ใจได้เสมอ
1
ตอนนี้จิ๊กซอว์ 7 คน จาก 6 จังหวัด รวมตัวกันครบแล้ว และมันทำให้ภาพวาดของทีมชาติไทยมีความสมบูรณ์จริงๆ
[ 7 เซียน บวก 1 โค้ช ]
2
ปลายปี 2008 อันดับโลกของทีมชาติไทย ตกไปอยู่ที่ 26 ทำให้สมาคมวอลเลย์บอล ได้ปรับแก้เรื่องบุคลากร โดยเอาเฮดโค้ชคนปัจจุบัน โค้ชยะ-ณัฐพนธ์ ศรีสมุทรนาค ไปดูแลเรื่องการเงิน จากนั้นก็ทาบทาม โค้ชอ๊อตให้เข้ามาคุมทีมชาติเป็นการชั่วคราว ในศึกชิงแชมป์เอเชียที่เวียดนาม ในเดือนตุลาคมปี 2009
2
เวลาที่โค้ชอ๊อตห่างหายไป เขาก็ไม่ได้หายไปไหนไกล ก็ศึกษาเกมการแข่งอยู่ตลอด และที่น่าสนใจก็คือ ตอนโค้ชอ๊อตลงจากตำแหน่งในปี 2003 เหล่า 7 ผู้เล่นตัวดัง ที่เคยเป็นดาวรุ่ง ตอนนี้แต่ละคนก้าวหน้าถึงขีดสุด ได้ไปเล่นในลีกยุโรปมาแล้วทั้งสิ้น
2
ว่ากันง่ายๆ คือโค้ชอ๊อต จะได้ใช้งานผู้เล่นที่มีพรสวรรค์มากที่สุด เท่าที่ไทยเคยมีมา
2
แต่โค้ชอ๊อตก็ยอมรับว่า เขาเองก็ปรับเปลี่ยนวิธีการซ้อมของตัวเองด้วย จะมาซ้อมหนักแบบทหารเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว "ผมเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนวิธีคิดใหม่หมด ผมไม่จำเป็นต้องซ้อมหนักเท่าเมื่อก่อนอีกแล้ว เพราะพวกเขาพิสูจน์ตัวเองให้เห็นมาแล้ว ว่าจะซ้อมหนักแค่ไหน ก็รับมือได้"
3
โค้ชอ๊อตกล่าวว่า ทีมชาติไทยชุดนี้ มี 3 จุด ที่อยู่ในระดับเวิลด์คลาส มันแข็งแกร่งพอ ที่จะขึ้นไปอยู่แถวหน้าของเอเชียได้
"เวิลด์คลาสคนแรก คือเรามีคนที่รับบอลได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ นั่นคือวรรณา บัวแก้ว ตบแรงแค่ไหนก็รับได้ มันคือความเหนียวแน่น สำหรับผมวรรณาคือตัวรับที่ดีที่สุด ฝีมือการรับบอลของเขาคือ A+"
4
"คนที่สอง คือนุศรา เธอคือมือเซ็ตระดับโลก ผมเทียบว่านุศราคือควอเตอร์แบ็กในอเมริกันฟุตบอล นุศราต้องจำแผน 30 แผนในหัว ว่าจะเข้าโจมตีอย่างไร และไม่ใช่นักกีฬาทุกคนแน่ๆ ที่จะทำแบบเธอได้"
4
"และอย่างที่สามคือตัวตบ เรามีอรอุมา ที่เป็นสไปเกอร์อันดับหนึ่ง ลูกตบของเธอรุนแรงที่สุดเท่าที่ผมจะนึกออก ส่วนหน่องกับกิฟท์ ก็ตบได้ดี ทำได้เฉียบขาดเสมอ"
2
กันยายน 2009 การแข่งขันชิงแชมป์เอเชียที่เวียดนามก็มาถึง ถ้าดูจากฟอร์มของไทยใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็ต้องยอมรับว่า เราอยู่ห่างไกลจากคำว่าตัวเต็งเยอะ ตั้งแต่มีการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียครั้งแรกในปี 1975 มีแค่สองชาติที่ผลัดกันได้แชมป์ คือจีนกับญี่ปุ่น
3
ไทยมาในฐานะม้ามืด เรามาเงียบๆของเราและผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาได้สวย เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเจอคาซัคสถาน ก่อนจะชนะไป 3-1 เซ็ต เข้ารอบรองไปเจอญี่ปุ่น
5
สถิติของไทย เจอญี่ปุ่น 6 ครั้ง ในรอบ 8 ปี ปรากฏว่าไทยแพ้รวด 100% ไม่เคยชนะเลย ทำให้นักกีฬามีความหวั่นใจกลัวจะแพ้อีก แต่โค้ชอ๊อตกระตุ้นให้ทุกคนมั่นใจว่าอย่าไปกลัว ทุกคนทำได้
6
12 กันยายน 2009 รอบรองชนะเลิศ ไทยเจอญี่ปุ่น เซ็ตแรกญี่ปุ่นเล่นดีกว่าเอาชนะไป 25-20 แต่โค้ชอ๊อต ดึงสตินักกีฬาทุกคนให้กลับมาสู่เกม โดยกระตุ้นว่า "ที่เราจะแพ้เขา ไม่ใช่เพราะเราอ่อนกว่า แต่เราชอบคิดว่าสู้เขาไม่ได้ ทั้งๆที่เอาจริงๆ ไม่ได้เป็นรองกันเลย"
7
สุดท้าย ไทยคัมแบ็กกลับมาได้ 3 เซตต่อมาชนะรวด พลิกเอาชนะ 3-1 เซ็ต และเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ที่ไทยเอาชนะญี่ปุ่นได้สำเร็จ สาวไทยทำได้จริงๆ
14
และในที่สุด ด่านยากที่สุดของทีมชาติไทยก็มาถึง นั่นคือการเจอทีมชาติจีนในรอบชิงชนะเลิศ
ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่มีสมาคมวอลเลย์บอล ไทยยังไม่เคยชนะจีนแม้แต่หนเดียว นี่เป็นกำแพงที่ขวางไทยเอาไว้ ไม่ให้ก้าวไปไกลกว่านี้
2
ก่อนเจอจีน โค้ชอ๊อตนอนไม่หลับ ในอดีตไทยไม่เคยได้ลุ้นแชมป์อะไรนอกจากแชมป์ซีเกมส์ นี่คือการเข้าชิงรายการระดับทวีปครั้งแรกของประเทศ และที่สำคัญนัดนี้มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์กลับมาสู่ประเทศไทยอีกด้วย
ไทยจะก้าวไปอีกขั้นได้หรือไม่ อยู่ที่เกมนัดนี้ล่ะ
[ ประวัติศาสตร์จารึก ]
การเจอจีน เซตแรก จีนเอาชนะได้ตามคาด 25-20 ขึ้นนำ 1-0 เซต แต่โค้ชอ๊อต กระตุ้นเหมือนเดิม ญี่ปุ่นเราชนะมาแล้ว ทำไมจีนเราจะชนะไม่ได้ เราจะสร้างประวัติศาสตร์กันวันนี้แหละ ไม่ต้องฝากความหวังถึงเด็กรุ่นต่อไป เราจะชนะจีนกันวันนี้
2
ไทยคัมแบ็กกลับมาได้ 2 เซตรวด ขึ้นนำจีนเป็น 2-1 เซต
เซตที่ 4 ไทยกับจีน คะแนนหยุดที่ 23-22 ไทยขึ้นนำ จนจีนต้องขอเวลานอก กลับมาลงเล่น ไทยขึ้นนำ 24-22 จากการตีแก้ของมลิกา กันทอง ขึ้นไปยืนแมตช์พอยต์เป็นครั้งแรก และนี่คือแมตช์พอยต์ครั้งแรกที่ไทยเคยได้จากจีน ในประวัติศาสตร์ด้วย
4
แต้มต่อไปสำคัญมาก ทั้งสองทีมตีโต้กันพักหนึ่ง และในจังหวะสุดท้าย กมลพร สุขมาก ตัดสินใจเซ็ตให้วิลาวัณย์ ที่หัวเสาด้านซ้ายเป็นคนตบ ปรากฏว่าโดนจีน บล็อคเต็มๆ จีนไล่มาเป็น 24-23 ถ้าไทยทำแต้มนี้ไม่ได้ ก็ต้องยืดเยื้อกันต่อ และจะเปิดโอกาสให้จีนคัมแบ็กกลับมาได้
2
แต้มแมตช์พอยต์ครั้งที่ 2 จีนเสิร์ฟมา เป็นวิลาวัณย์รับไว้ได้ บอลลอยโด่งขึ้นเหนือฟ้า ไปถึงตัวเซต นุศรา ต้อมคำ และเธอตัดสินใจทำย้ำเหมือนกับแต้มที่แล้ว นั่นคือเซ็ตให้วิลาวัณย์ตบ แม้คราวที่แล้วกิฟท์จะเพิ่งตบติดบล็อกก็เถอะ
2
แต่คราวนี้วิลาวัณย์ไม่พลาด ฟาดเน้นๆ ลงในแดนจีนอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
2
นั่นคือแต้มที่ทำให้ไทย หักปากกาเซียนทั้งทวีป เอาชนะจีน 3-1 เซต เป็นชัยชนะที่มีกับจีนครั้งแรก และเป็นจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของวงการวอลเลย์บอลหญิงไทยนับจากนั้น
15
[ ไอดอลของเด็กไทย ]
1
ช่วงเวลาแห่งความสุขของชาวไทยในการดูวอลเลย์บอลก็เริ่มขึ้นจากตรงนี้เป็นต้นไป
1
ไทยพัฒนาเป็นทีมระดับท็อปโฟร์ของเอเชีย และเข้าร่วมแข่งขันในเวทีโลกเป็นประจำ จากนั้นคว้าแชมป์เอเชียได้อีกรอบในปี 2013
6
สาวๆ 7 เซียน เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ รุ่นใหม่ เล่นวอลเลย์บอลกันมากขึ้น พวกเธอคือ "ฮีโร่" ของเด็กๆ อย่างแท้จริง
2
หลายคนอยากเป็นพี่ใหญ่ใจดีเหมือนวรรณา บางคนอยากเท่เหมือนปลื้มจิตร์ บางคนอยากเป็นนักกีฬาที่มีความเป็นผู้นำสูงอย่างวิลาวัณย์
4
บางคนอยากเป็นอัจฉริยะเหมือนนุศรา บางคนอยากพัฒนาตัวเองได้เก่งๆเหมือนอำพร บางคนอยากตบได้สนั่นโลกเหมือนอรอุมา และบางคนอยากปิดทองหลังพระแบบมลิกา
6
ถ้าไม่มีพวกเธอเหล่านี้ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าวงการวอลเลย์บอลไทย คงไม่มาไกลถึงจุดนี้
2
อีกข้อสังเกตหนึ่ง ที่ทำให้พวกเธอทั้ง 7 เป็นที่รักของคนทั้งประเทศ บางคนก็เชื่อว่า เพราะนี่คือการรวมตัวกันของคนทุกภาคในประเทศไทย
2
มีทั้งภาคใต้ - สุราษฎร์ธานี
มีทั้งภาคอีสาน - นครราชสีมา
มีทั้งภาคตะวันออก - สระแก้ว
มีทั้งภาคกลาง - อ่างทอง
มีทั้งตะวันตก - ราชบุรี
และมีทั้งภาคเหนือ (ตอนล่าง) - นครสวรรค์
ต่างคน ต่างมา จากคนละที่ แต่มารวมตัวกัน กลายเป็นคอมบิเนชั่นที่ลงตัว และเดินหน้าพาทีมไปสู่ชัยชนะ สมกับคำว่ารวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยดีจริงๆ
1
[ อำลาตำนาน ]
1
คำถามคลาสสิคอีกหนึ่งข้อคือ จริงๆแล้ว เราควรจะเรียกว่า "7 เซียน" หรือ "6 เซียน" กันแน่
คำตอบคือ ถ้าในช่วงปี 2009-2013 จะเรียกว่าช่วง 7 เซียน เพราะทั้ง 7 คนอยู่กันครบ เป็นไลน์อัพในตำนาน
2
แต่จากนั้นในบางช่วงที่แจ๊ค-อำพร หลุดจากทีมชาติไป หรือช่วงที่วรรณา บัวแก้วเลิกเล่นไปแล้ว ก็จะเรียกว่า 6 เซียนบ้าง (เพราะมี 6 คน) แต่ถ้าเราพูดถึงไลน์อัพคลาสสิค คำว่า 7 เซียนจะครอบคลุมมากที่สุด
4
ท้ายที่สุดนี้ ในวันที่นักกีฬา 7 เซียนทั้งหมด ประกาศอำลาทีมชาติอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับคนรักกีฬา ก็บอกได้คำเดียวว่า "ขอบคุณ" ที่สร้างความสุขให้คนไทยมาอย่างยาวนาน
10
ขอบคุณ ที่ทำให้เราทำลายความเชื่อว่า วอลเลย์บอลไทย ไม่มีทางชนะจีนได้ (ก็เห็นแล้วว่ามันไม่จริง)
1
ขอบคุณ ที่ทำให้เราทำลายความเชื่อว่านักกีฬาไทย ไม่เก่งพอจะเล่นลีกระดับโลก (ก็เห็นแล้วว่ามันไม่ใช่)
3
ขอบคุณ ที่ทำให้เรากล้าที่จะฝันให้ใหญ่ขึ้น แทนที่จะพอใจแค่การยืนอยู่ที่เดิม
5
มั่นใจได้เลยว่า ความพยายาม ความอุตสาหะ ความอดทน และความสำเร็จทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้น จะไม่ถูกแฟนกีฬาลบเลือนไปจากความทรงจำโดยง่ายอย่างแน่นอน
2
#7PLAYERS1DREAM
โฆษณา