23 มิ.ย. 2021 เวลา 10:00 • ไลฟ์สไตล์
การพนมมือ (อัญชลี มุทรา) แรงแห่งอธิษฐาน, ภาวนาที่จะนำพาเราไปสู่เป้าหมายดังใจหวัง
อัญชลี มุทรา คืออะไรหว่า? ก่อนอื่นผมคงจะต้องขอกล่าวถึงคำว่า"มุทรา"ก่อนเพื่อให้ทุกๆท่านได้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นครับ "มุทรา" ก็คือการทำสัญลักษณ์มือแบบต่างๆ หรือสัญลักษณ์ของพระหัตถ์ (bodily posture or symbolic gesture) ซึ่งใช้กับเทวรูปต่างๆ ซึ่งมักพบในศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ก่อนที่พุทธศาสนาจะอุบัติขึ้น เมื่อมีการสร้างพระพุทธรูปขึ้น การที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของพุทธประวัติ โดยใช้พระพุทธรูปนั้น การสร้างพระพุทธรูปในอิริยาบทต่างๆนั้นเพียงอย่างเดียว บางครั้งก็ง่าย บางครั้งก็ยาก จึงต้องมีการใช้ มุทรา ที่เป็นสัญลักษณ์ของมือ เข้ามาร่วมด้วย เพราะเป็นที่รู้จัก และเข้าใจในความหมายกันมาก่อนแล้ว การเห็นพระพุทธรูปจึงทำให้คนที่เห็นนั้น เข้าใจในองค์พระพุทธรูปนั้นๆ ว่าแสดง หรือแทน พระพุทธประวัติ ในช่วงใด
 
มุทรา โดยมือ มีหลายแบบที่ยังคงใช้มาจนปัจจุบัน โดยเฉพาะพระทางสายวัชรยาน ของธิเบต มักจะใช้ในการทำสมาธิ หรือแม้แต่การทำโยคะของพวกโยคีก็ใช้กัน
ดังนั้น ผู้ฝึกโยคะที่เริ่มจะศึกษาโยคะแบบลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆมักจะได้ยินคำว่ามุทรา เสมอๆ
อัญชลี มุทรา(การพนมมือ) Anjali Mudra or Namaskara Mudra : gesture of greeting and veneration or The Gesture of Prayer คืออีกหนึ่งสัญลักษณ์มือที่มีความสำคัญอย่างมาก เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการทักทาย หรือ การแสดงความเคารพ มุทรานี้จะไม่ได้ใช้กับพระพุทธรูปของพระพุทธเจ้า แต่จะใช้กับพระพุทธรูปที่เป็นพระอรหันต์ หรือพระสาวกเท่านั้น เช่นรูปพระโมคคัลลา และพระสาลีบุตร ที่ยืนอัญชลีต่อหน้าพระพุทธรูปพระพุทธชินราช
นอกจากมือที่มีความหมายตามลักษณะต่างๆ แล้ว แม้แต่นิ้วมือ ก็มีความหมายด้วยเช่นกัน โดยนิ้วทั้ง 5 เป็นสัญลักษณ์ของ
1.ความกรุณา (Generosity)
2.ความมีศีลธรรม (Morality)
3.ขันติ ความอดทน (Patience)
4.ความมานะ พยายาม (Effort)
5.การตั้งมั่นในสมาธิ (Meditative concentration)
สำหรับเมืองไทยของเรา ถือได้ว่าเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนาก็ว่าได้ การทำสัญลักษณ์พนมมือแบบนี้ในบ้านเราก็คือ การสวัสดี ซึ่งหมายถึง การทักทาย การต้อนรับด้วยมิตรภาพไมรตรีจิต การแสดงออกถึงการให้ความเคารพนับถือ ความนอบน้อม  รวมจนถึงการแสดงความขอบคุณ  นอกจากนี้แล้วเวลาทีเราสวดมนตร์ภาวนา อธิษฐาน วิงวอนขออะไรก็ตามแต่ กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่เราเชื่อถือศรัทธาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ  เราก็จะพนมมือขึ้นและภาวนาขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ
การพนมมือไหว้เป็นวัฒนธรรมที่ดีงามและเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากๆเลยครับ ผมเองก็มีประสบการณ์ดีๆหลายต่อหลายครั้ง ที่เกิดขึ้นจากการพนมมือไหว้
ประสบการณ์ที่ผมจะถ่ายทอดให้ได้อ่านนี้ ได้เกิดขึ้นเมื่อประมาณเกือบๆ 10ปี ที่ผ่าน
เรื่องมันมีอยู่ว่า...เช้าตรู่วันอาทิตย์ที่๑๘ธันวาคม๒๕๕๔ที่ผ่านมา เป็นวันดี เป็นวันที่ลูกชายผมได้ถือกำเนิดเกิดมาลืมตาดูโลกนี้ ในช่วงเวลาต่อจากนั้น๑-๒วันในขณะที่ภรรยาและลูกชายผมกำลังพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ทั้งๆที่ผมก็ยังคงไปสอนโยคะตามปกติในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ผมก็ยังจะต้องอาศัยเวลาช่วงว่างระหว่างวันจากการสอน ไปดำเนินการเรื่องเอกสารต่างๆของลูกชายผม ก็คือการออกสูติบัตรของทางโรงพยาบาล การรับรองบุตร และการขอย้ายบุตรเข้าไปในทะเบียนบ้าน เอกสารทุกๆอย่างมาเกือบครบ มีหมดยกเว้นก็แต่เพียงสำเนาทะเบียนบ้านของผม เนื่องจากชื่อของผมยังอยู่ในทะเบียนบ้านเดิมที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งปัจจุบันมีคุณพ่อและพี่สาวของผมยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ ปัญหามันมีอยู่ว่า บ้านที่สุพรรณฯนี้เป็นบ้านที่ครอบครัวเราเช่าเขาอยู่(ไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเองกับเขาสักทีอ่ะครับ) ดังนั้นสำเนาทะเบียนบ้านก็จะอยู่กับเจ้าบ้านซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่แท้จริง ส่วนผมและครอบครัวก็มีชื่ออยู่เป็นแค่ผู้อาศัยในทะเบียนบ้าน ตัวผมเองอยู่กรุงเทพฯก็เลยโทรไปถามพี่สาว ปรากฏว่าเจ้าของบ้านเขาไม่สะดวกจะถ่ายเอกสารส่งมาให้ในช่วงเวลาที่ผมต้องรีบเร่งที่จะใช้ เพราะเขาไปธุระที่ต่างจังหวัดยังไม่กลับ เขาจึงแนะนำให้ผมไปขอคัดลอกสำเนาทะเบียนบ้านที่สำนักงานเขตที่ใกล้ที่สุด มันก็ฟังดูปกติดีเป็นเรื่องพื้นๆ แต่ปัญหาก็คือ ผมมีเวลาค่อนข้างจำกัดต้องทำเอกสารให้เสร็จภายในวันนั้นเพราะวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันที่ภรรยาและลูกชายของผมจะต้องออกจากโรงพยาบาลกลับมาอยู่ที่คอนโดฯของเรา  เอกสารก็ต้องทำให้เสร็จ งานสอนโยคะก็กังวล กลัวว่าจะวิ่งไปสอนไม่ทันหากไปดำเนินการขอคัดลอกสำเนาทะเบียนบ้านที่สำนักงานเขตแล้วต้องใช้เวลาเย๊อะ...
พวกเราเคยไปติดต่อราชการอะไรสักอย่างที่สำนักงานเขตไหมเอ่ย? พอจะจินตนาการได้ไหมครับ ว่าจะมีประชาชนอย่างเราๆนี้ไปใช้บริการมากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน เรียนให้ทุกๆท่านทราบกันตรงๆเลยว่าถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆผมไม่อยากไปติดต่อราชการที่สำนักงานเขตหรอกครับ(ทุกๆท่านก็คงคิดเห็นเป็นเช่นเดียวกันกับผม) เพราะคิวค่อนข้างยาว และเจ้าหน้าที่ก็มักจะมีน้อยเสมอเวลาที่เราไปติดต่อราชการ(ไม่รู้ทำไม พอเราไปทีไรพนักงานเขามาทำงานกันน้อยทุกที) มิหนำซ้ำเจ้าหน้าที่ ที่จำนวนน้อยๆที่ว่าเนี่ยยังทำงานกันแบบใจเย็นม๊ากกกๆ อีกต่างหาก คงพอจะเข้าใจและจินตนาการตามได้นะครับ  ผมมีเวลาจำกัดเพราะมีคลาสโยคะที่ต้องกลับไปสอน แต่ก็คิดในใจว่าลองดูแล้วกันน่ะ เผื่อวันนี้คนที่ไปใช้บริการที่สำนักงานเขตจะมีไม่เย๊อะ
พอไปถึงสำนักงานเขตผมก็พบว่า มีคนไม่น้อยเลยล่ะครับที่ไปใช้บริการที่สำนักงานเขตในวันนั้น เขาก็กำลังนั่งรอคิวกันเป็นทิวแถวพอสมควรเลยทีเดียว ด้วยเวลาที่มีน้อยทำให้ผมต้องตัดสินใจล่ะครับ ว่าจะกลับก่อนดีหรือจะไปหยิบบัตรคิวแล้วไปนั่งรอคิวดี ในสมองตอนนั้นคิดอยู่สองอย่างคือ ประการแรกคิดว่าถ้าผมกลับไปมือเปล่าภรรยาของผมคงจะไม่ค่อยพอใจแน่ๆ(อันนี้เรื่องใหญ่) และที่สำคัญในวันอื่นผมก็จะต้องกลับมาอีกอยู่ดี ประการที่สองคิดว่าถ้ารอคิวนานจนเกินไปแล้วไปสอนไม่ทันล่ะ..ก็เสียหายอีกล่ะ(เสียรายได้ เสียงานเสียการ) แล้วจะทำไงดีล่ะจิมมี่??? ผมยืนตัดสินใจอยู่ไม่นานนัก เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น แล้วผมก็มองเข้าไปตรงบริเวณที่พนักงานเขากำลังทำงานกันอยู่ ผมสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีสุภาพสตรีท่านหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตแห่งนี้นี่แหล่ะ แต่ไม่เห็นเขานั่งประจำโต๊ะทำงานเหมือนคนอื่นๆ ดูเขาเดินไปเดินมาในบริเวณนั้นอย่างอารมณ์ดี มิหนำซ้ำยังคล้ายๆว่าจะสั่งให้ผู้ที่นั่งในแต่ละโต๊ะทำโน่นทำนี่อีก ผมคิดว่าเธอน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสและมีอิทธิพลในออฟฟิศแห่งนี้ ผมตัดสินใจว่างั้นก็คนนี้แหล่ะ...ลองดู
ผมพยายามทำตัวให้ดูสุภาพเรียบร้อยมากที่สุด เจียมเนื้อเจียมตัวมากที่สุด อธิษฐานและภาวนาในใจหวังว่าเธอจะให้ความเมตตา เข้าใจเห็นใจและช่วยเหลือผม  แล้วผมก็เดินตรงปรี่ไปหาสุภาพสตรีท่านดังกล่าวนี้ทันที ผมพนมมือ(อัญชลี มุทรา) และโน้มศรีษะอย่างนอบน้อม พร้อมกับกล่าวสวัสดี ด้วยถ้อยคำที่ว่า "สวัสดีครับพี่ ผมมาขอคัดลอกสำเนาทะเบียนบ้านครับ ผมเป็นครูสอนโยคะ คือว่าผมต้องรีบกลับไปสอนโยคะน่ะครับพี่ ผมรบกวนหน่อยน่ะครับ" เธอถามสวนกลับมาทันทีว่า"จะเอาไปทำอะไรล่ะ?" ผมจึงรีบบอกว่า"นำไปใช้เป็นเอกสาสำคัญในการรับรองบุตรและให้ทางโรงพยาบาลออกใบสูติบัตรให้กับลูกชายของผม ภรรยาของผมเพิ่งจะคลอดลูกน่ะครับ" ณ ตอนนั้นผมแค่ลองคิดในใจเล่นๆว่า ถ้าสุภาพสตรีท่านนั้นดันใช้มาตรการแข็งกร้าวกับผมและบอกว่า"ก็ไปกดบัตรคิวแล้วไปนั่งรอคิวสิ" ผมคงจะเซ็งมากๆและคงต้องรีบกลับทันที   แต่เธอหันไปมองที่โต๊ะทำงานของน้องผู้หญิงคนหนึ่งแล้วเดินไปที่โต๊ะนั้น เธอพูดกับน้องผู้หญิงคนนั้น สองถึงสามคำเท่านั้นแล้วหันมาแสดงสัญญาณมือเพื่อเรียกผมให้เดินไปที่โต๊ะนั้น ผมยิ้มในใจและรู้สึกได้ทันทีถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า..ผมมาถูกทางแล้วล่ะครับ
พอผมเดินมาถึงโต๊ะทำงานของเธอ ผมก็ไม่ลังเลใจที่จะยกมือไหว้น้องเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนี้ทั้งๆที่ดูแล้วเธอน่าจะมีอายุน้อยกว่าผมอย่างแน่นอน น้องเจ้าหน้าที่ผู้หญิงท่านนี้รีบพนมมือขึ้นรับไหว้ทันทีแล้วบอกผมว่าไม่ต้องยกมือไหว้เธอก็ได้ และก็ยกมือพนมขึ้นเพื่อไหว้ขอบคุณ คุณพี่ผู้หญิงที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสอีกครั้งเพื่อขอบพระคุณ พี่ผู้หญิงท่านนี้บอกว่าเดี๋ยวให้น้องเขาช่วยจัดการให้แล้วกันนะ พอพูดจบเธอก็เดินไปที่โต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ จากนั้นน้องพนักงานผู้หญิงเธอก็รีบจัดการทำเอกสารให้ผมทันที เธอถามผมว่ามีสำเนาบัตรประชาชนมาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ซึ่งผมมีจัดเตรียมไปอยู่แล้ว แค่ไม่ถึงสามนาทีผมก็ได้รับสำเนาทะเบียนบ้านของผม(เร็วมากๆ เร็วโคตรๆ) เธอรีบออกใบเสร็จค่าธรรมเนียมให้ผม เมื่อผมจ่ายเงินไปตามใบเสร็จ(น่าจะ๑๐หรือ๒๐บาทเท่านั้น) ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย  จากนั้นผมก็ยกมือพนมไหว้ขอบคุณสุภาพสตรีทั้งสองท่านอีกครั้งเพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้ผม พร้อมทั้งลากลับทันที
คงจะปฏิเสธไม่ได้ ว่าด้วย อัญชลี มุทรา การพนมมือไหว้และอธิษฐานจิตภาวนา มีส่วนทำให้ผมสำเร็จลุล่วงในภารกิจเร่งด่วนนี้ของผมอย่างน่ามหัศจรรย์  อัญชลี มุทรา เป็นสัญลักษณ์มือที่ทรงพลานุภาพอย่างยิ่ง ผู้ที่ได้พบเห็นจะสัมผัสได้ถึงพลังและมักจะต้องตอบโต้ด้วยมิตรภาพไมรตรีจิต ให้ความช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล ตามกำลังแห่งความศรัทธา
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง เราคงต้องย้อนกลับไปมองว่าเรื่องราวต่างๆที่ผมได้พร่ำพรรณนามาทั้งหมดนี้คงจะสำเร็จลุล่วงไปเสียไม่ได้แน่ๆ หากพวกเราทุกๆคนไม่ได้ถูกปลูกฝังมาให้มีพื้นฐานทางด้านจิตใจที่ดีงาม ตามวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ดังที่บรรพบุรุษของเราได้พยายามพร่ำสอนพวกเรามา ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้พวกเราได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นบนโลกใบนี้ด้วยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจ, เข้าใจ และเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างมีความสุข
ตราบใดก็ตาม ที่บนโลกใบนี้ของเรายังคงมีความหวัง อธิษฐาน ภาวนา ศรัทธา ความจงรักภักดี และความดีงามในจิตใจ สัญลักษณ์การพนมมือ แบบอัญชลี มุทรา ก็จะยังคงอยู่กับพวกเราต่อไปตราบนานเท่านาน
ป.ล. ผมใคร่ขอแนะนำทุกๆท่านไว้ด้วยเลยก็แล้วกันนะครับ ว่า..ติดต่อราชการ งานราช งานหลวง งานน้อย งานใหญ่  ครั้งใด โปรดจงเชื่อมั่นใน อัญชลี มุทรา...แรงแห่งอธิษฐาน, ภาวนา ที่จะช่วยนำพาเราไปสู่เป้าหมายดังใจหวัง
ขอพลังแห่งโยคะ ความรัก ความศรัทธา และสันติสุข จงอยู่กับทุกๆคนตลอดไป...บุญรักษา...พระคุ้มครอง...นมัสเต
จิมมี่โยคะ
โฆษณา