24 มิ.ย. 2021 เวลา 10:51 • ข่าว
คลื่นพายุซัดฝั่ง (storm surge) คือมวลน้ำขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากแรงลมของ พายุหมุนเขตร้อน (tropical cyclone) ที่มีความเร็วลมมากกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเกิดในมหาสมุทรเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว และยกตัวสูงขึ้นกลายเป็นคลื่นขนาดใหญ่พัดเข้าซัดชายฝั่ง ยกตัวอย่างคลื่นพายุซัดฝั่งที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ได้แก่ พายุโซนร้อนแฮร์เรียต พายุไต้ฝุ่นเกย์ ซึ่งส่งผลกระทบกับสภาพพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเล ป่าชายแลนและหาดทรายถูกทำลายเป็นบริเวณกว้าง ต้นไม้ขนาดใหญ่โค่นล้ม ถนนชำรุด สิ่งปลูกสร้างบริเวณชายฝั่ง เช่น ท่าเทียบเรือ หมู่บ้านชาวประมง รวมถึงชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง ถูกคลื่นซัดพังเสียหายอย่างรุนแรง
ดังนั้น การเตรียมการป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นซัดจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าจะเป็น การปลูกพืช การเสริมทรายชายหาด ไส้กรอกทราย ปักแนวไม้ไผ่ รวมไปถึงเขื่อนกันคลื่น โดยการสร้างแนวเขื่อนกันคลื่นถือเป็นโครงสร้างทางวิศวกรรมที่สามารถสลายพลังงานของคลื่นได้ดี และช่วยดักตะกอนเลนทรายชายฝั่งและยึดแนวชายฝั่งให้ยังคงสภาพเดิม มีความมั่นคง แข็งแรง ทนต่อสภาพอากาศ ลม พายุ เหมาะสำหรับบริเวณชายฝั่งที่มีปัญหาถูกกัดเซาะอย่างรุนแรงโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัย
อย่างไรก็ตาม การเลือกแนวทางการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งควรมีการสำรวจสภาพแวดล้อม เพื่อเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และสอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่นั้นๆ จึงจะทำให้การป้องกันคลื่นพายุซัดฝั่งเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูงสุด
#การออกแบบ #เขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง #โครงการออกแบบและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม #ประชาชน #ชาวบ้าน #สิ่งแวดล้อม #โยธาธิการและผังเมือง #ผลกระทบสิ่งแวดล้อม #วิศวกรรมชายฝั่ง #ประเทศไทย #กรมโยธา
โฆษณา