25 มิ.ย. 2021 เวลา 03:50 • ธุรกิจ
รู้จัก รถยนต์ไฟฟ้า 140,000 บาทในจีน ที่ทำยอดขายแซงหน้า Tesla
1
ถ้าพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้า เชื่อว่าเวลานี้ คนส่วนใหญ่คงต้องนึกถึง Tesla
ซึ่งเป็นผู้นำของอุตสาหกรรม และมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดในโลก
3
แต่รู้ไหมว่า ในประเทศจีน
รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงขณะนี้ กลับไม่ใช่ Tesla
แต่เป็นแบรนด์ที่ชื่อว่า “Wuling HongGuang Mini EV”
1
ทำไมชาวจีนถึงถูกใจรถรุ่นนี้ และบริษัทไหนเป็นผู้ผลิต ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ประเทศจีน ถือเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าใหญ่ที่สุดในโลก
โดยปี 2020 มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 1.3 ล้านคัน คิดเป็น 41% ของยอดขายทั่วโลก
ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้ผลิตรถยนต์หลายราย เข้ามาแข่งขันเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด
ไม่ว่าจะเป็น บริษัทระดับโลกอย่าง Tesla
หรือค่ายจีนเอง อย่างเช่น BYD, NIO, XPeng
เราลองมาดูกันว่าปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นไหน ขายดีสุดในจีน
1
ปี 2020
อันดับ 1 Tesla Model 3 ยอดขาย 139,925 คัน
อันดับ 2 Wuling HongGuang Mini EV ยอดขาย 119,255 คัน
อันดับ 3 Baojun E-Series ยอดขาย 47,704 คัน
ปี 2021 (เดือนมกราคม-เมษายน)
อันดับ 1 Wuling HongGuang Mini EV ยอดขาย 125,925 คัน
อันดับ 2 Tesla Model 3 ยอดขาย 59,122 คัน
อันดับ 3 BYD Han EV ยอดขาย 27,100 คัน
2
จะเห็นได้ว่า Tesla Model 3 นั้นเคยเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีน
แต่ล่าสุด ได้ถูก “Wuling HongGuang Mini EV” ทำยอดขายแซงหน้าไปกว่าเท่าตัวในช่วงต้นปีนี้
2
ที่น่าสนใจคือ รถ Wuling HongGuang Mini EV เพิ่งจะเปิดตัว เมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 หรือแค่เพียง 11 เดือนที่แล้ว เท่านั้นเอง
2
โดยผู้ที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ คือ บริษัท “SGMW” ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่าง
- SAIC Motor บริษัทรัฐวิสาหกิจจีน ถือหุ้น 50.1%
- General Motors บริษัทยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ถือหุ้น 44.0%
- Wuling Motors บริษัทเอกชนจีน ถือหุ้น 5.9%
2
SGMW เป็นค่ายที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถยนต์ประเภทมินิแวน หรือรถขนาดเล็ก
ซึ่งบริษัทได้มีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ขึ้นมา เพื่อบุกตลาดจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
2
Cr.autodeft
นั่นคือ Wuling HongGuang Mini EV รถยนต์ไฟฟ้า 2 ประตู 4 ที่นั่ง
ที่สามารถเร่งความเร็วได้สูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และขับได้ระยะทาง 170 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
4
แต่พอเห็นข้อมูลเช่นนี้แล้ว หลายคนอาจสงสัยว่า
รถที่สมรรถนะ ดูไม่ได้พิเศษไปกว่ารุ่นทั่วไปในตลาด
ทำไมถึงได้รับความนิยมจากชาวจีน ?
2
เหตุผลข้อแรก คือ ราคาขายที่ “ถูกมาก”
2
SGMW ตั้งราคารถ Wuling HongGuang Mini EV ในจีน เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 140,000 บาท
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับ Tesla Model 3 ที่มีราคาขายในจีน เริ่มต้นคันละ 1.2 ล้านบาท
เท่ากับว่าราคาเริ่มต้นของ Wuling HongGuang Mini EV
คิดเป็นแค่ 0.1 เท่า ของราคาเริ่มต้นรถ Tesla เท่านั้น
1
แต่ก็คงต้องบอกว่า รถทั้งสองรุ่นนี้ มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
1
เพราะ Tesla Model 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 4 ประตู 5 ที่นั่ง
ซึ่งสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดกว่า 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และขับได้ระยะทาง 560 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
รวมทั้งมีเทคโนโลยีล้ำสมัยอยู่มากมาย
3
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คนจีนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ส่วนใหญ่จะอาศัยในตัวเมือง และเดินทางไปมาใกล้ ๆ
จึงทำให้ Wuling HongGuang Mini EV ที่สมรรถนะเพียงพอต่อการขับในเมือง และราคาถูกแค่หลักแสนบาท ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก
3
เหตุผลข้อต่อมา คือ ลูกค้าสามารถตกแต่งลวดลายตัวรถได้เอง
2
โดย Wuling HongGuang Mini EV จะมีสีรถอยู่ 20 สี
และให้ลูกค้าเลือก “สติกเกอร์” มาแต่งรถได้ตามความชอบส่วนตัว
4
Cr.chinamktginsights
ซึ่งสติกเกอร์ที่ได้รับความนิยมสูง คือ แครักเตอร์การ์ตูน เช่น เฮลโลคิตตี้, โดราเอมอน, โปเกมอน รวมไปถึงโลโกทีมกีฬาต่าง ๆ
ทำให้ลูกค้าได้ซื้อรถที่แสดงถึงความเป็นตัวตน โดยเฉพาะผู้หญิง ที่มักจะชื่นชอบรถคันเล็กลวดลายน่ารัก
ส่งผลให้ฐานลูกค้าของรถ Wuling HongGuang Mini EV เป็นผู้หญิงถึง 2 ใน 3 ของยอดขาย
1
ซึ่งยอดขายที่ครองอันดับ 1 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีน ก็ทำให้ผลประกอบการของ SGMW โตระเบิด
ไตรมาสที่ 1 ปี 2020 รายได้ 133,000 ล้านบาท
ไตรมาสที่ 1 ปี 2021 รายได้ 308,000 ล้านบาท
2
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในปีหน้าไว้ที่ 1.2 ล้านคัน
ซึ่งเกือบเท่ากับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของทุกค่ายในประเทศจีน เมื่อปี 2020 เลยทีเดียว
1
นอกจากนั้น บริษัทยังได้วางแผนขยายธุรกิจไปในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะทวีปยุโรป ที่ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย และมีโครงสร้างพื้นฐานแท่นชาร์จไฟฟ้ารองรับ
3
ทำให้ในอนาคต SGMW อาจก้าวขึ้นมาท้าชิงตำแหน่งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในโลก กับ Tesla และค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ก็เป็นได้
และถ้ามองกลับมาที่ประเทศไทย
ถึงแม้ราคานำเข้ารวมภาษีของรถ Wuling HongGuang Mini EV อาจสูงกว่าที่ขายในจีน
แต่มันก็คงเป็นตัวเลือกที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดยานยนต์ราคาไม่แพง เช่น รถขนาดเล็ก หรือมอเตอร์ไซค์ ได้ไม่มากก็น้อย
2
อย่างไรก็ตาม นอกจากราคาแล้ว อีกปัจจัยที่จะสนับสนุนให้คนไทยใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น
คงจะเป็นความพร้อมและความสะดวกสบายในการชาร์จไฟฟ้าตามสถานที่ต่าง ๆ
1
ก็น่าติดตามต่อไปว่า
แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ทุกวันนี้
ทำให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ ต่างแข่งขันกันคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ หรือทำให้ราคาเข้าถึงผู้บริโภคได้
1
ซึ่งสุดท้าย คนที่ได้ประโยชน์มากสุดจากเรื่องนี้ คงหนีไม่พ้น “ผู้บริโภค”
ที่จะมีทางเลือกในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น นั่นเอง..
1
โฆษณา