Blockdit Logo (Mobile)
Historia of Bacon
•
26 มิ.ย. 2021 เวลา 11:37 • ประวัติศาสตร์
Spanish Inquisition ศาลศาสนา ประวัติศาสตร์ในเงามืดของสเปน
คำว่า “ล่าแม่มด” ถูกใช้ทั้งในประวัติศาสตร์และเอามาใช้ในโลกปัจจุบัน แต่จริง ๆ แล้วประวัติการล่าแม่มดนั้นโหดร้ายกว่าที่เราจินตนาการมาก วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับศาลศาสนาที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายและน่ากลัวแห่งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์โลกเลยก็ว่าได้ เชิญพบกับศาลศาสนาสเปน หรือในชื่อภาษาสเปน Inquisición Española หรือ Tribunal de Santo Oficio
ต้องขอเท้าความก่อนว่าตั้งแต่ปี ค.ศ. 711 ถึง 1492 ดินแดนบนคาบสมุทรไอบีเรียหรือบริเวณประเทศสเปนและโปรตุเกสปัจจุบันนั้นถูกปกครองด้วยอาณาจักรของชาวอาหรับอยู่ รวมถึงมีคนจากชาติพันธุ์อื่นอาศัยอยู่ด้วยนั่นคือชาวยิว อาณาจักรของชาวคริสต์หลายแห่งบนคาบสมุทรแห่งนี้ได้พยายามยึดครองดินแดนกลับคืนและขับไล่ชาวอาหรับออกจากคาบสมุทรไอบีเรีย ซึ่งภารกิจยึดครองดินแดนกลับคืนนี้นั้นเรียกว่า เรกองกิสตา (Reconquista) ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจทางศาสนาเพื่อพระเจ้าเป็นระยะเวลากว่า 700 ปี
Cr. Tulane.edu
ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 ซึ่งเป็นช่วงปลายของเรกองกิสตา อาณาจักรของชาวอาหรับเหลือเพียงทางตอนใต้ที่เมืองกรานาดา (Granada) เท่านั้น อาณาจักรของชาวคริสต์ที่เป็นผู้นำภารกิจนี้คืออาณาจักรกัสติญ่า (El Reino de Castilla) ผู้นำคืออิซาเบล (Isabel) และอาณาจักรอารากอน (El Reino de Aragón) ผู้นำคือเฟร์นันโด (Fernando) ทั้งสองได้แต่งงานกันเพื่อผนวกดินแดนบนคาบสมุทรแห่งนี้เป็นประเทศสเปนขึ้น ซึ่งทั้งคู่ได้รับสมญานามว่ากษัตริย์แห่งคาทอลิก (Los Reyes Católicos)
จากที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ว่าเรกองกิสตาถือว่าเป็นภารกิจเพื่อพระเจ้า ยึดคืนดินแดนจากชาวมุสลิม ดังนั้นชาวสเปนในยุคนั้นจึงเคร่งศาสนาเข้าสมอง และไม่มีขันติธรรมทางศาสนา มองว่าศาสนาอื่นเป็นศัตรูต่อคริสตศาสนา รวมทั้งชาติพันธุ์อื่น ๆ อย่างชาวยิวเช่นกัน
1
ชาวยิวในสเปนยุคนั้นถือว่ามีฐานะดี ร่ำรวยจนทำให้ชาวคริสต์เกิดอคติต่อชาวยิว ชาวคริสต์ในสเปนอิจฉาที่ชาวยิวมีตำแหน่งทางสังคม หน้าที่การงานที่ปังกว่า เริ่มมีการแจ้งความเอาผิดกับชาวยิว รวมทั้งคดีต่าง ๆ มีการให้ความผิดกับคนยิวเพียงแค่ไม่ได้นับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน รวมทั้งในช่วงทำเรกองกิสตา สเปนใช้เงินไปกับการทำสงครามยึดเมืองกรานาดาไปจำนวนมหาศาล เมื่อยึดพื้นที่ทั้งคาบสมุทรไอบีเรียได้แล้ว เฟร์นันโดและอิซาเบลจึงใช้โอกาสนี้ในการขับไล่ชาวยิวเพื่อยึดทรัพย์สินมาเป็นของสเปน และยังมีนโยบายให้คนยิวและมุสลิมมีสองทางเลือก หนึ่งคือเปลี่ยนศาสนาเข้ารีตเป็นคริสตศาสนิกชน โดยชาวยิวที่เข้ารีตศาสนาคริสต์จะเรียกว่า ฆูไดซานเตส (judaizantes) และชาวมุสลิมที่เข้ารีตจะเรียกว่า โมริสโกส (moriscos) หรือทางเลือกที่สองคือ ถ้าไม่เปลี่ยนศาสนา ก็ออกไปจากดินแดนแห่งนี้ค่ะ
1
ในช่วงนี้มีการขับไล่ชาวยิวและชาวมุสลิมจำนวนมาก เนื่องจากคริสตศาสนิกชนชาวสเปนไม่สามารถยอมรับการอยู่ร่วมกับคนจากศาสนาอื่นได้ (ก็เนาะ ภารกิจทำเพื่อพระเจ้าตั้ง 700 กว่าปี ความคิดฝังรากลึกยันก้านสมอง) รวมทั้งยังมีการไล่ล่าคนที่ทำตัวเป็นปรปักษ์กับศาสนาคริสต์ ด้วยเหตุนี้กษัตริย์แห่งคาทอลิกทั้งสองจึงได้ขออนุญาตพระสันตะปาปาซิกตุสที่ 4 (Pope Sixtus IV) ณ เวลานั้นในการจัดตั้งศาลศาสนาในสเปนเพื่อใช้ตามล่าและกำจัดผู้ที่เป็นศัตรูต่อศาสนาคริสต์
ศาลศาสนาสเปน (Inquisición Española) ได้ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายและความน่ากลัวอย่างมากในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นวิธีการทรมาณ เครื่องมือ จนได้มีการบอกว่า หากศาลศาสนามาเคาะประตูบ้านนั่นหมายความว่าครึ่งหนึ่งของร่างกายได้ตายไปแล้ว
1
Cr. Lacrisisdelahistoria.com
จากรูปด้านบน เป็นสัญลักษณ์ของศาลศาสนาในสเปน ดาบทางด้านขวาหมายถึงความยุติธรรมและการปราบปราบพวกนอกรีต กิ่งมะกอกทางด้านซ้ายหมายถึงการสำนึกผิด และไม้กางเขนตรงกลางหมายถึงศาสนจักร และภาษาละตินรอบ ๆ ที่เขียนว่า EXURGE DOMINE ET JUDICA CAUSAM TUAM PSALM 73 ซึ่งหมายถึง ขอพระเจ้าจงอุบัติขึ้น และปกป้องประสงค์ของท่าน จากบทสวดที่ 73
ศาลศาสนาในสเปนมีหน้าที่จัดการปราบปรามคนที่ศาสนจักรมองว่าเป็นศัตรูกับศาสนา โดยเคสที่ศาลศาสนาเป็นผู้จัดการส่วนใหญ่จะเป็นพวกนอกรีต การพูดจาดูหมิ่นศาสนา การนับถือศาสนาอิสลาม การเป็นชาวยิว ฆูไดซานเตสหรือพวกยิวที่เข้ารีตเป็นชาวคริสต์แต่แอบปฏิบัติกิจของศาสนาเดิมอยู่ การนับถือนิกายโปรแตสแตนท์ (ขัดกับหลักโรมันคาทอลิกในสเปน) รวมทั้งเคสอื่น ๆ ที่ศาสนจักรมองว่าผิดแปลกเช่น การแต่งงานซ้อน การเป็นเกย์ การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หรือผู้หญิงที่มีความรู้เรื่องยามากเกินไป เช่น หมอตำแย ก็นับว่าเป็นแม่มดเช่นกัน
1
วิธีการลงโทษของศาลศาสนาในสเปนขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายอย่างมาก วันนี้เราจะมาลองดูเครื่องมือที่ใช้ในการทรมาณนักโทษของศาสนจักรกันนะคะ
La hoguera
เริ่มกันที่อย่างแรกที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยินก็คือกองไฟ (Hoguera) นั่นเอง อย่างที่ทุกคนพอจะจินตนาการได้เลยค่ะ นั่นคือการเผาทั้งเป็นต่อหน้าสาธารณชน ให้คนในสังคมเกิดความกลัวไม่กล้าทำความผิดค่ะ
El garrote vil
อย่างที่สองคือการประหารด้วยการบีบคอด้วยปลอกคอเหล็ก (Garrote vil) ก็ตามชื่อเลยค่ะ เป็นเครื่องมือบีบคอด้วยปลอกคอเหล็ก ใช้กับนักโทษที่สำนึกผิดบาปแล้ว ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ทรมาณน้อยที่สุด
El toro de Falaris
ต่อมาคือวัวกระทิงแห่งฟาลาริส (Toro de Falaris) อย่างที่เห็นว่าเป็นเครื่องมือเหล็กรูปร่างเป็นวัวกระทิง โดยจะให้นักโทษเข้าไปข้างในวัวกระทิงและจุดไฟเผาจากด้านล่างของวัวกระทิง วัวกระทิงเหล็กที่ถูกไฟลุกอยู่ด้านล่างก็ไม่ต่างอะไรจากเตาอบคนนั่นเอง โดยเสียงร้องของนักโทษจะออกมาจากทางปากของวัวกระทิงจนกว่าจะไหม้เกรียม
La pera vaginal, oral o anal
และสุดท้ายนั่นก็คือเป็นเครื่องมือเหล็กลักษณะคล้ายลูกแพร์ (Pera vaginal, oral o anal) เป็นเครื่องมือขนาดเล็กแต่วิธีทรมาณนั้นไม่เล็กเลยค่ะ ใช้สำหรับทรมาณผู้หญิงที่มีชู้ หรือคดีการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หรือก็คือเอาไว้ทรมาณคนที่เป็นคนรักเพศเดียวกัน (homosexual) นั่นเองค่ะ โดยจะเอาเครื่องมือนี้เข้าไปในทวารหนัก ปาก หรือช่องคลอดแล้วแต่คดีของนักโทษ หลักจากนั้นลูกแพร์จะกางออกและข้างในลูกแพร์นั้นจะเต็มไปด้วยหนามเหล็กทิ่มแทงข้างในค่ะ
จริง ๆ แล้วศาลศาสนายังมีวิธีการทรมาณอีกมากมายที่เกินกว่ามนุษย์เราในยุคปัจจุบันจะจินตนาการได้ และศาลศาสนานี้ไม่ได้มีเพียงแค่ในสเปนเท่านั้น ในหลาย ๆ ประเทศในยุโรปช่วงยุคกลาง ศาลศาสนามีอิทธิพลอย่างมาก สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากการขาดขันติธรรมทางศาสนา การไม่ยอมรับในความเห็นต่างรวมถึงการปฏิเสธการมีอยู่ของคนชายขอบ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นด้านมืดด้านหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สเปนและยุโรป
ทั้งนี้ที่กล่าวมาเป็นเรื่องราวในอดีต ในปัจจุบันศาลศาสนาได้หมดไปจากสเปนและยุโรปแล้วนะคะ สิ่งหนึ่งที่อยากฝากไว้ก็คือ การเรียนรู้ประวัติศาสตร์นั้นไม่ได้เรียนเพื่อสร้างความเกลียดชังหรือตัดสินว่าสิ่งนั้นถูกหรือผิดนะคะ แต่เราเรียนรู้เพื่อทำความเข้าใจคนในแต่ละช่วงเวลา เข้าใจความคิดของมนุษย์ และนำข้อผิดพลาดในอดีตมาแก้ไขและไม่เดินซ้ำรอยประวัติศาสตร์เดิมค่ะ
References
โฆษณา