26 มิ.ย. 2021 เวลา 12:59 • สุขภาพ
แนวทางการให้sedative-hypnotics มีดังนี้
(1) ต้องวินิจฉัยก่อนว่าผู้ป่วยมีโรคประจำตัวหรือพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของการนอนไม่หลับหรือไม่
(2) ถ้าเริ่มให้ยาให้ในขนาดต่ำที่สุดก่อนและค่อยเพิ่มขนาดยาตามการตอบสนองในผู้ป่วยแต่ละราย
(3) ให้ยาเป็นระยะเวลาที่สั้นที่สุด และ/หรือให้แบบไม่ต่อเนื่อง เช่น ให้ก่อนนอนเว้นก่อนนอนระยะเวลาการให้ควรให้ไม่นานไม่เกิน 2-4 สัปดาห์ เช่น zolpidem และ zaleplon ให้ได้นานที่สุดคือ 30-35 วัน แต่ในกรณีที่ต้องใช้ในระยะยาวต้องทำการประเมินผู้ป่วยอย่างละเอียด และให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญรักษา
(4) ระมัดระวังเรื่องการเพิ่มขนาดยา หรือในผู้ป่วยที่ไม่ยอมหยุดใช้ยาหรือลดขนาดยา เพราะอาจทำให้เกิดการติดยา
(5) การหยุดให้ยานอนหลับ ให้ค่อย ๆ หยุดยาพร้อมสังเกตอาการถอนยา และ rebound insomnia
(6) ไม่ควรให้ร่วมกับแอลลกอฮอล์เพราะจะทำให้เกิดการสงบระงับมากเกินไปหรืออาจกลายเป็นparasomnias
(7) Benzodiazepines ควรระมัดระวังการใช้ใน mild sleep apnea และหลีกเลี่ยงในผู้ป่วยmoderate to severe sleep apnea จะทำให้อาการแย่ลง
(8) ให้ขนาดยาต่ำ ๆ ในผู้สูงอายุ และระมัดระวังการใช้เป็นพิเศษโดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติในการเดินหรือมีประวัติการหกล้มบ่อยครั้ง
(9) ไม่ใช้ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
🎗️บทความวิชาการสำหรับการศึกษาต่อเนื่อง
สถานเสาวภา สภากาชาดไทย
เรื่อง โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
ผู้เขียน ภก.ปริญญา ปั้นพล
.
.
หมายเหตุ
🔕การใช้ยาแก้แพ้ชนิดทำให้ง่วงติดต่อกันนานกว่า3ปี​ มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อม​ หรือ​ อัลไซเมอร์​
Researchers found that taking anticholinergic medications for 3 years or more increased the risk for dementia and Alzheimer’s disease. Researchers also found an escalation of risk based upon the cumulative amount of anticholinergic medication taken over time.
POSTED 2021.06.26
โฆษณา