26 มิ.ย. 2021 เวลา 15:56 • ปรัชญา
ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ เรื่องราว เหตุการณ์ และความเป็นจริงในโลกก็เช่นกัน บางครั้งมันก็สมเหตุสมผล แต่บางครั้งมันก็กลับย้อนแย้งกันเอง
4
จากที่ห่างหายไปนาน วันนี้ผมมีบทความมาแบ่งปันให้เพื่อนๆฟังกันครับ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับ ความจริงอันย้อนแย้งในโลก ถึงแม้มันจะน่าแปลก
แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ และคาดว่าเพื่อนๆอาจจะเคยประสบกันมาบ้างเช่นกันครับ
5 ความจริงอันย้อนแย้งในโลกแห่งความเป็นจริง
1 ยิ่งสร้างความประทับใจให้คนอื่น คนอื่นยิ่งไม่ประทับใจ
4
ในข้อนี้ กล่าวในเพียงแค่ความเป็นไปได้ว่าอาจจะพบเจอนะครับ ก็คือไม่ใช่ว่าเป็นแบบนี้เสมอไป บางครั้งเราอาจจะสร้างความประทับใจให้คนอื่นจริงๆก็ได้
แต่บางครั้ง เช่น การพบเจอกันครั้งแรกกับคนใหม่ การทำความรู้จักกับคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน การสัมภาษณ์งาน เป็นต้น เรามักจะอยากสร้าง first impression นั่นคือความประทับใจแรกพบ เพื่อผู้อื่นรู้สึกดีกับเราและอยากจะคุยกับเราต่อ
2
แต่สิ่งนี้นำมาซึงความพยายามมากเกินไป จนไม่เป็นตัวของตัวเอง เช่น พยายามยิ้ม พยายามเล่นมุก ทำให้คนรอบตัวรู้สึกไม่จริงใจ
ดังนั้นนี่จริงเป็นที่มาของข้อนี้ ยิ่งสร้างความประทับใจให้คนอื่น เรายิ่งพยายาม และทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าเราไม่จริงใจ
ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำจริงๆคือ มีความเป็นตัวของตัวเอง แสดงความจริงใจ และวางตัวอย่างเหมาะสม
1
2 ไม่ใช่ว่าประสบความสำเร็จเพราะไม่ผิดพลาด แต่เพราะผิดพลาด จึงประสบความสำเร็จ
3
หากเราลงมือทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน จะไม่ใช่เรื่องแปลกเลยทีจะผิดพลาด และการที่เราผิดไม่พลาดไม่ได้แปลว่าเราจะล้มเหลวและจะไม่ประสบความสำเร็จ
1
แต่สิ่งเราต้องทำคือ เรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น แก้ไขและลงมือทำกันใหม่ นำความผิดพลาดไปพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น เรียนรู้จากความผิดพลาดเรื่อยๆให้เป็นเหมือนขั้นบันได ซึ่งบันไดที่ว่านี้ก็คือ บันไดแห่งความสำเร็จ ที่มีขั้นบันไดเป็นการเรียนรู้จากความผิดพลาด
2
ดังนั้นความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องที่แย่ แต่เพราะเราผิดพลาด เราจึงประสบความสำเร็จ
3 บาดแผลในชีวิต คือสิ่งที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น
3
อาจจะยากสักหน่อยที่เราจะก้าวออกมาจาก comfort zone ของตนเอง ซึ่งจะทำให้เราเกิดบาดแผลขึ้นมาบ้าง
แต่คนที่ไม่มีบาดแผลเลย คนที่ไม่เคยล้มเลยนั้น ก็เพราะไม่เคยก้าวขาออกจากที่ที่เดิม นั่นคือการไม่ลองลงมือทำหรือออกมาจาก comfort zone ของตนเอง
1
ในตอนที่เราเสียใจและเจ็บปวดกับบาดแผลนั้น เรายังอาจจะยังมองไม่เห็นทางแก้ หรือจะทำอย่างไรเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อแผลเราหายดี ความเสียใจเราได้หายไปแล้ว สิ่งที่เราจะได้รับมาหลังจากนั้น คือเราสามารถแก้ปัญหาในทำนองเดิมได้ ได้พัฒนาความสามารถของตนเองจากการลองลงมือทำสิ่งใหม่ๆ รวมถึงภูมิคุ้มกัน เพื่อไม่ให้เกิดบาดแผลอีก
1
ทั้งหมดนี้นำมาซี่งชีวิตที่ดีขึ้น
4 ยิ่งสิ่งนั้นมีน้อยเท่าไหร่ เรายิ่งต้องการมันมากเท่านั้น
1
บางสิ่งบางอย่างหากมีมาก เราจะไม่สนใจกับมัน แต่เมื่อสิ่งนั้นเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ เราก็จะเริ่มสนใจมันมากขึ้น
1
ยกตัวอย่างเช่น สินค้าบางอย่างที่เราพบเจอในร้านสะดวกซื้อ หากเราเห็นมันมีอยู่ในจำนวนที่มากอยู่ เราก็ยังไม่สนใจมัน แต่เมื่อมันเริ่มมีจำนวนที่ลดลง หรือเห็นคนอื่นเริ่มมีความต้องการมัน ก็ก็จะเริ่มสนใจและต้องการซื้อสินค้าชิ้นนั้น
5 ยิ่งตัวเลือกมากเท่าไหร่ เราจะไม่อยากได้มันมากเท่านั้น (เอ้า ซะอย่างนั้น)
1
คล้ายๆกับข้อที่แล้วครับ เพราะยิ่งอะไรมีมาก เราก็จะยิ่งไม่ต้องการมัน ตัวเลือกก็เช่นกันครับ หากสิ่งใดที่เราสามารถเลือกได้หลายตัวเลือก เราก็จะไม่ค่อยสนใจมันเท่าไหร่
ยกตัวอย่าง การเลือกซื้อสินค้า หากมีโลชั่นยีห้อหนึ่ง มีหลายสูตร หลายแบบ หลายสรรพคุณมากๆ แตกต่างกันไป และมีตัวเลือกเยอะมาก เปรียบเทียบกับโลชั่นยีห้อหนึ่ง มีตัวเลือกให้แค่ 3 ชิ้น คุณจะสนใจสินค้ายีห้อไหนมากกว่า
1
ส่วนใหญ่จะต้องเป็นยีห้อที่มี 3 ตัวเลือกครับ เพราะดูมีค่ามากกว่า และทำให้เราไม่ต้องเปลืองพลังงานสมองมากนักในการทีจะพิจารณาซื้อสินค้า
อ้างอิง : https://youtu.be/IlKKjLwG0og
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เพื่อนๆเคยประสบเหตุการณ์ความจริงอันย้อนแย้งแบบนี้กันบ้างรึเปล่า ผมนี่เจอเยอะเลย ก็เลยอยากนำมาแบ่งปันกันครับ
1
ขอบคุณทุกๆกำลังใจนะครับ
ขอบคุณทุกคนจากใจจริงครับ
ปุ๋น
โฆษณา