27 มิ.ย. 2021 เวลา 01:37
ทำไมยิ่งมีผู้เห็นเหตุการณ์มาก
กลับยิ่งได้รับความช่วยเหลือน้อยลง
#จิตวิทยา
(เรียบเรียงโดย Wassachon Kammeemoon)
ท่ามกลางฝูงชนที่เดินสวนกันอย่างอลหม่าน มีสุนัขจรจัดตัวหนึ่งเดินอยู่อย่างอ่อนแรง คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นมันแต่เพิกเฉยและเดินผ่านไป
คนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าคงจะมีคนให้อาหารหรือการช่วยเหลือมันเยอะแล้ว จึงละเลยที่จะให้การช่วยเหลือสุนัขตัวนี้ เหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่างของปรากฏการณ์ Bystander effect
Bystander effect คือ สถานการณ์ที่ฉุกเฉินบางอย่าง ยิ่งมีผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก กลับยิ่งมีโอกาสได้รับความช่วยเหลือน้อยลง
Bystander effect กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจจากเหตุการณ์ฆาตกรรมอันโหดร้ายของคิตตี เจโนวีส(Catherine Susan Kitty Genovese)หญิงสาวชาวอเมริกัน เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ.1964
ที่มา : Grim Magazine
หลังจากเลิกงาน เธอเดินทางกลับไปยังอพาร์ทเมนท์ของเธอ เจโนวีสถูกชายผู้ไม่หวังดีโจมตีอย่างโหดร้ายด้วยมีด เธอวิ่งไปยังประตูหน้าอพาร์ทเมนท์ของเธอแต่ทันใดนั้นคนร้ายได้ดึงแขนเธอเอาไว้และแทงเธอ
เจโนวีสได้กรีดร้องจนเพื่อนบ้าน Robert Mozerได้ตะโกนออกมาจากหน้าต่างว่า “ปล่อยเธอไปเถอะ” ทำให้คนร้ายตกใจและหลบหนีไป
เจโนวีสได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่เธอก็พยายามคลานอย่างทุลักทุเลไปยังหลังอพาร์ทเมนท์โดยหวังว่าจะมีคนให้ความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครเข้าไปให้ความช่วยเหลือเธอเลยแม้แต่น้อย ความโชคร้ายของเจโนวีสไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้ อีกสิบนาทีต่อมา คนร้ายกลับมาแทง ข่มขืน และขโมยเงินเธอไป
ที่มา : PBS
หลังจากนั้นเพื่อนบ้านของเจโนวีส ชื่อ Sophia Farrar ได้มาพบเธอและพยายามเรียกหาคนอื่นๆเพื่อจะโทรหาตำรวจ ตำรวจได้มาถึงที่เกิดเหตุในหลายนาทีต่อมา และสุดท้ายเจโนวีสก็ได้เสียชีวิตในรถพยาบาลระหว่างทางไปโรงพยาบาล
สองสัปดาห์ต่อมาหลังจากเกิดเหตุการณ์ หนังสือพิมพ์ The New York Times ได้รายงานว่าขณะที่เกิดเหตุการณ์มีพยานผู้ทราบถึงเหตุการณ์ 38 คน มีพยานตะโกนเพื่อขัดขวางคนร้ายอยู่ 2 ครั้ง แต่ละครั้งคนร้ายก็กลับมาและแทงเจโนวีสอีก แต่ไม่มีใครใน 38 คนนี้เรียกตำรวจตลอดเวลาที่เกิดเหตุการณ์เลย
เหตุการณ์โศกนาฏกรรมนี้นำไปสู่การวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมทางสังคมมากมาย เกี่ยวกับ การตัดสินใจของผู้เห็นเหตุการณ์ในการให้ความช่วยเหลือ
ที่มา : https://www.tessacs.org/bystander/
งานวิจัยของนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน Bibb Latané และ John Darley พบว่าก่อนที่จะเกิดการช่วยเหลือนั้น ผู้เห็นเหตุการณ์จะต้องมีขั้นตอนการประมวลผลเพื่อทำการตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือหรือไม่ ซึ่งมีอยู่ 5 ขั้นตอน คือ สังเกตสิ่งผิดปกติ, ระบุว่าสถานการณ์นั้นเร่งด่วนหรือไม่, ตัดสินใจถึงความน่าเชื่อถือ,เลือกวิธีที่จะช่วย และให้การช่วยเหลือ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้เป็นขั้นตอนที่มากเกินไปในการให้ความช่วยเหลือ
ผลการวิจัยพบว่าพยานคนอื่นๆมีผลต่อการให้ความช่วยเหลือของผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวคือยิ่งพยานมีอยู่มาก ก็ยิ่งส่งผลให้แต่ละคนแบ่งความรับผิดชอบในการให้ความช่วยเหลือไปให้คนอื่นมากขึ้น
ที่มา : https://sketchplanations.com/the-bystander-effect
ผลที่น่าทึ่งคือ ในหลายสถานการณ์ ยิ่งจำนวนผู้พบเหตุการณ์มากกลับยิ่งทำให้มีการช่วยเหลือลดน้อยลง
เราคงต้องคอยเตือนตัวเองว่าเมื่อเห็นคนเดือดร้อน
1.ประเมินสถานการณ์
2.ไม่รอให้คนอื่นมาช่วย
เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก
1
โฆษณา