- คิดงานไม่ออกหรอ ออกไปเดินเล่นสิ -
ทุกคนเคยพบกับอาการสมองตันหรือไม่? หรือว่ากันง่ายๆก็คือ ไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานอะไรได้เลย สมองตื้อหากเปรียบกับโทรทัศน์ก็คงเป็นช่วงที่สัญญาณขาดหายชั่วคราว
ถ้ายิ่งมาพร้อมกับความกดดันและความเครียดด้วยแล้วล่ะก็เตรียมปิดไฟนอนได้เลย เพราะไม่ได้ผลงานที่ดีแน่ๆ คนที่ผลิตงานศิลปะจะเข้าใจเป็นอย่างดี “ก็มันฟีลไม่ได้นี่หน่า” ใช่ไหมล่ะครับ!! 😅
ก่อนที่จะมีประสาทวิทยาศาสตร์ คงไม่มีใครจะเชื่อได้เลยว่าการนั่งใจลอยหรือฝันกลางวันจะช่วยให้เราไขปริศนาบางอย่างได้ดี ขนาดคิดตอนที่มีสติจดจ่อยังตอบไม่ได้เลย
แล้วการใจลอยแบบนั้นจะทำได้อย่างไร นักวิทยาศาสตร์สมัยก่อนก็มีความเชื่อฝังแน่นเช่นนั้น ว่ากระแสไฟฟ้าในสมองจะเกิดขึ้นเมื่อจิตใจจดจ่อ
ฮันส์ แบร์เกอร์ (Hans berger) ทดลองและให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากจนสามารถตีพิมพ์งานวิจัย “ว่าด้วยคลื่นไฟฟ้าสมองของมนุษย์” ในปี 1929 และเขามีความเชื่อโดยย่อใจความว่า “เมื่อสมองมีสติรู้เกิดขึ้น การกวัดแกว่งของคลื่นสมองจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด”
แต่เขามีความคิดนี้เร็วเกินไป คำพูดของเขาไม่มีใครให้น้ำหนักในสมัยนั้น และด้วยอาการซึมเศร้าที่หนักขึ้นทำให้เขาตายด้วยตัวเองในวันที่ 1 มิถุนายน 1941 ภายในที่ทำงานของเขา
อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นก้าวแรกของการศึกษาการทำงานของสมองในขณะที่จิตผ่อนคลาย และขอกล่าวถึงท่านในบทความนี้เพื่อเป็นการแสดงความนับถือในความสามารถ
▶️ หลังจากนั้นเทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้นมาก จนมีผู้ค้นพบสิ่งที่แบร์เกอร์ล่วงรู้เมื่อหลายร้อยปีก่อนหน้า นั่นคือ แนนซี แอนเดรียเซน (Nancy andreasen) กล่าวว่า "ตอนพักสมองไม่ได้มีกิจกรรมแค่นิดเดียว แต่มีมหาศาลต่างหาก ซ้ำยังสอดประสานกันอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว" หลังจากนั้นหัวข้อนี้กลายเป็นเรื่องสำคัญในวงการประสาทวิทยาศาสตร์ทำให้ค้นพบโครงสร้างการทำงานของโครงข่ายอัตโนมัติใหม่ๆอยู่เสมอ 💡
สิ่งนี้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งใดเป็นสาเหตุที่การพักผ่อนหรือการหากิจกรรมทำเงียบๆคือวิธีที่คนส่วนมากสามารถคิดไอเดียแปลกใหม่ได้อยู่เสมอ เช่น การเดินเล่น แม้แต่การนอนมองเพดานนิ่งๆบางครั้งก็ทำให้เราได้คำตอบของปัญหาชีวิตที่คิดมาทั้งวันได้แบบคาดไม่ถึง ลองนำไปใช้กันดูนะครับ ‼️
📌 ในทางกลับกันคนในสมัยนี้มักจะไม่ปล่อยเวลาให้สมองได้ว่าง เรื่องที่แปลกคือเมื่อสมองว่างกลับกลายเป็นเรื่องที่รู้สึกผิดของคนสมัยนี้ไปซะอย่างนั้น
เราจึงมักทำตัวให้ยุ่งตลอดเวลาเพราะทำให้ดูเหมือนมีคุณค่าในตัวเองเพิ่มขึ้น แต่เรื่องนี้กลับย้อนแย้งกระบวนการคิดที่ก่อให้เกิดปัญญาและความคิดแปลกใหม่มักเกิดขึ้นในตอนที่สมองผ่อนคลาย
📲 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วทำให้ความคิดในการปรับตัวเป็นเรื่องสำคัญ แต่อีกมุมก็ทำให้เรามีเวลาการผ่อนคลายสมองน้อยลงไปเรื่อยๆตราบใดที่การจดจ่อส่วนมากของวันอยู่ที่หน้าจอสีฟ้า
หากต้องการออกกำลังกายความคิด นักจิตวิทยาแนะนำว่าให้แบ่งเวลาเพื่ออยู่กับตัวเองอย่างเงียบๆ การเดินเล่นภายในละแวกบ้าน วิ่งเบาๆ หรือการอาบน้ำ ก็มีประโยชน์มากแต่สิ่งสำคัญคือควรวางพักอุปกรณ์สื่อสารไว้สักครู่ 🔇🤳
เมื่อกลับมาทำงานอีกครั้งคุณจะมีชีวิตชีวามากขึ้นและยังเป็นการฟื้นฟูความคิดและจินตนาการของคุณในทำให้งานที่ออกมาดีขึ้นอีกด้วย 📑
🏃🛌 ในเมื่อการวิ่งช่วยฟื้นฟูการทำงานของสมองด้วยหลักการที่ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ถ้าเช่นนั้นคงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่าการนอนนิ่งๆมองเพดานและปล่อยสมองให้โล่งหลังตื่นนอนสัก 2-3 นาทีก็เป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่มีประสิทธิภาพต่อสมองเช่นเดียวกัน
ฮารูกิ มูราคามิ นักเขียนนิยายชื่อดังก็ได้เขียนถึงการวิ่งไว้ว่า การวิ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาคิดคำพูดเมื่อต้องให้สัมภาษณ์และเขียนนิยายได้อย่างลื่นไหล โดยใช้ชื่อหนังสือว่า “what i talk about when i talk about running”
ลองนำไปใช้กันดูนะครับ เพราะบางครั้งการเคร่งเครียดและกดดันตัวเองมากเกินไปอาจจะทำให้งานที่ได้มีประสิทธิภาพลดลง ออกไปเดินเล่นหรือทำสมองให้ว่างบ้าง เช่น การอนุญาตให้ความคิดได้โลดแล่นไปกับการใจลอยสักครู่ด้วยการมองท้องฟ้ายามเช้าก็เป็นเรื่องที่ดีต่อสมองเช่นกัน 🌄
หากชอบบทความนี้อย่าลืมกดไลค์ แชร์และติดตามให้เนิร์ดด้วยนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านจากใจจริงครับ 🤗🙏🏻
- 149
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
