3 ก.ค. 2021 เวลา 13:00 • การตลาด
# สินค้าชิ้นเดียวกัน วางขายที่เดียวกัน โปรโมชั่นก็แบบเดียวกัน แต่ถ้ามันถูกนำเสนอ ด้วยคนที่มั่นใจในสินค้าต่างกัน
.
คุณเชื่อไหม ยอดขายที่ได้ มันจะไม่เท่ากันเลย
.
และความมั่นใจที่ต่างกัน มันอาจสร้างความต่างถึงขนาดที่ว่า คนที่มั่นใจในสินค้าตัวเอง เอามามากเท่าไหร่ก็ไม่พอคนซื้อ
.
ในขณะที่คนที่ไม่มั่นใจ เอาสินค้ามาเท่าไหร่ ก็เหลือเท่านั้น
.
ดังนั้นมันสำคัญมากที่คุณต้องไม่มีความสงสัยในสินค้าตัวเอง ว่ามันดีจริงไหม ( และไม่ใช่มโนไปเองว่ามันดีด้วย )
.
และการตอบคำถาม 3 ข้อนี้ได้ จะทำให้คุณหมดความสงสัยในความดีของสินค้าตัวเอง แล้วคุณจะมั่นใจในการขายมันได้จริงๆ #
1
.
[ คำถามที่ 1 ] สินค้าคุณมันดีต่อใครมากกว่ากัน
.
มีหลายท่านที่เข้ามาปรึกษาผมพร้อมกับคำถามยอดนิยม คือ “ น้องบีตอนนี้สินค้าพี่เหลือเต็มบ้านเลย ทำยังไงดีให้มันขายหมด ”
.
สรุปง่ายๆเลย คือ ช่วยเอาเงินที่พี่ลงทุนไปคืนมาที
.
และผมมักถามทุกคนที่มาพร้อมกับปัญหานี้ว่า “ พี่คิดว่าสินค้าพี่ดียังไงกับชีวิตลูกค้าครับ สินค้าพี่จะช่วยเปลี่ยนชีวิตลูกค้าให้ดีขึ้นได้ยังไงบ้าง ”
.
70%ที่เจอคำถามนี้มักเงียบ และไม่มีคำตอบ
.
ประมาณ 20%จะบอกกับผมว่า”ของพี่มันดีนะ แต่ก็บอกได้แค่มันดี แต่ดียังไงอันนี้ตอบไม่ได้”
.
และอีก 10%จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “คุณภาพมันดีกว่าของท้องตลาด แต่พวกเค้าก็ตอบไม่ได้ว่า แล้วไอการที่มันดีกว่าของท้องตลาด มันจะดีต่อชีวิตลูกค้ามากขึ้นยังไง”
1
.
แล้วพอผมถามต่อไปลึกๆ พยายามจี้ปัญหาให้พวกเค้าระบายบอกความจริงในใจออกมา
.
ผลปรากฏว่า พวกเค้าเองก็ยังไม่รู้ว่าสินค้ามันดียังไง แต่เค้ารู้ว่ามันดีต่อเงินในประเป๋าตัวเอง ก็เห็นคนนั้นบอก คนนั้นทำก็ขายดี เลยทำตาม อยากมียอดขายปังๆเหมือนคนอื่นบ้าง
.
ดังนั้นมันจึงไม่แปลกเลยที่พวกเค้าจะขายไม่ได้ซักชิ้น
.
เพราะลึกๆแล้ว พวกเค้ายังไม่มีความมั่นใจในสินค้าของตัวเอง ว่ามันดีและแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้จริงๆ
.
และความไม่มั่นใจ มันก็เป็นเหมือนโรคระบาดที่ติดต่อกันได้ พอคุณไม่มั่นใจว่ามันดีจริงๆ คุณรู้แค่มันได้กำไรดี ความรู้สึกพวกนี้ก็จะถูกส่งต่อให้กับลูกค้าผ่านโพสต์ขาย
.
แล้วลูกค้าก็จะรู้สึกไม่มั่นใจเหมือนคุณ และตัดสินใจที่จะเก็บเงินไว้ใช้กับอย่างอื่นแทน
.
เพราะฉะนั้นไม่ว่าวันนี้คุณจะมีสินค้าอะไรอยู่ในมือก็ตาม ถ้าคุณตั้งเป้าที่จะขายดีมียอดเป็นแสนเป็นล้าน
.
เรื่องแรกที่คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ และเอาไปบอกลูกค้าให้ชัดเจน คือ “ ชีวิตหลังจากได้สินค้านี้ไป จะดีขึ้นขนาดไหน แล้วมันคุ้มค่ากว่าเงินที่จ่ายมากขนาดไหน ”
.
แล้วเมื่อคุณชัดเจนในเรื่องนี้ คุณจะมั่นใจในการขายสินค้าของตัวเอง
.
แล้วความมั่นใจมันก็จะถูกส่งต่อให้กับลูกค้าด้วย แล้วลูกค้าก็จะมั่นใจในสินค้าเหมือนที่คุณมั่นใจ
.
เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจบน Online หรือ Offline ก็ตาม การมั่นใจในสินค้าตัวเองแบบที่ไม่ได้มโนไปเอง ก็จะเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆที่คุณต้องเคลียร์กับตัวเองให้จบ ก่อนอะไรเริ่มขายสินค้าอะไรก็แล้วแต่
.
[ คำถามที่ 2 ] ใครคือคนที่เหมาะกับสินค้าคุณ
.
นี้ก็เป็นปัญหาโลกแตกของเจ้าของธุรกิจบนOnline หลายท่านมากๆ คือ “ ไม่มีภาพลูกค้า หรือสเปคลูกค้าในหัวเลย ใครทักมาขายหมด ”
.
ถ้าให้เทียบกับกีฬามวย เหมือนคุณกำลังเป็นมวยวัดที่ออกหมัดซ้ายขวามั่วไปเลย แล้วก็นานๆทีจะเข้าเป้าซักทีหนึ่ง
.
ถ้าเทียบเป็นเหตุการณ์จริงคือ ยิงแอดไปเป็นหมื่นปิดได้ แค่ 2 3 Order
.
และเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเพราะ “คุณไม่รู้ว่าจะขายใคร คุณไม่รู้ว่าใครที่ต้องการสินค้าคุณจริงๆ”
.
และการที่คุณตอบคำถามนี้ไม่ได้ ก็ให้คุณทำโพสต์ขายออกมาครึ่งๆกลางๆ ไม่กล้าขายสินค้าตัวเองให้เต็มที่ ไม่กล้าปิดการขาย ไม่ก็ขายทุกอย่างสะแปะสะปะไปหมด
.
ผลสุดท้าย โพสต์ขายคุณจึงปิดการขายใครไม่ได้เลย
1
.
1
แล้วถ้ากลับไปดูที่ต้นตอของเรื่องนี้ ว่าทำไมคุณถึงไม่รู้
.
มันก็จะกลับไปที่ข้อแรก คุณไม่รู้ว่าสินค้าคุณสามารถแก้ปัญหา หรือตอบโจทย์ใครได้บ้าง
.
เพราะฉะนั้นถ้าวันนี้คุณยังไม่มีภาพลูกค้าที่ชัดเจน คุณต้องกลับไปทำข้อที่ 1 ให้เข้มข้น และละเอียดขึ้น
.
แล้วคุณจะมีความมั่นใจในการเขียนโพสต์ขาย และเขียนได้ดีขึ้น
.
[ คำถามที่ 3 ] อย่าถามคำถามที่ให้คุณสงสัยในความสามารถตนเอง
.
วันนี้คุณอย่าไม่เคยขายบนOnlineมาก่อน ไม่เคยทำการตลาด ไม่ชำนาญเกี่ยวกับOnline หรือไม่อะไรก็แล้วแต่
.
แต่จริงๆแล้วก่อนที่เราจะเก่ง เราก็เริ่มจาก”ไม่”จริงไหมครับ
.
ฉันไม่เก่งขับรถ ฉันจึงหัดขับรถ แล้วฉันเชื่อว่าตัวเองทำได้ จึงหัดขับทุกๆว้น และในที่สุดฉันก็ขับคล่อง
.
แล้วชีวิตเราก็เป็นแบบนี้กับทุกเรื่องจริงไหมครับ
.
เพราะฉะนั้น อย่าตั้งคำถามให้ตัวเองสงสัยในตัวเองสิครับ เช่น ฉันอายุ…แล้วจะทำได้เหรอ ฉันสื่อสารไม่เก่งเลยนะ ฉันไม่น่าทำOnlineได้
.
นี้เป็นคำถามที่คุณทิ้งไปได้เลย คุณเชื่อในตัวเองไปเลยครับว่าคุณเองก็ทำได้ แล้วลงมือทำ ลงมือเรียนรู้ทุกๆวัน
.
จากไม่รู้อะไรเลย คุณก็จะเริ่มรู้ พอรู้ไปซักพักก็เริ่มเข้าใจ พอเข้าใจก็เริ่มเห็นผลลัพธ์ และแล้วในที่สุดคุณก็เริ่มมีความสุขกับการทำมัน
.
ดังนั้นอย่าทำให้ตัวเองสงสัย เชื่อไปเลยว่าทำได้ และลงมือทำ
.
หวังว่าเรื่องในวันนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณนะครับ
.
แล้วไว้เจอกันใหม่ ทุกวัน ตอน 2 ทุ่ม
.
ถ้าคุณมีเรื่องไหนอยากให้ผมทำเป็นพิเศษ
.
“คอมเม้นไว้ใต้โพสต์” ได้เลยนะครับ
Have A Good Business
โฆษณา