30 มิ.ย. 2021 เวลา 03:06 • หนังสือ
ส่งท้ายเดือนมิถุนายน ที่ได้รับการเรียกขานว่า Pride Month ด้วยนิยาย Y ชื่อเก๋ “กำลังเหงา…อย่าเข้ามา!!!” ที่ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับคุณธีรินทร คนเขียนนิยายเรื่องนี้โดยบังเอิญ เรื่องของเรื่องเกิดจากคุณธีรินทรได้เข้ามาอ่านรีวิวหนังสือในเพจ Reading Room นี่แหละครับ จากนั้นเธอก็ทักมาคุยด้วย ส่งนิยายเรื่องนี้มาให้ลองอ่าน และเมื่อทราบว่าผมก็เขียนนิยายด้วยเหมือนกัน เธอก็ขอลิงก์ของนิยาย เข้าไปอ่านและเขียนคอมเมนต์ให้เสร็จสรรพ (ผมเสียอีกที่ดองนิยายของเธอไว้นานโข กว่าจะถึงคิวหยิบมาอ่าน)
จากประวัติคร่าวๆ ที่ผมเห็นจากข้อมูลในเพจของเธอ คุณธีรินทรเป็นนักเขียนที่มีผลงานทางนิตยสาร หนังสือพิมพ์และละครโทรทัศน์ ก่อนจะย้ายไปทำงานในอเมริกา เธอเขียนเล่าว่าเพิ่งจะกลับมาเริ่มเขียนนิยายอีกครั้งเมื่อช่วง COVID-19 ระบาด (แต่ผลงานเธอเยอะมากครับ น่าทึ่งมาก) และยิ่งเมื่อทราบจากคำอุทิศในนิยาย “กำลังเหงา…อย่าเข้ามา!!!” ว่าคุณธีรินทร เป็นบุตรสาวของชนิตร ภู่กาญจน์ แล้วด้วย คงต้องเรียกว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” ครับ
“กำลังเหงา…อย่าเข้ามา!!!” เล่าเรื่องของปริ๊น ปรีญาศาสตร์ หรือที่ทุกคนขนานนามว่า “ปริ๊น ปีศาจ” นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ เด็กโข่ง ปากร้าย ไม่ตั้งใจเรียน และมีแต่ข่าวลือเสียๆ หายๆ ล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลักลอบเปิด Fight Club สำหรับให้คนไปอัดกันบนเวทีจนต้องหามส่งโรงหมอ หรือการเปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้าจนหลายคนบอกว่านายคนนี้ไม่ต่างอะไรจาก Manwhore เลย แต่ถึงแม้ทุกคนจะมองปริ๊น ปีศาจเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว แดนดิน นักศึกษาแพทย์ เด็กเนิร์ดซึ่งมีโอกาสได้เรียนวิชาเดียวกันกับปริ๊น ปีศาจกลับคิดต่าง แรกทีเดียว เขาอาจจะรู้สึกรำคาญที่เด็กโข่งปากร้ายทำลายสุนทรีย์ในการเรียนของเขา แต่เมื่อนานวันเข้า เด็กเนิร์ดกลับลุ่มหลงในตัวของอีกฝ่าย จนยอมเอาตัวเข้าใกล้ แล่ะค่อยๆ เรียนรู้ด้านมืดอีกด้านของชีวิตของปริ๊น ปีศาจ พร้อมกับยกหัวใจและร่างกายให้เขาอย่างไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับปริ๊น ปีศาจที่เริ่มความรู้สึกที่มีต่อแดนดินด้วยความรำคาญ เปลี่ยนเป็นความต้องการระบายออกทางเพศ และสุดท้ายรู้ตัวอีกทีก็ตกหลุมรักเด็กเนิร์ดแว่นตาหนาเตอะไปแล้ว แต่ที่เล่ามาทั้งหมดนั่นคือโครงเรื่องหลักของนิยายเรื่องนี้เท่านั้นครับ นอกจากเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แล้ว(มีฉากใคร่ แบบที่เขาเรียกว่า nc เยอะพอประมาณ แต่ไม่ได้โป๊แบบหวือหวาจนอ่านแล้วจั๊กกะเดียมนักครับ) โครงเรื่องที่ซ้อนทับอยู่กับโครงเรื่องหลักเป็นโครงย่อยๆ แตกระแหงออกไปประกอบไปด้วยเรื่องราวที่เกี่ยวกับแก๊งค้ายาเสพติด การทำร้ายร่างกายเด็ก ปัญหาครอบครัว และเซ็กส์แล็ป องค์กรลับที่ผลิตยาปลุกกำหนัดเพื่อนำไปใช้กับผู้ขายบริการทางเพศ แต่ผู้เขียนเก่งครับที่สามารถสานเรื่องราวเหล่านี้ให้กลมกลืนและวิ่งขนานไปกับโครงเรื่องหลักอันเป็นเรื่องรักได้ไม่หลุดประเด็นเลย แม้บางคาบบางตอนที่อ่าน อาจจะมีอารมณ์สะดุดนิดหน่อย ไม่ได้สะดุดเพราะการเล่า แต่เป็นการสะดุดในแง่ของความสมเหตุสมผลกับความเป็นไปได้ ซึ่งกรณีนี้ ผู้เขียนแจ้งไว้แล้วว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้น ตัวเธอเองต้องการสร้างโลกสมมติที่ดึงผู้อ่านเข้าไปในโลกใบนั้นได้ ซึ่งสำหรับผมแล้ว คุณธีรินทำได้ดีทีเดียวครับ และช่วงท้าย ที่เป็นช่วงวินาศสันตะโรคือช่วงที่ผมชอบมากที่สุด เพราะไม่คิดว่าจะมีเรื่องราวแบบแอ็คชั่นนิดๆ แทรกลงมาในเรื่องทำนองนี้ได้ ที่สำคัญทำได้ดี สนุก ลุ้น และตื่นเต้น แถมหักมุมในตอนจบ (ที่ขออนุญาตไม่เล่านะครับ) ได้แสบสันต์อีกต่างหาก
นอกจากนี้ ผมยังชอบวิธีการเล่าเรื่องด้วยการใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 แต่สลับมุมมองของคนเล่าเรื่องตามตัวละคร (ซึ่งจะถูกระบุไว้ต้นบท) จะว่าไปแล้ว ผมคิดว่าการเล่าเรื่องด้วยสรรพนามบุรุษที่ 1 เป็นกลวิธีที่มีโภชน์ผลในแง่การดึงอารมณ์ร่วมจากคนอ่านได้ดี แต่ทั้งนี้ ผู้เขียนก็ต้องเล่าให้หมดจดด้วยนะครับ เพราะหากเล่าเรื่องมะงุมมะงาหรา แทนที่จะดึงอารมณ์ร่วมก็อาจทำให้คนอ่านสับสนแทน นอกจากการเล่าเรื่องด้วยสรรพนามบุรุษที่ 1 ที่ทำได้ดีแล้ว วิธีการใช้ภาษาของผู้เขียนก็น่าสนใจครับ การเลือกใช้คำที่สั้น กระชับ และอธิบายความหมายของสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารได้ถือเป็นคุณสมบัติที่ดีอย่างหนึ่งของนักเขียนที่ดี ซึ่งคุณธีรินทรมีส่วนนี้ครบครัน (พออ่านงานของคุณธีรินทรแล้วมามองงานเขียนของตัวเองบ้าง พบว่าสไตล์การเขียนของเธอต่างกับผม ที่ชอบใช้ภาษาฟุ้งๆ บรรยายแบบสวิงสวาย แต่ผมคิดว่านั่นคือสไตล์ คือรูปแบบเฉพาะตัว และเอกลักษณ์ของนักเขียนแต่ละคนครับ)
ปัจจุบันนี้ โลกของการอ่านเปลี่ยนไปมากครับ นอกจากหนังสือที่เราอ่านกันเป็นเล่มแล้ว ยังมีหนังสืออิเล็คทรอนิกส์ (ที่เราเรียกว่า E Book) และเว็บไซต์ กับแอปพลิเคชันที่เพิ่มทางเลือกในการอ่านให้เรามากขึ้น เช่นเดียวกันก็เพิ่มจำนวนของนักเขียนอาชีพ นักเขียนฝึกหัด และนักอยากเขียนเข้าสู่ตลาดอย่างมหาศาล แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเปลี่ยนตัวเองจากการเป็นนักอยากเขียน หรือนักเขียนฝึกหัดมาเป็นนักเขียนเต็มตัวได้เสมอไป จากประสบการณ์ที่ผันตัวเองมาปวารณาตัวเองเป็นนักเขียนกับเขาบ้าง แม้จะยังจำกัดตัวเองให้อยู่ในกลุ่มไหนไม่ได้แน่ชัด เพราะคงไม่ใช่นักเขียนอาชีพแน่ เพราะผมมีงานประจำทำอยู่ แต่จะเรียกว่านักเขียนฝึกหัด ด้วยวัยและประสบการณ์ในการเขียน (อย่างอื่นที่ไม่ใช่นิยาย) ก็น่าจะเกินกว่าจะเรียกว่าฝึกหัด แต่จะบอกว่าเป็นนักอยากเขียน ก็คิดว่าคงไม่เหมาะสม ผมมองเห็นผู้คนว่ายเวียนอยู่ในวังวนของความฝันที่จะเป็นนักเขียนมากมาย ประสบความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ตีอกชกหัว ท้อแท้ เริงรื่น สมประสงค์ มีหมดทุกอารมณ์อย่างไม่น่าเชื่อครับ แต่สำหรับงานเขียนของคุณธีรินทรนั้น “กำลังเหงา…อย่าเข้ามา!!!” เป็นนิยายของนักเขียน (ซึ่งผมไม่อาจหาญเรียกว่าหน้าใหม่ เพราะที่จริงแล้ว เธอไม่ได้เป็นนักเขียนใหม่ น่าจะเรียกว่านักเขียนที่หวนกลับสู่แวดวงใหม่น่าจะเหมาะกว่า) ที่ค้นพบความฝัน ความสนุกสนาน และได้ลงมือทำในสิ่งที่ตนชื่นชอบ เพราะฉะนั้น สำหรับผม แค่นั้น ก็คือการประสบความสำเร็จแล้วล่ะครับ…
#ReadingRoom #PrideMonth #กำลังเหงาอย่าเข้ามา #ธีรินทร
โฆษณา