อย่างไรก็ตาม IBM ก็ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ Deep Blue ที่หาความเป็นไปได้ในเกมหมากรุกให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยใช้ Parallel Computing ซึ่งทำให้หาได้ 200 ล้านความเป็นไปได้ต่อ 1 วินาที แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่สามารถหาได้จนไปถึงตาเดินที่ Checkmate ภายใต้เวลาที่กำหนด
Deep Blue จึงเลือกเดินตาที่ “คิดว่า” จะชนะมากที่สุดโดยอิงจากความเป็นไปได้ของเกมที่หามาได้ โดยการประเมินกระดานที่คาดว่าจะชนะจะประเมินจาก การวางตัวของหมาก, จำนวนหมากที่เหลือ, ความปลอดภัยของ King ฯลฯ ซึ่งต้องใช้ความรู้ของมนุษย์มาโปรแกรมว่าหมากใดอยู่ Position ใดถึงจะดี หรือแม้กระทั่งค่าของตัวหมาก เช่น Knight มีค่ามากกว่า Pawn เป็นต้น
จะเห็นได้ว่ามันเป็น AI ที่ถูกใส่ความรู้ของมนุษย์เข้าไป บวกกับพลังการคำนวณของคอมพิวเตอร์อันใหญ่ยักษ์ที่ IBM ผลิตขึ้นมา ทำให้สามารถที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ได้ในที่สุด
Deep Blue ได้แข่ง 6 เกมกับ แชมป์โลก Garry Kasparov โดยผลออกมาก็คือในเกมแรก Garry ชนะ และเป็นชัยชนะเพียงตาเดียวของ Garry ในเกมถัดมา Deep Blue ได้ชนะ Garry และเสมอกันอีก 3 เกม จนมาถึงเกมตัดสิน Deep Blue ก็ได้ชนะ Garry ไป
แชมป์โลก Garry Kasparov ตอนแข่งกับ Deep Blue (ขอบคุณภาพจาก : https://www.nybooks.com/articles/2010/02/11/the-chess-master-and-the-computer/)
ชัยชนะของ AI ครั้งนี้ก็ถือเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า มนุษย์สามารถผลิตคอมพิวเตอร์ที่มีความฉลาดกว่ามนุษย์ในด้านหนึ่ง ๆ ได้เป็นครั้งแรกแล้ว และเป็นจุดเริ่มต้นของ AI ที่มีความสามารถมากกว่ามนุษย์ในด้านอื่น ๆ ในอีกไม่กี่ปีถัดมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ AI สามารถชนะการเล่นหมากรุกกับมนุษยชาติได้แล้ว มนุษย์ก็ไม่ได้เลิกเล่นหมากรุกเพียงเพราะ AI สามารถชนะมนุษย์ได้ แต่มนุษย์เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ใช้มันให้เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ตาเดินหมากรุกใหม่ ๆ พยายามอธิบายสิ่งที่ AI คิด และยิ่งทำให้มนุษย์เก่งขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย AI
แอดมินคิดว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่มนุษย์เรียนรู้ที่จะอยู่กับ AI และใช้มันเพื่อทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ เอาล่ะ วันนี้ฝากไว้เท่านี้ครับ หากใครชอบบทความสามารถกดไลค์กดติดตามเป็นกำลังใจได้นะครับ 😊
เรียบเรียงและเขียนโดย : แอดมิน ROBOKU
อ้างอิง - Murray Campbell , A. Joseph Hoane Jr. and Feng-hsiung Hsu, “Deep Blue,” Journal of Artificial Intelligence, vol.134, pp. 57–83, 2002.