🇷🇺🇲🇳 รัสเซียเข้าไปมีอิทธิพลในมองโกเลียได้อย่างไร?
ทุกคนน่าจะทราบกันเป็นอย่างดีว่า ในอดีตมองโกเลียเคยเป็นจักรวรรดิที่มีความยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก แต่ถ้าย้อนกลับมาดูในปัจจุบันมองโกเลียกลับกลายมาเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจีนเท่านั้น
ซึ่งสิ่งที่เราสามารถพบเห็นได้ในสังคมของมองโกเลียในปัจจุบัน ก็คืออิทธิพลหลายสิ่งหลายอย่างที่มาจากรัสเซีย
คำถามสำคัญก็คือ เพราะเหตุใดรัสเซียถึงสามารถเผยแพร่อิทธิพลของตนเข้าไปในมองโกเลียได้?
นับตั้งแต่ที่จักรวรรดิมองโกล (Mongol Empire) ได้ล่มสลายลงในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 อิทธิพลของชาวมองโกลที่เคยครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปเอเชียและบางส่วนของทวีปยุโรป ก็ได้หลงเหลือเพียงแค่บริเวณทางตอนเหนือของจีนเท่านั้น
จนกระทั่งในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ดินแดนของชาวมองโกลก็ได้ถูกผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของจีนในสมัยราชวงศ์ชิง
กาลเวลาผ่านไปจนถึงปี 1911 เมื่อจีนเกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นสาธารณรัฐ พื้นที่ในส่วนที่เรียกว่ามองโกเลียนอก (Outer Mongolia) ก็ได้ประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากจีน ซึ่งการประกาศเอกราชของมองโกเลียยังได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียอีกด้วย
รัฐเอกราชมองโกเลียที่ถูกก่อตั้งขึ้นมานี้ ถูกปกครองโดยผู้นำทางศาสนาของชาวมองโกลนามว่า บอจด์ ข่าน (Bogd Khan) โดย บอจด์ ข่าน ปกครองมองโกเลียในฐานะรัฐเทวาธิปไตย (Theocratic) ที่ใช้หลักของศาสนาพุทธนิกายวัชรยานมาเป็นหลักในการปกครองประเทศ
บอจด์ ข่าน ผู้นำรัฐและผู้นำศาสนาของมองโกเลียในช่วงปี 1911-1924
ในปี 1919 มองโกเลียได้ถูกกองทัพจีนนำโดยสวีฉู่เจิง (Xu Shuzheng) บุกเข้ายึดครอง ทว่าในปีถัดมากองทัพรัสเซียของอุงเงิร์น สเติร์นเบิร์ก (Ungern Sternberg) ก็ได้ขับไล่กองทัพของสวีฉู่เจิง และเข้ายึดครองมองโกเลีย
สเติร์นเบิร์กเป็นขุนพลแห่งกองทัพรัสเซียขาว (White Army) ซึ่งเป็นกองทัพต่อต้านคอมมิวนิสต์ เนื่องจากในช่วงเวลานั้น รัสเซียได้เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพขาวกับกองทัพแดง (Red Army) อันเป็นกองทัพของฝ่ายคอมมิวนิสต์บอลเชวิก (Bolshevik)
โดยในปี 1921 กองทัพแดงก็ให้การสนับสนุนกลุ่มนักปฏิวัติชาวมองโกลในการต่อสู้กับกองทัพขาวของสเติร์นเบิร์ก สุดท้ายพวกเขาก็สามารถขับไล่กองทัพขาวออกไปจากมองโกเลียได้สำเร็จ หลังจากนั้น บอจด์ ข่าน ก็ได้ถูกเชิญให้มาปกครองมองโกเลียอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อ บอจด์ ข่าน เสียชีวิตลงในปี 1924 สหภาพโซเวียต (ซึ่งก็คือฝ่ายกองทัพแดงที่ชนะในสงครามกลางเมืองและขึ้นสู่อำนาจในรัสเซีย) ก็ได้ให้การสนับสนุนให้พรรคประชาชนมองโกเลีย (Mongol People's Party) ซึ่งเป็นพรรคคอมมิวนิสต์ของมองโกเลียสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนมองโกเลีย (Mongolian People's Republic) ปกครองประเทศ
ธงชาติสาธารณรัฐประชาชนมองโกเลีย ยุคสมัยที่มองโกเลียปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์
การอยู่ภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ของมองโกเลียได้ทำให้ตลอดช่วงเวลาของศตวรรษที่ 20 อิทธิพลจากรัสเซีย (สหภาพโซเวียต) จึงได้แพร่ขยายเข้าไปในมองโกเลียในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นระบบการเมือง ระบบเศรษฐกิจ รวมไปถึงระบบสังคม
ในแง่ของการเมือง มองโกเลียได้ใช้ระบบพรรคการเมืองพรรคเดียวตามรอยสหภาพโซเวียตในการปกครองประเทศ แน่นอนว่าระบบดังกล่าวมีความเป็น 'เผด็จการ' อยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยของ คอร์โลกิน ชอยบาลสัน (Khorloogiin Choibalsan) ผู้นำสูงสุดของมองโกเลียในช่วงปี 1939-1952 ที่เขาถูกขนานนามว่าเป็น 'สตาลินแห่งมองโกเลีย' เนื่องจากเป็นยุคสมัยที่มีการปราบปรามผู้เห็นต่างเป็นจำนวนมาก
คอร์โลกิน ชอยบาลสัน อดีตผู้นำเผด็จการของมองโกเลีย
ในแง่ของเศรษฐกิจ ระบบสาธารณูปโภคและการลงทุนต่าง ๆ ในมองโกเลีย ต่างก็ตกเป็นของสหภาพโซเวียต
และในแง่ของสังคม อิทธิพลของคอมมิวนิสต์ก็ได้ทำให้ประเพณี วัฒนธรรม และศาสนาของชาวมองโกลได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่เรื่องราวของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาวมองโกลอย่างเจงกีสข่าน ก็ได้ถูกรัฐบาลของมองโกลเลียสั่งห้ามเนื่องจากขัดต่ออุดมการณ์คอมมิวนิสต์
ที่สำคัญก็คือตัวอักษรซีริลลิก (Cyrillic) ซึ่งเป็นตัวอักษรของภาษารัสเซียได้ถูกนำมาใช้ในมองโกเลีย ทำให้ตัวอักษรดั้งเดิมของชาวมองโกลได้รับผลกระทบจนแทบจะสูญหายไปจากมองโกเลีย
เมื่อถึงช่วงทศวรรษที่ 1980 ผลพวงจากการปฏิรูปและเปิดประเทศของสหภาพโซเวียตภายใต้การนำของ มิคาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ก็ได้ส่งผลให้มองโกเลียเองจำเป็นต้องปฏิรูปตามด้วย
และเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายลงในปี 1991 มองโกเลียก็ได้เปลี่ยนแปลงตนเองกลายเป็นสาธารณรัฐภายใต้ระบอบประชาธิปไตยในปีถัดมา
เมื่อมองโกเลียเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยแล้ว พวกเขาก็ได้รื้อฟื้นความเป็นชาตินิยมมองโกเลีย ภายหลังจากที่ต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคอมมิวนิสต์ รวมไปถึงอิทธิพลจากรัสเซียมาเป็นเวลานานเกือบศตวรรษ
ทหารมองโกเลียหน้ารูปปั้นของเจงกีสข่าน
แม้ว่ามองโกเลียจะพยายามขจัดอิทธิพลของรัสเซียให้ออกไปจากประเทศ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างในสังคมตอน ล้วนมาจากอิทธิพลของรัสเซียจนยากที่จะสลัดหลุดออกมา แต่ทางการของมองโกเลียก็ยังคงพยายามอยู่จนถึงตอนนี้
ด้วยเหตุนี้มองโกเลียจึงเริ่มใช้นโยบายที่เรียกว่า 'เพื่อนบ้านที่ 3' (Third Neighbour Policy) ในการแสวงหามิตรประเทศใหม่ เพื่อนำมาคานอำนาจกับรัสเซียรวมไปถึงจีน ซึ่งประเทศที่มองโกเลียได้พยายามสร้างความสัมพันธ์ด้วยนั้นก็มีอาทิ สหรัฐฯ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รวมไปถึงสหภาพยุโรป
จนถึงทุกวันนี้ เราก็ยังคงพูดได้ว่าอิทธิพลหลายอย่างของรัสเซียก็ยังคงปรากฏอยู่ในสังคมของมองโกเลีย แต่หลายสิ่งหลายอย่างก็ค่อย ๆ หายไปจากนโยบายชาตินิยมของมองโกเลีย
สำหรับชาวมองโกลแล้ว พวกเขาก็ยังคงฟื้นฟูวัฒนธรรมและประเพณีของเขา เพื่อที่จะให้อย่างน้อยความยิ่งใหญ่เมื่อครั้งจักรวรรดิมองโกลในอดีต จะหวนคืนกลับสู่ประเทศของพวกเขาอีกครั้ง
*** Reference
#HistofunDeluxe
- 9
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
