"รู้จัก HMPRO ผู้นำธุรกิจค้าปลีกของตกแต่งบ้านแบบครบวงจร"
หุ้น HMPRO หรือชื่อเต็มๆคือ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับค้าปลีกของตกแต่งบ้านและวัสดุก่อสร้างแบบครบวงจร โดยตัวบริษัทฯเกิดจากการร่วมทุนกันระหว่าง บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH และบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH ในปี 2538
ปัจจุบันบริษัทฯมี LH เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 3,975,878,432 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 30% และ QH ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับสอง จำนวน 2,613,023,098 คิดเป็น 19.87% โดยคิดเป็นสัดส่วนรวมกันกว่า 50% ของหุ้นทั้งหมดเลยทีเดียว
ผลจากการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นของประเทศไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้วัสดุของตกแต่งบ้านเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น บวกกับรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรในประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยในปี 2563 คนไทยมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวอยู่ราวๆ 231,159 บาท ซึ่งส่งผลบวกให้ธุรกิจค้าปลีกอย่างโฮมโปรก็ขยายตัวตามไปด้วย เพราะผู้บริโภคเองก็มีกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบัน บริษัทฯมีสาขาธุรกิจแบรนด์ในเครือ กว่า 115 สาขา แบ่งเป็น Homepro 86 สาขา, HomeproS 9 สาขา, Homepro 6 สาขาในมาเลเซีย และ MEGA HOME อีก 14 สาขา (อ้างอิงจาก เอกสารนำเสนอ ประจำไตรมาส 1/64) โดยมีมูลค่าทางตลาด หรือ Market Cap. กว่า 189,000 ล้านบาท
ตัวธุรกิจของโฮมโปร สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆคือ
1.ธุรกิจค้าปลีก โดยจะแบ่งกลุ่มสินค้าออกเป็น กลุ่ม Hard Line(ประเภทวัสดุก่อสร้าง) เช่น สี อุปกรณ์ปรับปรุงบ้าน สุขภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น และ Soft Line(ประเภทเครื่องนอน) เช่น เครื่องนอน พรม เป็นต้น
2. ธุรกิจให้บริการพื้นที่เช่า จัดสรรพื้นที่บางส่วนให้กับร้านค้าอื่นเช่า
แต่จากเหตุการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 63 ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคน ทำให้ภาคเศรษฐกิจส่วนใหญ่ต้องหยุดชะงักลงชั่วขณะ ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคส่วนใหญ่ลดลง ซึ่งก็มีส่วนที่เป็นผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทไม่ใช้น้อย
.
ผลการดำเนินงาน ในปี 2563
บริษัทฯมีรายได้ 61,765 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 5,155 ล้านบาท
ลดลงจากในปี 2562 จากรายได้ 67,423 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,177 ล้านบาท
.
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 1/ปี 64 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 15,835 ล้านบาท ดีขึ้นกว่าในไตรมาสเดียวกันของปี 63 ที่ 15,333 ล้านบาท
และมีกำไรสุทธิที่ 1,362 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 7.5 % เมื่อเทียบจากปี 63 ที่ 1,267 ล้านบาท ซึ่งก็ถือเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวที่ดีของธุรกิจ
.
อีกทั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ทางบริษัทฯเองก็ได้มีการปรับกลยุทธ์ ในการเพิ่มช่องการขายผ่านทางออนไลน์มากขึ้น และมีการกระจายการลงทุนขยายไปยังต่างประเทศ อย่างเวียดนาม ผ่านช่องการขาย E-commerce อย่าง Shopee และ Lazada ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการทดสอบตลาดที่ดีว่ามีความต้องการสินค้ามากน้อยเพียงใดของประชากรเวียดนาม
.
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะเป็นตัวแปรให้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายได้นั้น ก็คงจะต้องขึ้นอยู่กับแผนการกระจายวัคซีนและมาตรการเยียวยาของภาครัฐว่าจะมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน ที่จะทำให้ผู้บริโภคอย่างเราคลายความกังวลจากสถานการณ์โรคระบาดนี้ไปได้ และเริ่มกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติกันเสียที
.
ซึ่งคำถามที่อยู่ในใจของเราทุกคน ในตอนนี้ก็คงจะเป็น "เมื่อไหร่ ?" นั้นเอง
.
**หมายเหตุ** ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง อย่าลืมศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจ ก่อนลุงทุนทุกครั้งเสมอ
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก hmpro.listedcompany.com, set.or.th
-กดติดตาม รู้ก่อนลงทุน-
อัพเดทบทความน่ารู้เกี่ยวกับการลงทุนในทุกวัน
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
