2 ก.ค. 2021 เวลา 02:50 • ธุรกิจ
Google Maps ธุรกิจที่สะสมข้อมูล โลกทั้งใบ ไว้ในมือ
1
สมาร์ตโฟน คือสิ่งประดิษฐ์ที่เข้ามาทำให้พฤติกรรมการดำเนินชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงและหนึ่งในนั้นก็คือวิธีการดูแผนที่
แอปพลิเคชันแผนที่ดิจิทัล ที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ “Google Maps” ได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้บอกเส้นทาง หรือแม้แต่ดูสภาพการจราจรเรียลไทม์
จนหลายคนอาจจินตนาการไม่ออกแล้วว่าในยุคที่แผนที่ยังเป็นกระดาษ
เราเดินทางไปสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยกันอย่างไร
แล้วเส้นทางการรวบรวมข้อมูลโลกทั้งใบไว้ในมือของ Google Maps มีความเป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน หรือในปี 2003 ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
คู่พี่น้องชาวเดนมาร์กที่ชื่อ Lars และ Jens Eilstrup Rasmussen กับเพื่อนชาวออสเตรเลียอีก 2 คน
ได้ร่วมกันก่อตั้งสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับแผนที่ดิจิทัล ที่มีชื่อว่า “Where 2 Technologies”
ในปีถัดมา Where 2 Technologies ได้เข้าไปนำเสนอไอเดียธุรกิจของพวกเขา
ให้กับบริษัท Search Engine ยักษ์ใหญ่ของโลก นั่นคือ Google
และนี่คือจุดเริ่มต้นของ Google Maps
2
Google ตัดสินใจซื้อกิจการ Where 2 Technologies ในปี 2004
และในปีเดียวกัน Google ยังซื้อกิจการเพิ่มเติมอีก 2 บริษัท
บริษัทแรกคือ Keyhole ที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านการสร้างแผนที่ 3 มิติ
โดยใช้ดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งต่อมาก็คือ Google Earth
และอีกบริษัทคือ ZipDash บริษัทที่พัฒนาระบบให้บริการข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์
1
หลังจากใช้เวลาพัฒนาต่อไประยะหนึ่ง ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2005 Google ก็ได้เปิดตัว Google Maps
ซึ่งเป็นความตั้งใจของ Google ที่จะให้บริการแผนที่ดิจิทัลบนเว็บไซต์ เพื่อทำให้การหาเส้นทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งทำได้ง่าย สามารถค้นหาสถานที่ได้ ซูมเข้าออก และเลื่อนแผนที่ได้เอง
ที่มากกว่านั้นก็คือ Google ต้องการสะสมข้อมูลของโลกทั้งใบไว้ด้วย
2
แม้ในตอนนั้นจะมี MapQuest และ Yahoo! Maps ที่ให้บริการแบบนี้มาก่อนแล้ว
แต่ความนิยมของ Google Maps ก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนกลายมาเป็นผู้ชนะได้
จาก 3 การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในปี 2007
1
จุดเปลี่ยนแรกก็คือ การเริ่มให้บริการ Google Street View
1
Cr.emap.wordpress
แม้จะเป็นฟีเชอร์ที่ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์สูง ในเรื่องความเป็นส่วนตัวของภาพถ่าย ซึ่งในตอนหลัง Google ได้แก้ไขแล้ว แต่ Street View ก็เป็นฟีเชอร์ที่ถูกใจผู้ใช้งาน และทำให้ Google Maps ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก
Street View มีขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งาน Google Maps ได้เห็นภาพสถานที่จริงประกอบด้วย ช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาสถานที่ทำได้สะดวกขึ้น
2
โดยภาพ Street View เหล่านี้ Google Maps จะใช้รถยนต์ที่ติดกล้องซึ่งพัฒนาขึ้นมาเอง และให้คนขับรถออกไปบันทึกภาพ
แต่ถ้าเป็นในพื้นที่ที่รถเข้าไม่ถึง อย่างเช่น ตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นภูเขา ก็จะเป็นคนแบกกล้องเดินไปบันทึกภาพแทน
Google Maps เริ่มต้นรวบรวมภาพ Street View ใน 5 เมืองของสหรัฐอเมริกา
จนในปัจจุบันมีข้อมูลกว่า 187 ประเทศ และสามารถดูภาพ Street View แบบ 360 องศาได้
จุดเปลี่ยนที่สองก็คือ เริ่มให้บริการบนโทรศัพท์มือถือ
Google Maps ได้พัฒนาให้ใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถืออย่าง BlackBerry และ Palm ได้
นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ทำให้ Google Maps สามารถพกติดตัวไปใช้งานที่ไหนก็ได้
จุดเปลี่ยนที่สามและเป็นครั้งสำคัญที่สุดก็คือ เริ่มให้บริการในรูปแบบ “แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน”
ในปี 2007 ยังเป็นปีที่ iPhone รุ่นแรกของโลกเปิดตัว และแอปพลิเคชันแผนที่บน iPhone
ทาง Apple ได้ร่วมกันพัฒนากับ Google และใช้ฐานข้อมูลทั้งหมดจาก Google Maps
1
ต่อมาในปี 2012 Apple ได้หยุดการใช้ฐานข้อมูลจาก Google Maps และหันมาพัฒนาแอปพลิเคชัน Maps ด้วยตัวเอง
แต่กลับกลายเป็นว่า Apple Maps ได้กลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่ Apple ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ
โดยได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่ถูกต้องของข้อมูล และปัญหาข้อผิดพลาดทางเทคนิค
จนถึงขั้นที่ CEO ของ Apple อย่าง Tim Cook ต้องออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ
จุดอ่อนของ Apple Maps ก็คือการไม่ได้เป็นเจ้าของข้อมูลเองแบบ Google
แต่ใช้วิธีนำข้อมูลจากพาร์ตเนอร์ทั่วโลกมาใช้ต่ออีกที
หลังจากประเด็นร้อนของ Apple Maps เพียง 1 วัน
Google Maps ก็เริ่มพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับระบบปฏิบัติการ iOS ทันที
ต่อยอดจากเวอร์ชันของ Android ที่ให้บริการมาตั้งแต่ปี 2008 แล้ว
1
และ 3 เดือนหลังจากนั้น แอปพลิเคชัน Google Maps
ก็เปิดตัวบน App Store อย่างเป็นทางการ
ซึ่งภายในเวลาเพียง 2 วันก็ถูกดาวน์โหลดไปกว่า 10 ล้านครั้ง
แต่นอกเหนือจาก MapQuest และ Yahoo! Maps แล้ว
Google Maps ก็ต้องเผชิญกับคู่แข่งใหม่อย่าง Waze
ที่มีจุดเด่นคือเป็นแอปพลิเคชันแผนที่ ที่เป็น Social Network ด้วย
นั่นจึงทำให้ผู้ใช้งาน สามารถแชร์และอัปเดตข้อมูลได้เองแบบเรียลไทม์ เช่น จุดนี้เพิ่งเกิดอุบัติเหตุทำให้รถติด
Google จึงเข้าซื้อกิจการ Waze ปี 2013 และนั่นทำให้ Google Maps สามารถแสดงข้อมูลเรียลไทม์อย่างจุดที่มีการปิดถนนหรือซ่อมถนนได้
Google Maps ยังได้ต่อยอดการบริการที่ใช้ประโยชน์จากแผนที่ไปอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น
- การแสดงจุดที่กำลังเกิดภัยธรรมชาติ
- การรีวิวร้านค้าหรือโรงแรมของผู้ที่ไปใช้บริการ
- ข้อมูลจำนวนผู้ใช้บริการในสถานที่ต่าง ๆ ในแต่ละช่วงเวลา สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการหลีกเลี่ยงช่วงที่มีผู้คนแออัด
หรืออย่างช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ก็เพิ่มตัวเลือก COVID-19 Info
ที่ใช้แสดงสถิติเกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในพื้นที่ต่าง ๆ อีกด้วย
ด้วยการใช้งานที่สะดวก ข้อมูลมีความแม่นยำ และยังมีฟีเชอร์การใช้งานที่เป็นมากกว่าแผนที่
จึงทำให้ปัจจุบัน Google Maps กลายเป็นแอปพลิเคชันแผนที่ อันดับหนึ่งของโลก
ที่มีผู้ใช้งานหลักพันล้านคนต่อเดือน ในกว่า 220 ประเทศทั่วโลก
แล้ว Google Maps มีรายได้จากอะไรบ้าง ?
ได้ชื่อว่า Google ก็แน่นอนว่ารายได้ทางแรกคือจากค่าโฆษณา
ซึ่งในความจริงแล้ว Google Maps ให้บริการฟรีแบบยังไม่เริ่มเก็บค่าโฆษณามาตลอด
โดยทางบริษัทอธิบายว่า ได้ใช้เวลาทดลองอยู่นานว่าจะเริ่มสร้างรายได้จากโฆษณาอย่างไร
ไม่ให้กระทบประสบการณ์ของผู้ใช้งาน
จนกระทั่งปี 2019 Google Maps เริ่มให้บริการโฆษณาบนแพลตฟอร์มอย่างจริงจัง
ซึ่งก็มีอยู่หลายรูปแบบ อย่างเช่น Promoted Pins และ Nearby
โดยปกติ ตำแหน่งที่ตั้งใน Google Maps จะมีไอคอนมาตรฐานแสดงถึงกิจการแต่ละประเภท
เช่น รูปแก้วกาแฟสำหรับร้านกาแฟ หรือรูปเตียงสำหรับโรงแรม ซึ่ง Google Maps ได้ให้ธุรกิจหรือร้านค้าใช้ Promoted Pins หรือคือการใช้โลโกของแบรนด์ตัวเอง แทนไอคอนเหล่านั้นได้
ยกตัวอย่างเช่น ตำแหน่งของ Starbucks แสดงด้วยโลโกนางเงือกสีเขียว หรือโรงแรม Hilton แสดงด้วยโลโกตัวอักษร H สีแดง
ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มการจดจำให้กับแบรนด์เองแล้ว ผู้ใช้งาน Google Maps ยังสะดวกมากขึ้นจากการใช้กิจการชื่อดังที่ทุกคนรู้จักเป็นจุดอ้างอิงในการหาเส้นทางได้
Cr.dmit
หรืออย่างฟีเชอร์ Nearby ที่ให้ผู้ใช้งานใช้ค้นหาสถานที่ใกล้ตัว อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ หรือโรงแรม ซึ่งกิจการที่จ่ายค่าโฆษณา ก็จะปรากฏขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ
นอกจากค่าโฆษณาแล้ว รายได้อีกทางของ Google Maps ก็คือการให้บริการแพลตฟอร์มแผนที่
เพื่อเป็นข้อมูลเชื่อมต่อไปยังแอปพลิเคชันที่ต้องการใช้แผนที่ดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันเรียกรถ หรือดิลิเวอรี ซึ่งในปัจจุบัน มีกว่า 5 ล้านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ใช้ Google Maps เป็นฐานข้อมูล
ถ้ามองไปถึงโอกาสในการสร้างมูลค่าจาก Google Maps ในอนาคต ก็ต้องบอกว่ายังมีอยู่อีกมาก
1
อย่างพวกข้อมูลเส้นทาง ถนน การจราจรจำนวนมหาศาลที่ Google Maps สะสมมา จะเป็นคลังข้อมูลที่สำคัญในการพัฒนา Waymo หรือยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Alphabet ได้
หรือจะเป็นการเติบโตไปกับเทรนด์ Augmented Reality หรือ AR อย่างเช่น เกม Pokémon GO ที่ร่วมพัฒนาโดย Nintendo, Pokémon และ Niantic
1
ซึ่ง Niantic ก็คือบริษัทเกม AR บนสมาร์ตโฟน ที่แยกออกมาจาก Google และอยู่ในเครือ Alphabet
ถึงตรงนี้คงจะพอเดาได้ว่า แผนที่ในเกม Pokémon GO ก็มาจากฐานข้อมูลของ Google Maps นั่นเอง
1
Google Maps ที่เพิ่งสร้างรายได้อย่างเป็นทางการให้ Google ได้เพียง 2 ปี จึงยังคิดเป็นสัดส่วนเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ของ Google และ Alphabet เท่านั้น
แต่นั่นจึงทำให้น่าจับตามองต่อไปว่า
Google Maps ที่ครอบครองข้อมูลของโลกทั้งใบ
จนเปรียบได้กับทรัพย์สินล้ำค่าที่ Google สะสมมานาน
จะสร้างรายได้ให้กับ Google มากขนาดไหนในอนาคต..
1
โฆษณา