1 ก.ค. 2021 เวลา 11:45 • ประวัติศาสตร์
ไฟไหม้บ้านดอนครั้งใหญ่ พ.ศ. ๒๔๙๖
จอมพล ป. มาซับน้ำตาชาวบ้าน
………
จอมพล ป.พิบูลสงคราม เดินทางมาปลอบขวัญชาวบ้านที่ประสบเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ตำบลบ้านดอน อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๖
หลายเรื่องที่มีความค้างคาใจ อย่างเช่นกรณีไฟไหม้ครั้งใหญ่ของ ‘บ้านดอน’ อย่างน้อยก็ ๒ คราว คือ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๐ และปี พ.ศ. ๒๔๙๖
แต่ในความรับรู้ก็ออกจะสับสนอยู่บ้างบางประการ ด้วยเหตุมีภาพถ่ายอย่างน้อย ๒ ชุด คือชุดหนึ่งเป็นการไหม้ในบริเวณสะพานโค้ง ถนนชนเกษม อีกชุดหนึ่งเป็นการไหม้บริเวณวัดกลางเก่าและกินอาณาบริเวณมาถึงบริเวณท่าเรือเกาะ ถนนบ้านดอน
ที่ว่าสับสนก็ด้วยภาพถ่ายเหล่านี้มีอยู่ในโซเซียลที่เข้าถึงได้ และมีหลายท่านนำภาพรวมทั้ง ๒ เหตุการณ์ไปลงพร้อมกันในคราวเดียวกันจนดูว่าเป็นการไหม้ในคราวเดียวกัน
จนมาได้ความกระจ่างจากการแกะรอยที่ท่านพี่ เพื่อนๆ ในเฟสบุ๊ค ‘ภาพเก่าเมืองสุราษฎร์ในอดีต’ เฟสบุ๊ค ‘สุราษฎณ์ ณ วันวาน’ ไม่ว่าจะเป็นพี่ชยุตม์ เชาวน์ณัฐเศวตกุล, พี่ชลินทร์ รัตนสุวรรณ, Sritrang Jonjareonsook และ Au Varataya ที่ช่วยเติมเต็มความเคลือบแคลงสงสัย แม้ว่าจะยังไม่กระจ่างชัด แต่อย่างน้อยยังพอมีแนวทางค้นหามาเติมเต็มได้ในอนาคต
………
1
อุโบสถวัดกลางเก่าที่ถูกพระเพลิงเผาผลาญเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๖ ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ถ่ายเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๖
ต้นเหตุของความสงสัยเรื่องไฟไหม้วัดกลางเก่าเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๖ นั้นมาจากภาพถ่ายอัดกระจกของพ่อท่านคล้าย ‘พระครูพิสิษฐ์อรรถการ (คล้่าย จนฺทสุวณฺโณ) ที่ระบุไว้ว่า
“พระครูพิสสอรรถการ (พ่อท่านคล้าย) ไว้เป็นที่ระลึกในการช่วยเหลือ ‘วัดกลาง’ ๓๐ ตุลาคม ๒๔๙๘”
ที่ชักชวนให้สืบค้นหาถึงความเป็นมาเพราะรูปอัดกระจกดังกล่าวนำมาแจกจ่ายแก่ผู้ร่วมทำบุญบริจาคช่วยวัดกลางเก่า ตำบลตลาด อำเภอบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายหลังจากไฟไหม้ครั้งใหญ่ของบ้านดอน
แต่แรกที่สืบค้น พบเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ไฟไหม้ก็จดบันทึกเก็บไว้
ผมมีสมุดบันทึกติดตัว ไว้จดไว้บันทึกเรื่องราวที่ค้นเจอ หรือพึ่งสงสัยอยากรู้ไว้ไปสืบค้น หากแต่การบันทึกไร้หัวข้อ ไร้ระบบจึงปนเปสาระพัดข้อความ จนบางครั้งก็เลอะเลือนไปเสียเอง...
ห้วงระยะเวลานั้นได้มีโอกาสอ่านเอกสารเกี่ยวกับเหตุไฟไหม้บ้านดอนในปี พ.ศ. ๒๔๙๖ แต่เอกสารบางเล่มพบว่าไม่อาจยืนยันวันเวลาที่เกิดเพลิงไหม้นั้นได้
เพราะ...เมื่อตอนอ่านเอกสารและบันทึกไว้ในสมุด อย่าง ‘ประวัติตำหนักอ่องฮกเกี้ยน’ (พงษ์ศักดิ์ โพธิครูประเสริฐ รักท้องถิ่น ร่วมพัฒนาถิ่นด้วยมือเรา) มีกล่าวถึงเหตุไฟไหม้เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ว่า
“เข้าสู่ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ในเดือนพฤษภาคม เวลาประมาณ ๐๒.๐๐ น. เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ เผาผลาญศูนย์กลางความเจริญของตลาดบ้านดอนไปหมดสิ้น รวมทั้งศาลเจ้าฮกเกี้ยน”
ในสุมดบันทึกยังจดไว้ถึงเอกสารบางอย่างที่ผ่านตาและมีเรื่องราวเกี่ยวกับไฟไหม้บ้านดอน
เอกสารเรื่อง ‘คนไทยเชื้อสายจีนกับบทบาทในการผลติพื้นที่เมืองในไทยทศวรรษ ๒๔๙๐’ โดย ‘ภิญญพันธ์ พจนะลาวัณย์’ ปรากฏตารางแสดงสถานที่เกิดอัคคีภัยทั่วประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๙-๒๕๐๐ ส่วนหนึ่งว่า
“เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๑ เกิดอัคคีภัยที่บ้านดอน อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ เกิดอัคคีภัยที่ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี”
หากไม่มีบันทึกถึงเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านดอน ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ แต่อย่างใด
‘บทบาทการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้ของมูลนิธิฮั่วเตี้ยวป่อเต๊กเซียงตึ้งแห่งประเทศไทย‘ หัวข้อ ‘พัฒนาการบทบาทของสมาคมชาวจีนในกรุงเทพที่มีต่อคนไทยเชื้อสายจีน (พ.ศ. ๒๔๘๕-๒๕๓๕)’ มีบางตอนกล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยว่า
1
“ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๖…บริจาคทรัพย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเขตอัคคีภัยบ้านดอน สุราษฎร์ธานี”
ซึ่งคงเป็นเหตุการณ์ไฟไหม้ตลาดบ้านดอน แต่ทั้งหลายทั้งปวงหาทราบไม่ว่าวันเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านดอนในคราวนั้นเป็นวันเวลาใดกันแน่ชัด
…......
สภาพวัดกลางเก่าหลังพระเพลิงสงบ : ภาพจาก Sritrang Jonjareonsook
แต่เมื่อมาได้อ่านประวัติพระอธิการซ้อน วลฺลโภ ในหนังสือ ‘ที่ระลึกเนื่องในพิธีฌาปนกิจศพพระอธิการซ้อน วลฺลโภ’ ก็พบว่าวันที่เกิดเหตุไฟไหม้บ้านดอนปี พ.ศ. ๒๔๙๖ คือ
“ต่อจากนั้นก็กลับมายังวัดกลางบ้านดอนอีก ในระยะนี้ได้ช่วยเหลือเจ้าอาวาสวัดกลางในการพัฒนาวัดเป็นเวลาตลอดมา จนถึงวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๖ ไฟไหม้ตลาดบ้านดอน อาณาบริเวณวัดกลางก็ถูกไฟครอกเสียสภาพและเสนาสนะก็ย่อยยับไปหมดเช่นกัน พระอธิการซ้อน วลฺลโภ ก็ได้เป็นกำลังช่วยเหลือพระมหายุติ ธมฺมวีริโย เจ้าอาวาสเป็นอย่างดี”
อย่างไรก็ตามในหนังสือ ‘กาลานุกรมสยามประเทศไทย 2485-2554’ จัดพิมพืเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๕ มี ‘ชาญวิทย์ เกษตรศิริ’ เป็นบรรณาธิการ ได้กล่าวถึงเพลิงไหม้บ้านดอนครั้งนั้นว่า
“๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๖ พระเพลิงโหมบ้าน วอด ๙๒๐ หลัง
สุราษฎร์ธานี - ชาวบ้านหลายพันคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย หลังไฟไหม้เผาบ้านกว่า ๙๒๐ หลัง เผาตลาดบ้านดอนมอดเป็นเถ้าถ่าน
และทำลายทรัพย์สินมูลค่ากว่า ๕๐ ล้านบาท เพลิงเริ่มไหม้ที่ร้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในช่วงบ่าย ก่อนจะลุกลามอย่างรวดเร็วเป็นเหตุให้คนกว่า ๔,๐๐๐ คนไม่มีบ้านอยู่ พนักงานดับเพลิงพยายามดับไฟอยู่ ๘ ชั่วโมงด้วยความยากลำบาก เนื่องจากสถานที่ไฟไหม้เป็นตึกสร้างติดไ กันจนแออัด ถนนหนทางก็แคบและมีผู้คนซึ่งตื่นตระหนกวิ่งหนีไฟกันอลหม่าน”
ซึ่งจะพบความแตกต่างจากวันและเวลาที่เกิดเหตุเพลิงไหม้
อย่างไรก็ตามเมื่ออ่านเจองานวิจัยเรื่อง ‘การสะสมอำนาจชอบธรรมของชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม’ โดย ‘กฤษณะ ทองแก้ว’ ซึ่งได้ศึกษาชาวไทยเชื้อสายเวียดนามในจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความตอนหนึ่งซึ่งกล่าวถึงไฟไหม้บ้านดอนในปี พ.ศ. ๒๔๙๖ โดยผู้วิจัยได้อาจอิงจากหลักฐานกระทรวงมหาดไทย ๐๒๐๑.๒.๑.๔๓/๑๒๔ เรื่องที่ ๕๓๐ เรื่องเพลิงไหม้บ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๔๙๖ โดยได้กล่าวไว้ว่า
“เหตุการณ์สำคัญของบ้านดอนที่ส่งผลต่อสภาพทางสังคมโดยรวมก็คือ เหตุการณ์เพลิงไหม้ตลาดบ้านดอนในวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๖ โดยเพลิงได้เผาผลาญล้านเรือนของผู้คนบ้านดอนประมาณ ๑,๐๐๐ ครัวเรือน
ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ร้านยู่เส้ง ตรงสามแยกสะพานนริศ ซึ่งเป็นโกดังเก็บสินค้าของนายมั่งแซ เพลิงไหม้ลุกลามพื้นที่ประมาณ ๖๐ ไร่ ใช้เวลาในการไหม้ประมาณ ๗ ชั่วโมง ส่งผลให้วัดกลางถูกไฟไหม้ทั้งหมด วัดไทรและวัดพระโยค ถูกไฟไหม้แห่งละครึ่งวัด มีคนเสียชีวิตทั้งหมด ๗ คน มูลค่าความเสียหายจากทรัพย์สินประมาณ ๓๐ ล้าน”
และมี่น่าสนใจคือชุมชนชาวเวียดนามที่เข้ามาตั้งหลักแหล่งในบ้านดอนสมัยนั้น คือ
“อย่างไรก็ตามชุมชนของชาวเวียดนามที่มาตั้งหลักแหล่งรอบวัดธรรมบูชารอดพ้นจากเพลิงไหม้ และส่งผลให้ชาวเวียดนามในบ้านดอนได้รับผลจากการสูญเสียของห้างร้านกว่าซึ่งส่วนใหญ่เป็นของชาวจีนไหหลำนั้นเอง เมื่อตลาดบ้านดอนถูกเพลิงไหม้ลงแล้ว บ้านดอนในช่วง พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงสูญเสียสภาพการเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนสินค้าลง ส่งผลให้การแลกเปลี่ยนสินค้ากลับไปขยายพื้นที่ชนบทที่อยู่รอบตัวเมืองสุราษฎร์ธานี”
1
และหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ จอมพล ป.พิบูลสงคราม และท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม ได้เดินทางลงมายังจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อพบปะและปลอบขวัญชาวบ้านที่ได้รับความสูญเสียจากเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๖
………
โรงภาพยนตร์สุราษฎร์ภาพยนตร์ข้างหลังอุโบสถวัดกลางเก่า  : ภาพจาก Sritrang Jonjareonsook
สภาพตลาดบ้านดอนหลังพระเพลิงสงบ : ภาพจาก Sritrang Jonjareonsook
โฆษณา