2 ก.ค. 2021 เวลา 04:58 • ประวัติศาสตร์
“อัศวินเทมพลาร์ (Knight Templar)” ลัทธิผู้พิทักษ์คริสตศาสนา
“อัศวินเทมพลาร์ (Knight Templar)” คือองค์กรชาวคริสต์ผู้ฝักใฝ่ในศาสนาในยุคกลาง ทำหน้าที่สำคัญ นั่นคือการปกป้องชาวยุโรปที่ต้องการจะเดินทางไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ขณะเดียวกัน ก็ยังปฏิบัติภารกิจทางการทหารอื่นๆ อีกด้วย
เรื่องราวของอัศวินเทมพลาร์ เป็นที่เล่าขานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นที่สนใจของนักประวัติศาสตร์จนถึงทุกวันนี้
แต่เรื่องราวของกลุ่มบุคคลนี้เป็นยังไง พวกเขาคือใคร? มีความเป็นมาอย่างไร? ลองไปหาคำตอบกันครับ
ภายหลังจากกองทัพชาวคริสต์ได้เข้ายึดครองเยรูซาเลมจากมุสลิมในช่วงสงครามครูเสดเมื่อปีค.ศ.1099 (พ.ศ.1642) กลุ่มผู้แสวงบุญจากยุโรปตะวันตก ก็ได้เริ่มเดินทางมาเยี่ยมเยียนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้แสวงบุญจำนวนมากก็ถูกปล้นและฆ่าระหว่างการเดินทางข้ามเขตปกครองของมุสลิม
ในราวค.ศ.1118 (พ.ศ.1661) ได้มีอัศวินฝรั่งเศสผู้หนึ่ง นั่นคือ “อูกแห่งปาแย็ง (Hugues de Payens)” ได้ก่อตั้งกองทัพทหาร ซึ่งรวมทั้งบรรดาเครือญาติ ตั้งเป็นกลุ่ม “นักรบผู้เป็นมิตรคนยากแห่งคริสตจักรและวิหารแห่งโซโลมอน (Poor Fellow-Soldiers of Christ and the Temple of Solomon)” หรือ “อัศวินเทมพลาร์ (Knight Templar)”
อูกแห่งปาแย็ง (Hugues de Payens)
กลุ่มอัศวินเทมพลาร์ได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครองเยรูซาเลม ทำให้พวกเขาสามารถตั้งศูนย์บัญชาการบนเนินพระวิหาร ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และพวกเขาก็ทำการสาบานว่าจะปกป้องเหล่าชาวคริสต์ที่เดินทางมาเยรูซาเลม
1
แต่ถึงอย่างนั้น อัศวินเทมพลาร์ก็ถูกจับตามองจากเหล่าผู้นำศาสนา หากแต่ในปีค.ศ.1129 (พ.ศ.1672) ก็ได้รับการรับรองจากคริสตจักรคาทอลิกอย่างเป็นทางการ และได้รับการสนับสนุนจากนักบวชระดับสูง ทำให้อัศวินเทมพลาร์เริ่มแข็งแกร่ง
ในปีค.ศ.1139 (พ.ศ.1682) “สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 2 (Pope Innocent II)” ได้ทรงออกโองการ ให้สิทธิพิเศษแก่อัศวินเทมพลาร์หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการได้รับการยกเว้นภาษี สามารถจัดปราศรัยในที่สาธารณะได้ อีกทั้งกลุ่มอัศวินเทมพลาร์ไม่ต้องอยู่ใต้อำนาจของใคร ยกเว้นเพียงพระสันตะปาปา
สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 2 (Pope Innocent II)
จากนั้น กลุ่มอัศวินเทมพลาร์ก็ได้จัดตั้งเครือข่ายการธนาคาร ซึ่งทรงอิทธิพลทางการเงินอย่างมาก ทำให้เหล่าผู้แสวงบุญสามารถฝากทรัพย์สินไว้ที่ดินแดนบ้านเกิดของตน และถอนเงินในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
1
กลุ่มอัศวินเทมพลาร์ยังมีชื่อเสียงจากกฎระเบียบที่เข้มงวด รวมทั้งเครื่องแบบที่เป็นเอกลักษณ์
เครื่องแบบอัศวินเทมพลาร์
ยิ่งนานวัน อัศวินเทมพลาร์ก็ยิ่งเติบโตและทรงอำนาจ ชื่อเสียงกระจายไปทั่วยุโรปตะวันตก
ในช่วงที่รุ่งเรืองสุดขีด อัศวินเทมพลาร์มีกองเรือจำนวนหลายลำ และยังเป็นเจ้าของเกาะไซปรัสในเมดิเตอเรเนียน อีกทั้งยังเป็นธนาคารให้เหล่าพระราชวงศ์และบุคคลชั้นสูงในยุโรป
ถึงแม้ว่าจุดประสงค์เริ่มแรกของกลุ่มอัศวินเทมพลาร์คือการปกป้องเหล่าผู้แสวงบุญจากอันตราย แต่ในเวลานี้ อำนาจและหน้าที่ของกลุ่มบุคคลนี้ก็ได้กระจายไปยังส่วนอื่นๆ
พวกเขากลายเป็นผู้พิทักษ์ดินแดนครูเสดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่ร่ำลือถึงความกล้าหาญและฝีมือการรบที่ยอดเยี่ยม
กองทัพอัศวินเทมพลาร์
กองทัพอัศวินเทมพลาร์ได้ก่อสร้างปราสาทของตนมากมาย และยังเอาชัยในสงครามกับกองทัพอิสลามหลายครั้ง ทำให้ชื่อเสียงและฝีมือของกองทัพอัศวินเทมพลาร์เป็นที่ร่ำลือไปทั่ว
แต่เมื่อถึงปลายศตวรรษที่ 12 กองทัพมุสลิมก็ได้ยึดเยรูซาเลมกลับคืน ทำให้ผลของสงครามเริ่มจะเปลี่ยน และทำให้อัศวินเทมพลาร์ต้องถอยทัพหลายครั้ง
ในคราวศึก “การล้อมเอเคอร์ (The Fall of Acre)” ในปีค.ศ.1291 (พ.ศ.1834) ได้ทำให้เหล่าอัศวินครูเสดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เริ่มเสื่อมอำนาจ
1
การล้อมเอเคอร์ (The Fall of Acre)
ชาวยุโรปเริ่มจะไม่สนับสนุนการทำสงครามในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป อีกทั้งประชาชนและผู้นำทางศาสนาก็เริ่มจะสงสัยในอำนาจและความมั่งคั่งของอัศวินเทมพลาร์
ภายในปีค.ศ.1303 (พ.ศ.1846) อัศวินเทมพลาร์เริ่มจะสูญเสียฐานที่มั่นในดินแดนมุสลิม และต้องย้ายมาตั้งฐานในปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ที่ฝรั่งเศส “พระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส (Philip IV of France)” ทรงตั้งพระทัยที่จะโค่นอัศวินเทมพลาร์ลงให้ได้ ซึ่งสาเหตุนั้น อาจจะเป็นเพราะว่ากลุ่มอัศวินเทมพลาร์ได้ปฏิเสธการขอกู้ยืมเงินของพระเจ้าฟิลิปที่ 4
พระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส (Philip IV of France)
ในวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ.1307 (พ.ศ.1850) สมาชิกอัศวินเทมพลาร์จำนวนหนึ่งได้ถูกจับกุม
อัศวินเทมพลาร์จำนวนมากถูกทรมานให้รับสารภาพในสิ่งที่ไม่ได้กระทำหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเป็นพวกรักร่วมเพศ การโกงเงิน การบูชาปีศาจ และข้อหาอีกหลายข้อ
ในเวลาต่อมา อัศวินเทมพลาร์จำนวนมากถูกลงโทษให้ประหารด้วยการเผาทั้งเป็น
1
“สมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 5 (Pope Clement V)” ได้ถูกกดดันจากพระเจ้าฟิลิปที่ 4 ทำให้พระองค์ต้องประกาศล้มเลิกกลุ่มอัศวินเทมพลาร์ในปีค.ศ.1312 (พ.ศ.1855)
จากนั้น ทรัพย์สินทั้งหมดของอัศวินเทมพลาร์ก็ถูกทางการยึด
3
คริสตจักรคาทอลิกได้ยอมรับว่าการทำลายกลุ่มอัศวินเทมพลาร์ เป็นเพราะว่าพระสันตะปาปาทรงถูกกดดันจากองค์กษัตริย์
และถึงแม้นักประวัติศาสตร์จะเชื่อว่ากลุ่มอัศวินเทมพลาร์ได้ถูกทำลายไปตั้งแต่ 700 ปีที่แล้ว แต่หลายคนก็เชื่อว่ากลุ่มอัศวินเทมพลาร์ยังอยู่ และดำรงอยู่ในรูปของขบวนการใต้ดินมาจนถึงทุกวันนี้
1
ที่ผ่านมา ก็มีองค์กรหลายแห่งที่มีรูปแบบคล้ายๆ กับอัศวินเทมพลาร์ และมีตัวแทนที่ยึดถือและปฏิบัติตามธรรมเนียมของยุคกลาง
ในช่วงที่ผ่านมา มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอัศวินเทมพลาร์มากมาย ทั้งเรื่องการดำรงอยู่ของกลุ่ม และความลึกลับต่างๆ ของกลุ่ม จนเป็นกระแสให้เกิดหนังสือและภาพยนตร์เกี่ยวกับอัศวินเทมพลาร์มากมาย
นักประวัติศาสตร์บางคนก็ว่าๆ อัศวินเทมพลาร์อาจจะเป็นผู้เก็บรักษา “ผ้าห่อศพแห่งตูริน (Shroud of Turin)” ซึ่งเป็นผ้าที่เชื่อว่าเคยใช้ห่อพระศพของพระเยซู
ผ้าห่อศพแห่งตูริน (Shroud of Turin)
นอกจากนั้น ยังลือกันว่ากลุ่มอัศวินเทมพลาร์เป็นผู้ค้นพบและเก็บรักษาวัตถุศักดิ์สิทธิ์อีกหลายอย่าง รวมทั้ง “จอกศักดิ์สิทธิ์ (Holy Grail)” อีกด้วย
หนังสือนิยายเรื่องดังอย่าง “รหัสลับดาวินชี (The Davinci Code)” ก็ได้เสนอทฤษฎีว่ากลุ่มอัศวินเทมพลาร์ ได้พยายามจะปกป้องเชื้อสายของพระเยซู
1
รหัสลับดาวินชี (The Davinci Code)
และจนถึงวันนี้ เรื่องราวของอัศวินเทมพลาร์ ก็ยังเป็นที่กล่าวขานและถกเถียงในหมู่ผู้นิยมประวัติศาสตร์ และยังคงความลี้ลับให้ค้นหามาจนถึงปัจจุบัน
โฆษณา