1 ก.ค. 2021 เวลา 13:59 • หุ้น & เศรษฐกิจ
วันนี้ #เด็กการเงิน จะมารีวิวกองอินเดีย 🇮🇳 ที่คัดมาแล้ว 5 กอง
[ทำไมอินเดียถึงน่าสนใจระยะยาว เลือกกองไหนดี]
📌ทำไมอินเดียถึงน่าสนใจ?
โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดอินเดียน่าสนใจในมุมมองพื้นฐาน คือ
1. ประชากรอินเดียส่วนใหญ่อยู่ในวัยแรงงานแรกเริ่ม คล้ายเวียดนาม ประชากรกลุ่มนี้จะมีการบริโภคสูงและต่อเนื่อง ตามช่วงอายุ และจำนวนประชากรที่มากทำให้มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่
2. ฟันโฟล์วการลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
3. อินเดียมีศักยภาพการเติบโตอีกมาก เพราะแม้แต่เศรษฐกิจจะใหญ่ แต่เพราะจำนวนประชากรที่มาก ขณะที่ความเจริญของเมืองยังขยายต่อเนื่องได้อีกมาก รวมถึงรายได้ต่อครอบครัวยังถือว่าไม่สูงหากเทียบประเทศอื่น
4. ความสามารถด้าน IT คนอินเดียมี Digital Literacy ที่สูงมาก แรงงานสามารถเข้าสู่อุตสาหกรรม IT ได้
📍ตลาดอินเดียแบ่งเป็น Sensex และ Nifty 50 โดยทั้งสองดัชนีมี Universe ซ้ำกันถึง 87% เพียงแต่ Sensex มีแค่ 30 ตัว แต่ทั้ง Sensex และ Nifty 50 สะท้อนการเคลื่อนไหวของหุ้นอินเดีย Big Cap
NIFTY50 เป็นดัชนีมาตรฐานของตลาดหุ้นอินเดีย 50 บริษัทที่ใหญ่ที่สุด จดทะเบียนอยู่ใน National Stock Exchange (NSE) ถือเป็นหุ้น Blue-chip ของอินเดีย ประกอบด้วยกลุ่ม Financials 38% ตามมาด้วย Info Tech 16.16%, Oil&Gas 12.04%, Consumer Goods 11.02%
ส่วนดัชนี SENSEX เป็นดัชนีหุ้นอินเดีย 30 บริษัทที่จดทะเบียนอยู่ใน Bombay Stock Exchange (BSE) โดยดัชนีมีพวก Financials 42%, Tech 18%, Oil&Gas 13%, FMCG 8%, Transport Equipment 4%
เวลาจะติดตามตลาด คนส่วนใหญ่จะดู Nifty 50 Index เป็นหลัก หรือถ้าอยากดู MSCI India ที่เป็น Benchmark ของกองทุนแม่ในไทยเป็นหลักก็ทำได้
📌แนวทางการลงทุนแต่ละกอง
กอง B-BHARATA เป็นกองประเภท Feeder Fund ลงทุนในกองแม่ RAMS Equities Portfolio Fund – India Equities Portfolio Fund Class I (USD) กองนี้เป็นกองแบบ Active Fund ใช้ Benchmark เป็น MSCI India โดยกองนี้ได้ 4 ดาวจากมอนิ่งสตาร์
2
กอง MS-INDIA-A เป็นกองประเภท Feeder Fund ลงทุนในกองแม่ Manulife Global Fund – India Equity Fund (Class l2) กองนี้เป็นกองแบบ Active Fund ใช้ Benchmark เป็น MSCI India 10/40 Index การันตีด้วย 5 ดาวจากมอนิ่งสตาร์
กอง K-INDIA/TISCOIN เป็นกองประเภท Feeder Fund ลงทุนในกองแม่ BGF India Fund D2 USD ของค่ายดัง Blackrock (เปลี่ยนกองแม่เป็นกองนี้ตอนปี 2560) กองนี้เป็นแบบ Active Fund ใช้ Benchmark เป็น MSCI India 10/40 Index โดยกองนี้มี 3 ดาวจากมอนิ่งสตาร์
กอง KFINDIA เป็นกองประเภท Feeder Fund ลงทุนในกองแม่ First State Indian Subcontinent Fund (Class III USD) กองนี้ก็เป็นแบบ Active Fund ใช้ Benchmark MSCI India Net Index
กอง SCBINDIA เป็นกองประเภท Feeder Fund ลงทุนใน ETF ของค่าย iShares ชื่อ iShares India 50 ETF เป็นแบบ Passive มุ่งหวังผลตอบแทนล้อไปกับดัชนี Nifty 50 Index
📌สัดส่วนอุตสาหกรรมแต่ละกอง
1
กองแม่ของ B-BHARATA ลงทุนในอุตสาหกรรม Financials 30%, Info Tech 17%, Materials 13%, Industrials 10%, Health care 8%
กองแม่ของ MS-INDIA-A ลงทุนในอุตสาหกรรม Financials 32.02%, Materials 16.57%, Info Tech 14.51%, Industrials 7.92%, Energy 6.91%
กองแม่ของ K-INDIA ลงทุนในอุตสาหกรรม Financials 35.53%, Info Tech 18.69%, Industrials 10.2%, Energy 7.52% และ Consumer Staples 5.76%
กองแม่ของ KF-INDIA ลงทุนในอุตสาหกรรม Financials 21.6%, Consumer Staples 21.5%, Industrials 12.5%, Consumer Discretionary 9.0%, Info Tech 8.4%
กองแม่ของ SCBINDIA ลงทุนในอุตสาหกรรม Financials 38.05%, Info Tech 16.76%, Energy 12.20%, Consumer Staples 8.65%, Materials 7.49%
สัดส่วนหุ้น Top Holdings แต่ละกอง
กองแม่ของ B-BHARATA ลงทุนใน Infosys ltd 8.2%, ICICI Bank ltd 5.1%, Reliance Industries ltd 4.2%, TATA Steel ltd 4.0%, HDFC Bank limed 3.5%
1
กองแม่ของ MS-INDIA-A ลงทุนใน ICICI Bank limited 8.78%, Infosys limited 8.57%, Reliance Industries limited 6.91%, Axis Bank limited 4.12%, Hindustan Unilever limited 3.53%
กองแม่ของ K-INDIA ลงทุนใน Infosys ltd 9.80%, ICICI Bank ltd 7.67%, Reliance Industries ltd 7.52%, HDFC Bank ltd 5.42%, Axis Bank 4.27%
กองแม่ของ KF-INDIA ลงทุนใน ICICI Bank 9.4%, HDFC Bank 5.9%, Bharti Airtel Limited 5.5%, Infosys Limited 5.3%, Godrej Consumer Products Limited 4.3%
กองแม่ของ SCBINDIA ลงทุนใน Reliance Industries 9.87%, HDFC Bank 9.59%, Infosys 8.48%, ICICI Bank 6.48%, TATA Consultancy Services 5.06%
แต่ละกองมีหน้าตาหุ้น top holding ไม่ได้ต่างกันมากมาย ยกเว้น KFINDIA โดยแต่ละกองก็จะมีน้ำหนักลงกลุ่มการเงินสูง ตาม benchmark ที่หนักหุ้นกลุ่มนี้
📌ผลตอบแทน
B-BHARATA ผลตอบแทน 3 ปี 11.05% และผลตอบแทน 1 ปี 62.50%
MS-INDIA-A ผลตอบแทน 3 ปี 9.38% และผลตอบแทน 1 ปี 55.39%
K-INDIA ผลตอบแทน 3 ปี 6.84% และผลตอบแทน 1 ปี 49.31%
KF-INDIA ผลตอบแทน 3 ปี 3.80% และผลตอบแทน 1 ปี 47.99%
SCBINDIA ผลตอบแทน 3 ปี 9.05% และผลตอบแทน 1 ปี 49.16%
TISCOIN ผลตอบแทน 3 ปี 7.57% และผลตอบแทน 1 ปี 51.83%
(หมายเหตุ ผลตอบแทน 3 ปี คือผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี)
จะเห็นว่าผลตอบแทนกอง passive อย่าง SCBINDIA ก็ทำได้ดี โดยเรียกได้ว่าชนะกอง active อยู่นะ หากมองผลตอบแทนเฉลี่ย 3 ปี แต่ก็มีกองที่สามารถชนะได้แบบโดดเด่นเช่นกัน จริงๆ มีกอง Passive อีกอันนะ คือ K-INDX แต่เรายกมาแค่ SCBINDIA
📌ค่าธรรมเนียมแต่ละกอง
B-BHARATA มีค่า TER ที่ 1.2011 และมี Front-end ไม่เกิน 1.00
MS-INDIA-A มีค่า TER ที่ 3.0167 และมี Front-end 1.50
K-INDIA มีค่า TER ที่ 1.4799 และมี Front-end 1.50
KF-INDIA มีค่า TER ที่ 1.0058 และมี Front-end 1.50
SCBINDIA มีค่า TER ที่ 1.12 และมี Front-end 0.50
SCBINDIA มีแบบ E-Class นะประหยัดไปอีก
📌การจ่ายปันผล
กองที่จ่ายปันผล: MS-INDIA-D, K-INDIA, SCBINDIA
กองที่ไม่จ่ายปันผล: B-BHARATA, MS-INDIA-A, KF-INDIA
📌การป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน
ดุลยพินิจ B-BHARATA, MS-INDIA-A
บางส่วน K-INDIA
ทั้งหมด/เกือบทั้งหมด SCBINDIA
📌สรุป
มาถึงจุดนี้ เชื่อว่าหลายคนคงเลือกแล้วว่ากองไหนดี กองที่ชนะเลิศสำหรับกองอินเดีย นั่นก็คือ B-BHARATA เป็นกองที่มีค่าธรรมเนียมสมเหตุสมผล ขณะที่ทำผลตอบแทนได้โดดเด่นเหนือคู่แข่งมาตลอดทุกช่วงเวลา ปัจจุบันตลาดอินเดียปรับตัวขึ้นแรง YTD ขณะที่แม้โดนแรงกดดันจากโควิด แต่ตลาดหุ้นยังปรับขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง โดยรวมแล้วระยะสั้น-กลาง อาจจะต้องคอยติดตามผลประกอบการแต่ละบริษัทและสถานการณ์โควิดต่อไป ใครมีอยู่แล้วก็สามารถถือต่อได้ ขณะที่ใครสนใจลงทุนระยะยาว อินเดียถือว่าน่าสะสม โดยตามความเห็นของเด็กการเงิน เรามองว่าอินเดียสามารถไปอยู่ในพอร์ตแบบ Satellite 10-20% ได้
*บทความนี้เป็นเพียงกรณีศึกษา นักลงทุนควรปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของท่าน และควรตัดสินใจให้ดีก่อนลงทุน ตามเป้าหมายและความเสี่ยงของนักลงทุน*
โฆษณา