2 ก.ค. 2021 เวลา 07:18 • กีฬา
มหากาพย์เจดอน ซานโช่ ยืดเยื้อมา 2 ปีเต็ม แต่เอาจริงๆ ถ้ารวมช่วงที่มีข่าวลือหลุดออกตอนแรกด้วย นับเป๊ะๆ ก็ราวๆ 2 ปี 4 เดือน
หลังจากผิดหวังมาหลายรอบที่ดีลไม่ลุล่วง ในที่สุดการรอคอยของแฟนๆ ทีมปีศาจแดงก็สิ้นสุดลงเสียที วันนี้ เราจะย้อนไปดูแบ็กกราวน์ และไทม์ไลน์ที่สำคัญ ในการเจรจาซื้อขายทั้งหมดตั้งแต่แรก ซึ่งจะเห็นได้เลยว่า ดีลนี้กว่าจะปิดได้ ก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ
1
[ เส้นทางซานโช่โมเดล ]
ย้อนกลับไปเดือนเมษายน 2017 ทีมเยาวชนของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้าชิงเอฟเอ ยูธ คัพกับทีมเยาวชนเชลซี
ผลลัพธ์คือ ดาวรุ่งเชลซี ที่ประกอบด้วย เมสัน เมาท์, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย และ รีซ เจมส์ เอาชนะแมนฯ ซิตี้ไปได้ คว้าแชมป์ไปครอง แต่ถึงอย่างนั้น มีผู้เล่น 2 คนของทีมเรือใบสีฟ้าที่โดดเด่นมากๆ จนทุกคนรู้สึกได้ นั่นคือเบอร์ 10 ฟิล โฟเด้น และเบอร์ 11 เจดอน ซานโช่
โฟเด้น และซานโช่ เป็นผู้เล่นระดับอัจฉริยะ แค่ดูฝีเท้าแว้บเดียวก็รู้ โดยหลังจบเกม ไคดูน อัล-มูบารัก ประธานสโมสรแมนฯ ซิตี้ ถึงกับทำนายว่าทั้งคู่ จะก้าวขึ้นไปสู่ทีมชุดใหญ่ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าได้อย่างแน่นอน
ณ เวลานั้น ทั้งสองคนอายุ 17 ปีเท่ากัน ซานโช่แก่กว่าโฟเด้น 2 เดือน จึงเติบโตมาอย่างเป็นเพื่อนกัน โดยแฟนๆ เรือใบก็หวังนั่นแหละ ว่าจะได้เห็นทั้งคู่ ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในอนาคต
แต่ในช่วงซัมเมอร์ ฤดูกาล 2017-18 ทั้งสองคนเจอทางแยกสำคัญ เมื่อต้องเลือกว่าจะอยู่ต่อกับแมนฯ ซิตี้หรือไม่
โฟเด้นตัดสินใจอยู่ต่อ เขาอยากจะเรียนรู้เทคนิคจากรุ่นพี่หลายๆคน เช่นดาบิด ซิลบา และเควิน เดอ บรอยน์ ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเองก็เกิดในแคว้นเกรตเตอร์ แมนเชสเตอร์ ด้วย ไม่มีเหตุผลที่จะย้ายไปโตกับสโมสรอื่น
แต่ในมุมของซานโช่ เขาตัดสินใจอีกแบบอย่างสิ้นเชิง โดย ณ เวลานั้น แมนฯ ซิตี้ยื่นข้อเสนอ 30,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ให้เขาพิจารณาเซ็นอยู่กับทีมไปนานๆ ซึ่งสำหรับเด็กอายุ 17 นี่เป็นตัวเลขที่เยอะมากแล้ว แต่ซานโช่เลือกจะปฏิเสธ
ซานโช่มองว่า แมนฯ ซิตี้ คือทีมออลสตาร์ ที่ซื้อนักเตะระดับโลกเต็มไปหมด แล้วทีมแบบนี้จะให้โอกาสดาวรุ่งแค่ไหน ตอนนี้เขาอายุ 17 เขาต้องการลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าอยู่แมนฯ ซิตี้ จะได้โอกาสเมื่อไหร่ล่ะ เผลอๆ ก็จะหายไปจากวงโคจรเหมือนดาวรุ่งคนอื่นๆ
เมื่อซานโช่ปฏิเสธที่จะขยายสัญญากับแมนฯ ซิตี้ จังหวะนั้นเอง มิชาเอล ซอร์ค ผู้อำนวยการกีฬาของดอร์ทมุนด์ กำลังมองหาปีกตัวใหม่ เข้ามาแทนที่อุสมาน เดมเบเล่ที่ย้ายไปบาร์เซโลน่า และแมวมองของทีมก็มั่นใจว่าซานโช่ มีฝีเท้าดีพอที่จะปั้นได้
ทำให้ซอร์ค ยื่นข้อเสนอเสียบเข้ามาทันที ด้วยตัวเลข 40,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์บวกเงินกินเปล่า 600,000 ปอนด์
เรื่องเงินที่มากกว่าก็ส่วนหนึ่ง แต่จุดที่สำคัญกว่า คือการสนทนากันตัวต่อตัว ของมิชาเอล ซอร์ค กับซานโช่
ซอร์คเล่าว่า "สิ่งสำคัญที่สุด ในการเจรจากับนักเตะ คืออย่าสัญญาในสิ่งที่คุณทำไม่ได้ เราบอกเจดอนอย่างชัดเจนแต่แรกเลยว่า เราไม่สัญญาว่าคุณจะได้ลงเล่นเป็นประจำทุกเกมหรอกนะ"
2
"เราบอกเขาแค่ว่า ถ้าเลือกจะย้ายมา มันจะมีโอกาสแน่นอนสำหรับคุณ เราเอาข้อมูลให้เขาดูว่า ในไลน์อัพ 11 ตัวจริงของเราแต่ละเกม เราส่งผู้เล่นอายุน้อยกว่า 20 ปี ลงสนามบ่อยมาก และไม่ใช่แค่เกมบอลถ้วยเท่านั้น แต่เกมใหญ่อย่างการเจอบาเยิร์น มิวนิค หรือเกมแชมเปี้ยนส์ลีก เราก็กล้าจะส่งเยาวชนลงสนาม และถ้าเขาเลือกจะมาอยู่กับเรา จะมีโอกาสได้ลงสนามในระดับสูงมากกว่าอยู่ที่อังกฤษแน่นอน"
6
ตามปกติแล้วนักเตะอังกฤษจะไม่ค่อยกล้าออกจาก Safe Zone คืออยู่ในประเทศตัวเอง ได้เล่นในลีกที่นิยมที่สุดอย่างพรีเมียร์ลีก ก็ดูจะเป็นอะไรที่ปลอดภัยกว่า แต่หลังจากปรึกษาครอบครัวและเอเยนต์ส่วนตัวแล้ว ซานโช่คิดว่า มันเป็นการเดิมพันที่เขาน่าจะลองดู
ดอร์ทมุนด์ปั้นดาวรุ่งเก่ง ส่วนแมนฯ ซิตี้ ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา คนที่ปั้นขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ได้ นับหัวได้เลย อาจจะมีเคเลชี่ อิเฮียนาโช่คนเดียว ที่เหลือพวกจอห์น กุยเดตติ หรือ เบน มี ก็ไม่เคยได้เล่นในพรีเมียร์ลีกสักนัดก่อนโดนปล่อยทิ้ง
จริงๆ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็พยายามเหนี่ยวรั้งซานโช่เต็มที่เหมือนกัน แต่ตัวนักเตะตัดสินใจไปแล้ว โดยเป๊ปเล่าว่า "เราอยากให้เขาและครอบครัวรู้ว่า เรามีความมั่นใจในตัวเขา เหมือนที่เรามอบให้ฟิล โฟเด้น กับ บราฮิม ดิอาซ แต่ในท้ายที่สุดแล้วเมื่อเขาไม่อยากอยู่ เราจะพูดอะไรได้ล่ะ"
1
"คือเขาอายุแค่ 17 เองนะ แผนของเราคือจะค่อยๆ ดันเขาขึ้นมาซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่ จากนั้นเขาจะได้ทดสอบตัวเองว่า เมื่อต้องเจอกับฟูลแบ็กอาชีพ อย่างไคล์ วอล์กเกอร์ หรือ เบนจาแม็ง เมนดี้ เขาจะเลี้ยงผ่านได้ไหม เขาจะได้พิสูจน์ตัวเองว่า สกิลการเลี้ยงบอลของเขาสามารถเอาชนะฟูลแบ็กคนอื่นในพรีเมียร์ลีกได้หรือเปล่า นั่นคือสเต็ปต่อไปที่เราอยากพัฒนา แต่เมื่อเขาเลือกจะไป มันก็จบแค่ตรงนั้น"
"เราก็ขออวยพรให้เขาประสบความสำเร็จ และหวังว่าสักวันเราจะได้เจอกันในรายการแชมเปี้ยนส์ลีก"
ราคาขายของซานโช่ เคาะอยู่ที่ 8 ล้านปอนด์ ในมุมของแมนฯ ซิตี้ เสียนักเตะดาวรุ่งที่ยังไม่เคยเล่นให้ทีมชุดใหญ่สักนัด แต่ได้เงินกลับมา 8 ล้านปอนด์ ก็ถือว่ากำไรพอตัว
1
จากนั้นเส้นทางชีวิตของซานโช่ และโฟเด้น ก็เป็นอย่างที่เราทราบกัน ทั้งคู่เติบโตในทิศทางของตัวเอง และประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี ในวงการฟุตบอลอาชีพ
โฟเด้น ทำให้เราได้รู้จัก "โฟเด้น โมเดล" นั่นคือนักเตะดาวรุ่งที่อยู่กับทีมใหญ่ ถ้าคุณเป็นของจริง แล้วใช้เวลาฟูมฟัก ค่อยๆ เรียนรู้จากรุ่นพี่เก่งๆ รอคอยโอกาสที่เหมาะสม พร้อมกับพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ก็สามารถกลายเป็นคีย์แมนของสโมสรได้
ขณะที่ซานโช่ ทำให้เรารู้จัก "ซานโช่ โมเดล" เช่นกัน นั่นคือนักเตะดาวรุ่ง ที่มั่นใจในฝีเท้าตัวเอง ก็ออกจาก Safe Zone ไปหาสโมสรใหม่ ที่กล้าจะให้โอกาสเขามากกว่า ก็มีโอกาสโตได้ในสายอาชีพ
อย่างจู๊ด เบลลิงแฮม ยอมรับว่าซานโช่ เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ ของนักเตะอังกฤษ ที่กล้าไปเผชิญความน่ากลัวในลีกยุโรป และถ้าซานโช่ไม่กล้าย้ายมาเยอรมันก่อน ตัวเขาเองก็คงไม่กล้ามาเหมือนกันนั่นแหละ
[ เปล่งประกายที่ดอร์ทมุนด์ ]
3
หลังจากไปอยู่ดอร์ทมุนด์ได้ 2 ปี ซานโช่ฉายแสงแบบสุดๆ นี่คือปีกที่เก่งกาจ ทั้งยิง ทั้งจ่ายได้อย่างมหัศจรรย์
1
ฤดูกาลแรก : 2017-18 ยิง 1 แอสซิสต์ 4
ฤดูกาลที่ 2 : 2018-19 ยิง 13 แอสซิสต์ 20
ไม่ใช่แค่เร็ว แต่ซานโช่มีจมูกไวมากในการยิงประตู และที่เหนืออื่นใด เขาจ่ายบอลได้น่ากลัวมาก ซ้าย ขวา กลาง อยู่ตรงไหนก็มีคิลเลอร์พาสหมด แถมยังรับหน้าที่เล่นลูกเตะมุมให้กับทีมด้วย เท้าขวาของเขา ถือว่าชั่งทองมาก
ถึงตรงนี้ หลายคนมั่นใจว่าไม่ช้าก็เร็ว ซานโช่ต้องย้ายไปทีมที่ใหญ่ขึ้นกว่านี้แน่นอน คำถามอยู่ที่ว่า "เมื่อไหร่" แค่นั้น
2
ข่าวลือแรกที่ซานโช่ ถูกเชื่อมโยงกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกิดขึ้นวันที่ 7 มีนาคม 2019 เมื่อเขาโพสต์คลิป reaction ดูเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ระหว่างเปแอสเช กับ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยเกมนั้นมาร์คัส แรชฟอร์ดซัดจุดโทษท้ายเกม ช่วยแมนฯ ยูไนเต็ด ผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ โดยซานโช่ลงรูปพร้อมเขียน text สั้นๆว่า "Rashhyyyy"
2
แฟนบอลก็ตั้งข้อสงสัยว่า เอ๊ะ แค่ให้กำลังใจทีมจากอังกฤษเฉยๆ หรือว่าจริงๆ ซานโช่ ก็แอบเผยใจว่าอยากมาแมนฯ ยูไนเต็ดเหมือนกัน ซึ่งก็ได้แต่คาดเดากันไป
หลังจบฤดูกาล 2018-19 แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่งนิวส์ ทำสกู๊ปข่าวชื่อ "ทำไมการเซ็นซานโช่ ถึงมีความหมายกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ตามด้วยหนังสือพิมพ์ เดลี่ เทเลกราฟ รายงานว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมจ่ายค่าตัว 100 ล้านปอนด์ซื้อซานโช่
แต่ยังไม่ทันได้ฝันเป็นจริงเป็นจัง มิชาเอล ซอร์ค ก็ให้สัมภาษณ์สยบข่าวลือว่า "เรายังไม่แปะป้ายราคาเขา แม้แต่ทีมใหญ่ที่สุดในโลกก็ยังซื้อเจดอนไม่ได้ เขาจะเล่นให้ดอร์ทมุนด์ในฤดูกาลหน้า แผนของเรายังคงมีเขาอยู่ในทีม"
เมื่อซอร์คยืนยันว่าซานโช่ ไม่ได้มีไว้ขายในซัมเมอร์นี้ แมนฯ ยูไนเต็ดจึงเบนเป้าหมายไปที่ปีกตัวอื่น 12 มิถุนายน 2019 ทีมปีศาจแดงเซ็นแดเนียล เจมส์ จากสวอนซี ซิตี้ ในราคา 15 ล้านปอนด์ บางคนก็คิดว่า ถ้าหากส้มหล่น แดเนียล เจมส์เล่นเทพขึ้นมา อาจไม่ต้องเสียเงินซื้อซานโช่เลยก็ได้
ข่าวลือช่วงนั้นก็เลยซาลงไปเยอะ จะมีประเด็นเล็กๆ ประปรายเช่น วันที่ 2 กรกฎาคม 2019 ตอนปิดฤดูกาล ซานโช่ไปเที่ยวที่อิบิซ่า แล้วถ่ายรูปคู่กับ เดฟ นักร้องชื่อดัง ซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้ของแมนฯ ยูไนเต็ด หลายคนก็เลยมองว่า มีการเกลี้ยกล่อมจากเดฟให้เลือกย้ายมาอยู่แมนฯ ยูไนเต็ดหรือไม่
ในรอบปี 2019 ยังไม่มีการยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการจากฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด โดยฮันส์-โยอาคิม วัตซ์เค่ ซีอีโอของดอร์ทมุนด์ เปิดเผยในเดือนสิงหาคม 2019 ว่า "ฝั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ามาคุยกับเอเยนต์ของนักเตะเพื่อถามความเป็นไปได้ แต่เอเยนต์ก็แจ้งไปว่า สโมสรเราจะไม่ตอบตกลงแน่ๆ ในช่วงซัมเมอร์นี้"
การคุยกันเกิดขึ้นจริง แต่ยังไม่ถึงขั้นเจรจาเคาะราคา เป็นการคุยกันเบื้องต้นเท่านั้น
เข้าสู่ฤดูกาลที่ 3 ของซานโช่กับดอร์ทมุนด์ (2019-20) จากเดิมที่เคยเก่งแล้ว ซานโช่พัฒนายิ่งกว่าเดิมอีก สโมสรก็เล่นดี ทีมชาติก็ได้ลงเรื่อยๆ
ตุลาคม 2019 ซานโช่ลงเล่นกับทีมชาติอังกฤษ ในยูโรรอบคัดเลือกเจอกับโคโซโว และเขาซัดคนเดียว 2 ประตู ช่วยทีมชนะ 5-3 และกลายเป็นนักเตะคนแรกที่เกิดหลังปี 2000 แล้วสามารถยิงประตูให้ทีมสิงโตคำรามได้สำเร็จ
จากนั้นเดือนธันวาคม 2019 ซานโช่ทำลายสถิติ 51 ปีของบุนเดสลีกา ด้วยการเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ (19 ปี กับอีก 267 วัน) ที่ยิงได้ครบ 22 ลูก ในบุนเดสลีกา
ซานโช่ เล่นดีอย่างสม่ำเสมอ จบฤดูกาล 2019-20 ยิงไป 20 ประตู พร้อมกับทำไป 20 แอสซิสต์ในฤดูกาลเดียว คือลองคิดดูว่าอายุแค่ 20 ปียังขนาดนี้ แล้วถ้าโตขึ้นกว่านี้ มีประสบการณ์เยอะกว่านี้ จะทำผลงานได้เจ๋งกว่าเดิมแค่ไหน
1
เรื่องฝีเท้าไม่มีข้อสงสัยแล้ว ซานโช่เป็นของจริงแน่นอน และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็มองว่า ซานโช่อยู่กับดอร์ทมุนด์มา 3 ปีแล้ว ได้เวลาที่จะเดินเส้นทางใหม่เสียที
ขณะที่นอกสนาม ซานโช่ ตั้งก๊วนเล่นเกม Call of Duty กับพอล ป็อกบา เจสซี่ ลินการ์ด และ มาร์คัส แรชฟอร์ดเป็นประจำแทบทุกคืน แสดงให้เห็นถึงความสนิทใจกัน แบบที่ย้ายไปปั๊บก็น่าจะจูนติดกับเพื่อนๆ ได้ไม่ยาก
ดูๆ แล้ว ซานโช่ก็อยากย้าย แมนฯยูไนเต็ดก็อยากได้ แต่ปัญหาเดียวที่ทำให้ทุกอย่างเดินต่อไม่ได้ คือเรื่อง "ราคา"
ดอร์ทมุนด์ตั้งค่าตัวไว้สูงถึง 108 ล้านปอนด์ ซึ่งกับวิกฤติโควิด-19 เป็นเรื่องยากมาก ที่จะมีสโมสรไหน กล้าควักเงินระดับร้อยล้านเพื่อซื้อนักเตะคนเดียว แม้นักเตะคนนั้นจะเก่งกาจแค่ไหนก็เถอะ
ด้วยตัวเลขที่แพงเกินกว่าจะจ่ายไหว ทำให้ดีลการซื้อขายก็ชะงักอยู่ที่ตรงนี้
ดอร์ทมุนด์เองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร สัญญาของซานโช่ มีถึงปี 2023 เมื่อมีคอนแทร็กต์เหลืออีก 3 ซีซั่น ทำให้เกมนี้ดอร์ทมุนด์ได้เปรียบกว่าเยอะ ถ้าไม่ได้ราคาที่ต้องการ ก็ไม่ปล่อย ง่ายๆแค่นั้นเอง
ตัวซานโช่ อยากย้ายแล้ว เขาเองอยากไปอยู่ทีมที่ใหญ่ขึ้น เพื่อเป้าหมายทั้งยูโร 2020 และฟุตบอลโลก 2022 ที่รออยู่ข้างหน้า แต่เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ยื่นข้อเสนอที่ดอร์ทมุนด์ต้องการเสียที มันก็ไปต่อไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนฤดูกาล 2020-21 จะเริ่มขึ้น มิชาเอล ซอร์ค คุยกับซานโช่ และขอให้เขาอยู่ช่วยทีมต่ออีก 1 ปี
ทั้งคู่มีสัญญาสุภาพบุรุษระหว่างกันว่าเมื่อจบฤดูกาลนี้ ดอร์ทมุนด์จะปล่อยเขาย้ายทีม โดยไม่ตั้งราคาสูงจนโอเวอร์อีก
ซอร์คกล่าวว่า "เรามีสัญญาสุภาพบุรุษกับเจดอน โดยมีเงื่อนไขว่าจะให้เขาย้ายทีมได้ อย่างไรก็ตามเราไม่มีเงื่อนไขนี้กับเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์"
หนังสือพิมพ์บิลด์ ของเยอรมันรายงานว่า เมื่อจบฤดูกาล 2020-21 เงื่อนไขซื้อตัวจะลดลงอยู่ในช่วง 72 ล้านปอนด์เท่านั้น เพราะถ้าเข้าช่วงซัมเมอร์ปี 2021 สัญญาของซานโช่กับดอร์ทมุนด์จะเหลือแค่ 2 ปี ดังนั้น ตัวเลขระดับ 70-75 ล้านปอนด์ ก็เป็นราคาที่เหมาะสม และเข้าใจได้
1
ดังนั้นก็อยู่ที่ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ดเอง จะทุ่มเงิน 108 ล้านปอนด์ทันทีเลยหรือไม่ หรือว่าจะรออีก 1 ปี แล้วเซฟเงินได้ราวๆ 30 ล้านปอนด์ แต่ถ้ารอปีหน้าก็ไม่มีอะไรการันตีว่าจะไม่โดนทีมอื่นแย่งชิงไป
1
สุดท้ายแมนฯ ยูไนเต็ดเลือกจะรอ ในตลาดซัมเมอร์ปี 2020 พวกเขาซื้อนักเตะใหม่แค่ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค และ อเล็กซ์ เตลลิสเท่านั้น ก่อนจะเซ็นฟรีเอดินสัน คาวานี่เข้ามาอีกคน เก็บเงินสดเอาไว้เตรียมใช้กับซานโช่ในฤดูกาลต่อไป
ซีซั่นที่ 4 ของซานโช่ กับดอร์ทมุนด์ เขายังมีมาตรฐานส่วนตัวที่ดีเยี่ยมเหมือนเดิม ทำไป 16 ประตูกับอีก 20 แอสซิสต์ ดังนั้นเมื่อจบฤดูกาล แมนฯ ยูไนเต็ดจึงเดินหน้าลุยดีลซานโช่ต่อ ส่วนตัวนักเตะก็ยังไม่เปลี่ยนใจคิดจะไปเจรจากับทีมอื่นเช่นกัน
[ ปิดดีลอันยาวนาน ]
หลังจากแมนฯ ยูไนเต็ด ได้รองแชมป์ยูโรป้าลีก ในวันที่ 27 พฤษภาคม เมื่อกลับมาที่อังกฤษ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, ไมค์ ฟีแลน และ จอห์น เมอร์ทัฟ ประชุมกันเรื่องแผนสำหรับฤดูกาลหน้า และได้ข้อสรุปชัดเจนว่า เป้าหมายซื้อตัวอันดับแรก ยังเป็นซานโช่เหมือนเดิม
การซื้อขายต้องทำให้เร็วที่สุด จะไปทำหลังยูโรไม่ได้ เพราะสโมสรต้องการให้ซานโช่มาร่วมปรีซีซั่นกับเพื่อน และให้เวลาโซลชาได้ทำความคุ้นเคยกับจังหวะการเล่นของซานโช่
คิดตามหลักแล้ว ถ้านักเตะได้มีเกมปรีซีซั่นสักหน่อย ก็น่าจะระเบิดฟอร์มได้ในช่วงเปิดฤดูกาลพอดี
แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ดอร์ทมุนด์ เจรจากันหลายรอบ เพื่อหาตัวเลขตรงกลางร่วมกัน และสุดท้ายมาเคาะได้ในตัวเลขที่บิลด์เคยรายงานไว้ โดยดอร์ทมุนด์ลดราคาที่ตั้งไว้จาก 108 ล้านปอนด์ เหลือแค่ราวๆ 70-80 ล้านปอนด์เท่านั้น และยังอนุญาตให้ผ่อนจ่ายได้ในช่วง 5 ปี อีกต่างหาก ดังนั้นก็ถือว่าไม่ส่งผลกระทบในเรื่องการเงินของทีมปีศาจแดงมากจนเกินไป
1
ราคานี้ ยังเป็นตัวเลขที่แฟนบอลรู้สึกว่าเหมาะสมด้วย เพราะถูกกว่าทั้งพอล ป็อกบา และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แถมยังใช้งานได้นานอีก การรอคอยแค่ 1 ปี แต่จ่ายค่าตัวลดลงเกิน 30 ล้านปอนด์ นี่คือการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของสโมสร
จริงๆ ราคาเป๊ะๆ ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่สื่อในอังกฤษ และเยอรมันรายงานตรงกันว่าอยู่ในช่วง 70-80 ล้านปอนด์ คือไม่ว่าจะยังไง แมนฯ ยูไนเต็ดก็จ่ายถูกลงกว่าปีที่แล้วเยอะอยู่ดี
1
และสำหรับทีมที่จะได้อานิสงส์ ของการซื้อขายครั้งนี้ด้วยก็คือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะตอนซิตี้ขายให้ดอร์ทมุนด์ในปี 2017 ได้ใส่อ็อปชั่นว่า การขายครั้งต่อไป ดอร์ทมุนด์ต้องแบ่งกำไร 15% ให้แมนฯ ซิตี้ด้วย ดังนั้นทีมเรือใบสีฟ้า จะได้ส่วนแบ่งราวๆ 10 ล้านปอนด์
3
ส่วนตัวซานโช่ ทันทีที่สองสโมสรตกลงกันได้ เขารีบลบดิจิตอลฟุตปรินท์ของตัวเองทันที โดยในปี 2016 เขาเคยทวีตรูปตัวเองสมัยอยู่แมนฯ ซิตี้ แล้วเขียนว่า Football is Blue ซึ่งซานโช่ ไม่อยากให้คนหยิบเอารูปเก่าๆ มาแขวะกัน จึงลบทวีตนั้นทิ้งไปซะ
แม้จะมีคนแคปไว้ทันแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจากนี้ไป เขาอยากจะสู้เพื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจริงๆ
1
[ จิ๊กซอว์ชิ้นนี้จะเติมภาพสมบูรณ์หรือไม่? ]
1
ซานโช่ เป็นตัวริมเส้นแบบ Ideal ของแมนฯ ยูไนเต็ด มีความเร็วสูง แอสซิสต์ดี เข้าใจเกม นี่เป็นปีกขนานแท้ที่ทีมหามานาน คือจะจับเอาเมสัน กรีนวู้ดเล่น มันก็ไม่ใช่ตำแหน่งดีที่สุดของเขา หรือจะดื้อส่งแดเนียล เจมส์ลง มันก็ไม่ตอบโจทย์นักเช่นกัน
การมาของซานโช่ ยิ่งจะทำให้กองหน้าตัวเป้าอย่างคาวานี่ ได้รับการป้อนบอลที่ดีมากขึ้นด้วย ขณะที่เรื่องความเร็ว ซานโช่มีสปีดไม่เป็นรองแรชฟอร์ด ในทีมฟุตบอลหากคุณมีตัวสปรินท์ได้จี๊ดๆ แบบนี้อยู่หลายคน คู่แข่งก็ยากจะประกบ
นอกจากนั้นเซนส์การคิลเลอร์พาสของซานโช่ก็ดีเยี่ยม พิสูจน์จากการตัวเลขทำแอสซิสต์ 20 ลูก 3 ฤดูกาลติดต่อกัน ดังนั้นถ้าคู่แข่งรุมประกบบรูโน่ เฟอร์นันเดสหนักๆ อาจเปิดทางให้ซานโช่ได้แอสซิสต์อย่างสบายใจก็ได้
3
ราคา 70-80 ล้านถือว่าไม่แพงแล้ว กับนักเตะระดับนี้ นี่เป็นการซื้อตัวที่เพิ่มทางเลือกในการเล่นให้โอเล่ กุนนาร์ โซลชาได้อีกเยอะมาก และเป็นดีลที่กระตุ้นให้ทีมอื่น ต้องขยับตัวในตลาดซื้อขาย
ถ้าคิดตามคอมม่อนเซนส์ ซานโช่ก็ควรจะเป็นทีเด็ดทีขาดให้แมนฯ ยูไนเต็ดนั่นแหละ แต่เอาจริงๆ ผลงานจะสมการรอคอยหรือไม่ ต้องไปวัดกันในสนามอย่างเดียว
สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชั่วโมงนี้ แนวรุกครบ ฟูลแบ็กโอเค ตอนนี้ถ้าพวกเขา เติมมิดฟิลด์ตัวรับ และเซ็นเตอร์แบ็ก ระดับท็อปอีกตำแหน่งละ 1 คนได้ล่ะก็คงปฏิเสธไม่ได้ ว่าทีมปีศาจแดงชุดนี้ สามารถท้าทายขึ้นไปลุ้นแย่งแชมป์กับแมนฯซิตี้, เชลซี และ ลิเวอร์พูล ได้อย่างเต็มตัวเลยทีเดียว
1
#SANCHO
โฆษณา