2 ก.ค. 2021 เวลา 13:36 • ไลฟ์สไตล์
ในสังคมทุกวันนี้ ทุก ๆ ย่างก้าว ที่ส่องแสงสุกสกาวก็ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากการปรุง การแต่ง ...
การมีชีวิตอยู่ การมีชีวิตที่ถูกสร้าง ถูกปรุง ถูกแต่งนั้น จำเป็นจักต้อง “ ทำความสะอาดชีวิต ” ทุกวัน ทุกวัน
4
นำงานภายนอก มาฝึกงานภายใน ชำระล้างจิตใจให้ใสและสะอาด
เราเข้าห้องน้ำทุกวัน เราก็ต้องทำความสะอาดทุกวัน
เราเข้ามาอยู่อาศัย มาใช้ชีวิตในสังคมทุกวัน เราก็ต้องทำความสะอาดใจของเราทุกวัน
7
ถ้าไม่ทำความสะอาดก็เปรียบเสมือนดั่ง “ ดินพอกหางหมู ”
พอก สะสม ความสกปรก นั้น “ จม ” ฝังลึกอยู่ในจิต ในใจ
4
นำงานภายนอก มาฝึกงานภายใน ชำระล้างจิตใจให้ใสและสะอาด
ท่านถึงบอกว่า
มงคลชีวิตตอนเย็นนั้นอยู่ที่เท้า
เพราะเท้าของเราต้องเหยียบย่ำสิ่งสกปรกมาทั้งวัน
ตอนเย็น ตอนค่ำ เมื่อกลับมาบ้านหรือก่อนเข้านอน เราจำเป็นต้องล้างเท้าทุกวัน คือล้างสิ่งสกปรกมัวหมองที่เราได้ไปพบ ไปสัมผัส เพื่อให้ร่างกายได้พร้อมรับกับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ด้วยจิตใจที่ไม่มีความโลภ ความโกรธ ความหลง เจือปนยามค่ำคืน
5
นำงานภายนอก มาฝึกงานภายใน ชำระล้างจิตใจให้ใสและสะอาด
การใช้ห้องน้ำ เราจำเป็นต้องใช้ทุกวัน
ห้องน้ำนั้นก็เปรียบดั่งสังคม
แม้นจะสกปรก ทั้งในส่วนคราบเลอะเทอะที่เรามองเห็น รวมทั้งแบคทีเรียที่เรามองไม่เห็น แต่เราก็ต้องใช้
ใช้เพราะจำเป็น ใช้อย่างรู้จักประโยชน์
5
แต่เมื่อใช้แล้ว ต้องดูแล รักษา ทำความสะอาด
ทั้งในส่วนของห้องน้ำ ที่เปรียบได้ดั่ง “ สังคม ”
สังคม ส่วนรวม ประเทศชาติ เมื่อเราได้อยู่ ได้ใช้ ได้หาผลประโยชน์ ต้องรู้จักดูแล รักษา สังคมนี้ให้สะอาด น่าอยู่ น่าอาศัย
4
นำงานภายนอก มาฝึกงานภายใน ชำระล้างจิตใจให้ใสและสะอาด
อีกอย่างในส่วนของตัวเราเอง เมื่อเราเข้าไปใช้ห้องน้ำ เราก็ต้องชำระล้าง ทำความสะอาดตัวเรา กายของเรา “ ใจ ” ของเรา
3
น้ำที่สะอาดย่อมล้างความสกปรกโดยไม่เหลือคราบ ฉันใด
ธรรมอันประเสริฐย่อมชำระล้างจิตใจให้ผ่องใสได้ ฉันนั้น
6
นำงานภายนอก มาฝึกงานภายใน ชำระล้างจิตใจให้ใสและสะอาด
น้ำมีไว้ล้างห้องน้ำ
“ ธรรมะ ” นั้นมีไว้ชะล้าง “ สังคม ”
4
หากสังคมอุดมไปด้วยคนที่มี “ ธรรมะ ” มี “ หิริ โอตตัปปะ (ความละอายชั่ว กลัวบาป) ” สังคมนี้จักน่าอยู่ น่าอาศัยยิ่งนัก
4
นำงานภายนอก มาฝึกงานภายใน ชำระล้างจิตใจให้ใสและสะอาด
เวลาที่เราเดินทางไปต่างจังหวัด เรามักมองหาปั๊ม หาสถานที่ที่มีห้องน้ำ ห้องสุขา ที่สะอาด
3
ก็ไม่ต่างอะไรกับชีวิต เราต้องรู้จักเลือก รู้จักเข้า รู้จักอยู่ในสังคมที่ประเสริฐ บริสุทธิ์ และเป็นสังคมที่สิ้นสุดแห่งความเห็นแก่ตัว
4
นำงานภายนอก มาฝึกงานภายใน ชำระล้างจิตใจให้ใสและสะอาด
การเข้าสังคมที่สะอาด ต้องชำระล้างร่างกายให้สะอาด จักได้ไม่ทำให้สังคมนั้นแปะเปื้อน
แต่ถ้าหากร่างกายยังสกปรก เลอะเทอะอยู่ ก็ไม่ต้องเกรง ไม่ต้องกลัว เข้าไปได้ เพราะสังคมที่ประเสริฐจริงนั้น จักอุดมไปด้วย “ กัลยาณมิตร ” ที่เปรียบได้ดั่งคนล้างห้องน้ำ ที่เตรียมทั้งห้องน้ำ เตรียมน้ำที่สะอาด พร้อมทั้งเป็น “ สุขาภิบาล ” คอยจำกัดปฏิกูล ซึ่งในที่นี้คือความสกปรกทั้งหลายที่ติดตัวเราเข้าไป
3
จิตเดิมแท้ของคนเรานั้นประภัสสร แต่ก็เพียงเพราะกิเลสจรเข้ามาปกคลุมทำให้ การกระทำหรือวาจา ที่ผ่องถ่ายออกมานั้นดูเปรอะเปื้อนหรือหมองมัวไป
5
การชำระล้างกิเลสที่เข้ามาปกคลุมจิตใจ ก็คือทำให้จิตใจเดิมที่ผ่องใสอยู่เดิมนั้น มีโอกาสได้เจิดจ้า แจ่มจรัส เปิดแสงสว่างสู่สังคมที่มืดสลัว ให้กลับกลายเป็นสังคมที่สว่างไสว มีแต่การให้ การเสียสละให้กันและกันอย่างแท้จริง
5
นำงานภายนอก มาฝึกงานภายใน ชำระล้างจิตใจให้ใสและสะอาด
รู้จักรักษ์ รู้จักล้าง ความสกปรกในชีวิต
ชีวิตนี้ สังคมนี้ จักศานติสุขอย่างยั่งยืน...
4
นำงานภายนอก มาฝึกงานภายใน ชำระล้างจิตใจให้ใสและสะอาด
โฆษณา