2 ก.ค. 2021 เวลา 13:52
The Devil Next Door: สาวน้อยในกรงขังของปีศาจข้างบ้าน
.
*คำเตือน! เนื้อหาต่อไปนี้มีความหดหู่ โหดร้าย ไม่เหมาะกับผู้ที่จิตใจไม่แข็งแรง*
.
เรื่องราวของ “ซิลเวีย” เด็กสาวน่ารักสดใส จิตใจดี และเป็นที่รักของทุกคน แต่กลับโชคร้าย ต้องถูกกักขังและทรมานอย่างโหดเหี้ยมสารพัดรูปแบบยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เป็นความเลวร้ายเกินกว่าที่ใคร หรือสิ่งไหนจะควรต้องเจอ
.
คดีนี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ทำให้ชาว File Not Found “จิตตก” มากที่สุด มาพร้อมระดับความโหด 10/10 (ซึ่งเป็นความโหดที่มากที่สุดของรายการ) เรื่องราวจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามกันได้เลยครับ
.
**รับฟังฉบับ Podcast ได้ที่: https://www.youtube.com/watch?v=1gduwXHimSk **
.
#missiontopluto
#missiontoplutopodcast
#filenotfoundpodcast
ซิลเวีย มารีย์ ไลเคนส์ (Sylvia Marie Likens)
.
ในเมือง Indianapolis รัฐ Indiana สหรัฐอเมริกา มีเด็กสาวคนหนึ่งนามว่า “ซิลเวีย” เธอเป็นเด็กผู้หญิงแสนน่ารัก มีผมยาวหยักศกสีน้ำตาล รอยยิ้มสดใส จิตใจดี และมั่นใจในตัวเอง ซิลเวียเป็นลูกสาวในครอบครัวใหญ่ที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ครอบครัวของเธอประกอบด้วย คุณพ่อ, คุณแม่, และมีพี่น้องฝาแฝดอีก 2 คู่ รวมเป็น 7 ชีวิต
.
คุณพ่อและคุณแม่ของ ซิลเวีย ทำงานรับจ้างในขบวน Carnival ซึ่งทำให้มีเรื่องต้องเดินทางบ่อยๆ พร้อมกับพาลูกๆ ที่เป็นผู้ชายไปทำงานด้วย เพื่อให้ได้เงินมาประทังชีวิตครอบครัว แต่ด้วยเรื่องของความปลอดภัย ทางครอบครัวจึงไม่อยากจะพาลูกสาวมาทำงานด้วย ทำให้เด็กสาวที่เหลืออยู่อย่าง ซิลเวีย และพี่น้องของเธอ ต้องถูกนำไปฝากไว้กับญาติ เพื่อให้มีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
.
นิสัยของซิลเวีย เป็นเด็กที่น่ารักสุดใจ เธอชอบช่วยครอบครัวหารายได้เสริมหลังจากเลิกเรียนเสมอ ทั้งจากการรับเลี้ยงเด็ก ทำงานบ้าน รับจ้างรีดผ้า แถมยังรักน้องสาวของเธอที่ชื่อ “เจนนี่” ผู้มีภาวะโปลิโอ เธอจึงไม่แข็งแรงเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะมีซิลเวียคอยดูแลเสมอ ครอบครัวของเธอได้ใช้ชีวิตด้วยความปกติสุขมาโดยตลอด แต่แล้วครอบครัวไลเคนส์ ก็ได้รู้จักกับคนคนหนึ่ง และมันกำลังจะทำให้ชีวิตของพวกเขาต้องพบกับ “ความสยองขวัญ” ที่ไม่อาจลืมลง
เกอร์ทรูด บานิสเซวสกี้ (Gertrude Baniszewski)
.
เดือนมิถุนายน ปี 1965 ขณะที่ซิลเวียอายุ 16 ปี คุณแม่ของเธอถูกจับในข้อหาขโมยของในร้านค้า เลยต้องโทษจำคุกเป็นระยะเวลาหนึ่ง ประกอบกับเป็นช่วงที่คุณพ่อของเธอ ต้องเดินทางไปทำงานพร้อมกับเหล่าลูกชาย ดังนั้นจึงต้องหาคนคอยดูแลลูกสาวที่เหลือ ซึ่งในตอนนั้นเองที่พวกเขาได้รู้จักกับ “เกอร์ทรูด” ผู้ปกครองร่วมโรงเรียนที่เด็กๆ กำลังศึกษาอยู่
.
เกอร์ทรูดเป็นคนที่มีประวัติชีวิตที่หดหู่ และน่าสงสารมากคนหนึ่ง เมื่ออายุได้ 16 เธอก็แต่งงานกับสามีคนแรก และมีลูกด้วยกันทั้งหมด 4 คน แต่สามีของเธอชอบใช้ความรุนแรงและทำร้ายเธอเป็นประจำ ทำให้ต้องหย่าร้างกันไปหลังจากอยู่ด้วยกันมา 10 ปี
.
จากนั้น เกอร์ทรูด ก็ได้พบกับรักครั้งใหม่และแต่งงานกับสามีคนที่สอง แต่ชีวิตกลับกลับอาภัพเพราะประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง สามีคนนี้ก็ชอบใช้ความรุนแรงกับเธอเสมอ และจบลงด้วยการหย่าร้างไปหลังจากคบกันได้เพียง 3 เดือน
.
“ถ่านไฟเก่ายังร้อน” เกอร์ทรูดจึงกลับไปคบหาและแต่งงานกับสามีคนแรกอีกครั้ง แต่เรื่องราวความรักครั้งนี้ ก็เหมือนกับการอ่านหนังสือเล่มเดิม เพราะจุดจบก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เธอหย่ากับเขาเป็นครั้งที่ 2 แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอถอดใจจากความรัก เกอร์ทรูดได้พบรักกับแฟนใหม่ เป็นวัยรุ่นอายุเพียง 22 ปี และมีลูกด้วยกันเพิ่มอีก 1 คน!
.
น่าเศร้าที่เธอไม่เคยมีโชคเรื่องความรักเลย เพราะสุดท้ายเธอก็ต้องเผชิญกับการทำร้ายร่างกาย และเลิกรากันไปเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เธอจึงกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว 3 ครั้ง มีลูกให้ดูแลถึง 7 คน
.
หลังจากล้มเหลวในชีวิตรักและครอบครัว เกอร์ทรูดจึงมีภาวะซึมเศร้า ร่างกายผอมซูบ สูบบุหรี่จัด และใช้ชีวิตกับลูกๆ จากเงินค่าเลี้ยงดูที่ได้จากสามีคนแรก ประกอบกับค่าจ้างเล็กๆ น้อยๆ จากการรับจ้างทุกชนิดที่เธอพอจะทำได้
.
และในที่สุด เกอร์ทรูด ก็ได้มาพบกับ “ครอบครัวไลเคนส์” ที่จะมาฝากสาวๆ ซิลเวีย และพี่น้องให้ได้อยู่อาศัย ภายใต้การดูแลที่ดีของเธอ โดยลั่นวาจาไว้ว่า “ฉันจะดูแลให้ดีที่สุด ให้เหมือนกับเป็นลูกฉันเอง”
การใช้ชีวิตในบ้านที่เหมือนนรก
.
ช่วงแรกซิลเวีย และเจนนี่ สามารถใช้ชีวิตใต้ชายคาเดียวกันกับเกอร์ทรูด และลูกๆ ได้เข้ากันเป็นอย่างดี
พวกเขาร่วมร้องเพลง พูดคุย กินอาหารร่วมกัน ซึ่งสองสาวซิลเวีย เจนนี่ ก็ช่วยทำงานบ้านให้เป็นการตอบแทนความดีที่ได้รับจากครอบครัวของเกอร์ทรูด
.
ถึงแม้ว่าครอบครัวเกอร์ทรูดจะปฏิบัติกับสองสาวจากครอบครัวไลเคนส์ดีแค่ไหน แต่สภาพการอยู่อาศัยจริงๆ คือสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ชีวิตในบ้านหลังนี้” ไม่ได้ดีอย่างที่คิด
.
สองสาวซิลเวีย และเจนนี่ ต้องใช้ห้องนอนร่วมกับลูกๆ ของเกอร์ทรูด ซึ่งไม่มีเตียงมากพอ เด็กๆ จะต้องผลัดกันนอนพื้นสลับกันไป นี่คือจุดหนึ่งที่ครอบครัวไลเคนส์ ไม่เคยเข้าไปสังเกตสภาพความเป็นอยู่ของลูกๆ ในบ้านหลังนี้เลย แต่นั่นก็เทียบอะไรไม่ได้กับ “นรก” ที่สองสาวซิลเวีย - เจนนี่ กำลังจะต้องเผชิญ
.
เกอร์ทรูดได้รับค่าฝากเลี้ยงดูซิลเวีย และเจนนี่ เป็นจำนวนเงิน 20 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ เป็นจำนวนเงินที่อาจไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็มากพอจะทำให้เกอร์ทรูดดีใจ และมีความหมายต่อเธอเอามากๆ แถมก่อนที่ครอบครัวไลเคนส์จะออกเดินทางไปทำงาน ยังได้จ่ายเงินล่วงหน้าไว้จำนวนหนึ่งด้วย
.
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น เพราะครอบครัวไลเคนส์ “จ่ายเงินช้า” ทำให้เกอร์ทรูดไม่พอใจอย่างแรง และความโกรธเกรี้ยวนั้นก็ไม่ได้ไปไหนไกล มันถูกระบายมาที่เด็กทั้งสอง ความโหดเหี้ยมครั้งแรกเกิดขึ้นกับเจนนี่ หลังจากที่ได้เงินช้า เจนนี่ถูกลากขึ้นบันไดแล้วฟาดด้วยเข็มขัดหนัง และตะโกนด้วยความโมโหว่า “กูจะเอาพวกมึงมาเลี้ยงเพื่ออะไร!?” แต่ในวันถัดมาเกอร์ทรูดก็ได้รับค่าตอบแทนตามที่ตกลงไว้
.
สองวันหลังจากเกิดเหตุการณ์รุนแรงต่อเจนนี่ ครอบครัวไลเคนส์ได้เดินทางมาเยี่ยมสองสาว เพื่อตรวจสอบความเป็นอยู่ของเด็กๆ แต่ทั้งซิลเวีย และเจนนี่ ก็ไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ครอบครัวฟัง
.
หลังจากมีปัญหาเรื่องเงินเป็นครั้งแรก ดูเหมือนว่าทัศนคติของเกอร์ทรูดที่มีต่อเด็กๆ จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เธอยังคงไม่ชอบขี้หน้าซิลเวียและเจนนี่ ความโหดเหี้ยมครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อซิลเวียกำลังเก็บขวดที่บ้านมาขายเพื่อเอาเงิน เกอร์ทรูดเลยไม่พอใจ และเรียกซิลเวียมาตีด้วยไม้พายซ้ำๆ ที่บริเวณหลังและศรีษะเพื่อลงโทษ
.
หลังจากนั้นเรื่องราวความรุนแรงต่างๆ ยิ่งทวีคูณมากขึ้น โดยมีเป้าหมายหลักคือ “ซิลเวีย” เพราะมองว่าเจนนี่เป็นโปลิโออยู่แล้ว สงสาร ไม่อยากลงมือมากมายนัก
.
ตัวอย่างเหตุการณ์สยองที่ซิลเวียต้องเผชิญจากเกอร์ทรูดมีมากมาย ทั้งถูกกล่าวหาว่าซิลเวียทำเสื้อผ้าไหม้ แล้วลงโทษด้วยการนำไม้ขีดมาเผาปลายนิ้วของซิลเวีย มีการด่าทอด้วยความเกลียดชัง “รู้ไหมว่ากูเกลียดมึงแค่ไหน กูจ้องจะหาวิธีใหม่ๆ มาทำลายชีวิตมึงตลอด”
.
ความโรคจิตของครอบครัวเกอร์ทรูดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากการทำร้ายร่างกายซิลเวีย ยังเพิ่มวิธีการอดอาหาร โดยสั่งให้ซิลเวียไปคุ้ยขยะมากินเอาเอง ความโหดร้ายเกินมนุษย์แบบนี้ หากเราพบเห็นคงต้องห้ามปรามใช่ไหมครับ แต่กับครอบครัวของเกอร์ทรูด พวกเขากลับซ้ำเติมซิลเวีย คอยร่วมวงกับแม่มาทำร้ายเพื่อระบายความเครียด และรู้สึกสนุกที่ได้เห็นเธอทรมาน แถมยังชักชวนเพื่อนมาทำร้ายซิลเวียด้วย โดยที่เจนนี่ ผู้เป็นน้องสาวได้แต่มองด้วยความเจ็บปวด ที่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย
.
ซิลเวียต้องทนทุกข์ทรมานในหลายรูปแบบที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เธอถูกใช้เป็นกระสอบทราย จับทุ่มเพื่อฝึกวิชายูโด ถูกเอาบุหรี่จี้ตามร่างกาย ถูกราดด้วยน้ำเดือดและขัดแผลพุพองด้วยน้ำเกลือ ถูกจับขังไว้ที่ชั้นใต้ดิน ให้อาหารเป็นอุจจาระ รวมถึงถูกล่วงละเมิดทางเพศอย่างพิสดารเกินจะจินตนาการได้ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับเกอร์ทรูดอีก เพราะทำให้พื้นบ้านเปรอะเปื้อน เกอร์ทรูดจึงทุบตีอย่างหนัก โดยมีฉากหลังเป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของลูกๆ ในบ้านหลังนี้
.
ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ไม่อาจหลุดรอดสายตาของชาวบ้านละแวกใกล้เคียงไปได้ หลายคนได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซิลเวีย แล้วตามมาด้วยเสียงหัวเราะสะใจของคนในบ้าน แต่น่าเศร้าที่พวกเขาเลือกที่จะ “ปล่อยผ่าน” เพราะไม่อยากยุ่งเรื่องคนอื่น เป็นที่รู้กันว่าบ้านของเกอร์ทรูด เป็นที่ซ่องสุมของพวกอันธพาล ยิ่งทำให้ไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
.
มีอยู่วันหนึ่ง เกอร์ทรูด ได้เรียกลูกๆ เเละอันธพาลในละแวกนั้นมาที่บ้าน แล้วสั่งให้เอาเข็มขนาดใหญ่เผาไฟ แล้วกรีดลงบนหน้าท้องของซิลเวียเพื่อสักคำว่า "I'M A PROSTITUTE AND PROUD OF IT" (ฉันเป็นโสเภณีและชั้นภูมิใจ) ซึ่งมันจะเป็นบาดแผลทางกาย และทางใจที่จะติดตัวซิลเวียไปตลอดกาล ความโหดร้ายทารุณทั้งหมดที่ซิลเวียได้พบเจอ ทำให้เธอกำลังจะตาย
.
หนีจากความตาย เพื่อเจอกับความตาย
.
ซิลเวียที่ผ่านความทรมานเกินกว่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะพบเจอ ได้บอกกับน้องสาว (เจนนี่) ว่า
“เจนนี่ ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากให้ฉันตาย แต่ฉันกำลังจะตายแล้วล่ะ”
.
วันถัดมา เกอร์ทรูด ได้คิดแผนที่จะ “ฆ่าซิลเวีย” โดยบังคับให้เธอเขียนจดหมายว่าจะหนีออกจากบ้าน เพราะถูกวัยรุ่นชายขู่จะทำร้าย หลังจากเขียนจดหมายแล้ว ก็จะลากเธอไปปล่อยในป่ารกร้าง และให้เธอตายไปเอง
.
ซิลเวียได้ยินแผนการทั้งหมดก่อน แล้วตัดสินใจรวบรวมความกล้าและกำลังทั้งหมดที่มี วิ่งหนีออกมาจากนรกแห่งนั้น แต่สุดท้ายก็ถูกจับตัวไว้ได้ แน่นอนว่าเธอถูกลงโทษจากการกระทำนี้
.
ซิลเวียถูกจับโยนลงห้องใต้ดิน และโดนทุบตีอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เธอถูกจับขังไว้ที่นั่นราวกับสิ่งของที่ไม่มีชีวิต เกอร์ทรูดและครอบครัว พร้อมอันธพาล ผลัดกันมาทำร้ายซิลเวียด้วยไม้เบสบอล ของแข็งสารพัดชนิด ฟาดจนซิลเวียสลบไป
.
หลังจากถูกทำร้ายมาอย่างนับครั้งไม่ถ้วน ซิลเวียไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะขยับตัวได้แล้ว แต่เธอก็รวบรวมกำลัง และความหวังครั้งสุดท้าย และคลานขึ้นไปใช้ร่างกายกระแทกผนังชั้นใต้ดิน เพื่อหวังจะให้ใครได้ยินและมาช่วยเธอ
.
วันถัดมา เกอร์ทรูด ได้ลงไปดูอาการ และพบว่าซิลเวียไม่หายใจแล้ว เกอร์ทรูดและลูกๆ จึงรีบพยายามยื้อชีวิตของเธอ แต่ก็สายเกินไปที่จะแก้ไขอะไรได้ ซิลเวียเสียชีวิตลงหลังจากนั้น
ปิดคดีด้วยความ(อ)ยุติธรรม
.
ครอบครัวเกอร์ทรูด พยายามคิดแผนกลบเกลื่อนการเสียชีวิตของซิลเวีย โดยให้คนในกลุ่มแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยื่นจดหมายที่เคยบังคับให้ซิลเวียเขียน พร้อมให้การว่า “เธอหนีออกจากบ้านไปเพราะตั้งท้อง และอยากขายตัว แต่ถูกกลุ่มวัยรุ่นชายทำร้าย แต่ฉันนี่แหละที่คอยดูแล ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เอง”
.
แต่เจนนี่ ไม่สามารถทนรับความเลวร้ายที่ซิลเวียเคยเผชิญมาไม่ได้อีกต่อไป เธอใช้โอกาสนี้แอบเดินไปกระซิบขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้รู้ความจริงทั้งหมด จึงทำการจับกุมครอบครัวเกอร์ทรูดทันที
.
จากการชันสูตรศพของซิลเวีย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าซิลเวียไม่มีร่องรอยถูกข่มขืนเเต่อย่างใด ขัดกับคำให้การของเกอร์ทรูด พวกเขาพบแต่บาดเเผลทั่วร่างกาย มีทั้งเเผลไฟไหม้ ฟกช้ำ เนื้อหนังหลุดลอก สมองบวมจากการถูกของเเข็งฟาด
.
จากหลักฐานและพยานที่หนาแน่นชนิดว่าดิ้นไม่หลุด ผู้ก่อเหตุทั้งหมดได้ถูกนำตัวไปขึ้นศาล เกอร์ทรูดและลูกสาวคนโต ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาฆ่าคนโดยเจตนา ส่วนลูกๆ คนอื่นและอันธพาล ถูกตัดสินจำคุกคนละ 2 ปีเท่านั้น
.
เรื่องราวเหมือนจะจบลงด้วยความยุติธรรม แต่ตอนจบที่แท้จริงคือคำถามถึงกระบวนการยุติธรรมว่าเพราะอะไร ทำไมคนเลวผิดมนุษย์ขนาดนี้ ถึงได้โอกาสกลับมาใช้ชีวิตอย่างสบายใจ เพราะหลังจากใช้ชีวิตในเรือนจำไปเพียง 20 ปี เกอร์ทรูดถูกปล่อยตัวออกมาเพราะประพฤติดี โดยที่หลังจากนั้นลูกสาวคนโตก็ถูกปล่อยออกมาเช่นกัน ซึ่งเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมายถึงความไม่สมเหตุสมผล แต่ศาลก็ไม่ได้กลับคำให้การแต่อย่างใด
.
เกอร์ทรูดที่ได้โอกาสออกมาใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง ก็เปลี่ยนชื่อนามสกุล และย้ายถิ่นฐานไปใช้ชีวิตในต่างเมือง และยังคงไม่ยอมรับในทุกเรื่องเลวร้ายที่ตัวเองได้ทำ และกล่าวโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของซิลเวียอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะสิ้นใจไปด้วยโรคมะเร็งในวัยชรา
โฆษณา