3 ก.ค. 2021 เวลา 03:24 • ประวัติศาสตร์
“โยชิโกะ คาวาชิมะ (Yoshiko Kawashima)” เชื้อเจ้าแห่งจีน ผู้เป็นสายลับให้ญี่ปุ่น
“โยชิโกะ คาวาชิมะ (Yoshiko Kawashima)” เป็นหญิงที่มีชีวิตโลดโผนที่สุดคนหนึ่ง
ชาติกำเนิดของเธอเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ในประเทศจีน แต่ภายหลัง เธอได้ถูกส่งไปญี่ปุ่นและกลายเป็นสายลับ
เรื่องราวของเธอเป็นอย่างไร มาหาคำตอบจากบทความนี้กันครับ
โยชิโกะ หรือชื่อเดิมคือ “อ้ายซินเจี๋ยหรอ เสียนจื่อ (Aisin Gioro Xianyu)” เกิดในราวปีค.ศ.1907 (พ.ศ.2450) โดยเป็นหนึ่งในลูกจำนวน 38 คนของเจ้าชายแมนจู ซึ่งสืบเชื้อสายจากราชวงศ์ชิง
โยชิโกะและครอบครัว
ที่ผ่านมา ราชวงศ์ชิงนั้นเรืองอำนาจ แต่เมื่อโยชิโกะเกิดมา ก็เป็นช่วงเวลาที่ราชวงศ์ชิงเริ่มจะอ่อนแอ
ในปีค.ศ.1911 (พ.ศ.2454) ได้เกิดการปฏิวัติ ภายใต้การนำของ “ซุน ยัตเซ็น (Sun Yat-sen)” ได้โค่นล้มราชวงศ์ชิง และสถาปนา “สาธารณรัฐประชาชนจีน (Republic of China)”
ผลของการปฏิวัติ ทำให้ในเวลาต่อมา เมื่อโยชิโกะมีอายุได้ราวแปดขวบ ก็ได้ถูกส่งไปอยู่กับเพื่อนของบิดาที่ญี่ปุ่น
ซุน ยัตเซ็น (Sun Yat-sen)
ภายหลังมาถึงญี่ปุ่น เธอก็ได้ชื่อญี่ปุ่นว่า “โยชิโกะ คาวาชิมะ (Yoshiko Kawashima)”
ขณะอยู่ในญี่ปุ่น โยชิโกะก็ประพฤติตนแตกต่างจากสตรีทั่วไป
เธอขี่ม้าไปโรงเรียน ใส่เสื้อผ้าผู้ชาย และตัดผมบ๊อบ ซึ่งแต่ละอย่างนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้หญิงญี่ปุ่นในยุคนั้นไม่ทำ
พ่อเลี้ยงของโยชิโกะก็เห็นถึงความแตกต่างของลูกเลี้ยง และได้ให้กำลังใจ ให้โยชิโกะเห็นถึงความสำคัญในการเดินทางกลับจีนและกอบกู้ศักดิ์ศรีของตระกูล
1
แต่นอกเหนือจากนั้น ในช่วงวัยรุ่น โยชิโกะยังให้ความสนใจในเพศตรงข้าม และได้มีความสัมพันธ์กับชายหนุ่มหลายคน และเนื่องจากเธอเป็นเจ้าหญิงจากจีน และยังมีพฤติกรรมแตกต่างจากหญิงอื่นๆ ทำให้เธอเป็นที่จับตามองของสื่อมวลชนในญี่ปุ่น และทำให้พ่อเลี้ยงต้องจับเธอแต่งงานกับเจ้าชายมองโกลองค์หนึ่ง
3
แต่โยชิโกะก็ไม่ยอมถูกจับคลุมถุงชนได้ง่ายๆ ภายหลัง เธอได้ใช้เวลาไปกับแสงสียามค่ำคืนของโตเกียว ก่อนจะมุ่งหน้าไปเซี่ยงไฮ้ และในปีค.ศ.1931 (พ.ศ.2474) โยชิโกะวัย 24 ปีก็พบว่าตนนั้นไม่เหลืออะไรเลย ทั้งเงิน ทั้งที่อยู่ ทั้งครอบครัวที่พอจะช่วยเหลือได้
1
โยชิโกะใช้เวลาในแต่ละวันไปอยู่ตามบาร์หรือคาสิโน แต่เนื่องจากเงินกำลังจะหมด งานก็ไม่มี ทำให้เธอต้องคิดวิธีหาเงิน
ในช่วงเวลานี้เอง ที่กองทัพคันโต ซึ่งเป็นกองทัพญี่ปุ่นในกวางตุ้ง ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเธอ
ในเวลานั้น กองทัพคันโตได้มองแมนจูเรียมาเป็นเวลาซักพักแล้ว และคิดว่าแมนจูเรียควรเป็นของญี่ปุ่น
ในปีค.ศ.1931 (พ.ศ.2474) เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นได้ทำการวางระเบิดทางรถไฟนอกเมืองเสิ่นหยาง ใส่ร้ายว่านี่เป็นฝีมือของผู้ก่อการร้ายชาวจีน และทำให้ญี่ปุ่นมีข้ออ้างในการบุกตะวันออกเฉียงเหนือของจีน
3
ในที่สุด แมนจูเรียก็ตกอยู่ใต้อำนาจของญี่ปุ่น หากแต่ญี่ปุ่นก็ต้องการให้การยึดครองแมนจูเรีย เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
3
โยชิโกะนั้นมีสายสัมพันธ์กับทั้งมองโกลและแมนจู อีกทั้งยังชื่นชอบการผจญภัย ทำให้เธอเป็นที่หมายตาของหน่วยสืบราชการลับญี่ปุ่น และโยชิโกะก็ตอบรับ ทำงานให้ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นต้องการจะตั้งประมุขหุ่นเชิด ซึ่งโยชิโกะก็ได้โน้มน้าวให้ “จักรพรรดิปูยี (Puyi)” อดีตจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิง ขึ้นเป็นประมุขแห่งแมนจู ซึ่งการนี้ ก็ทำให้โยชิโกะกอบกู้ราชวงศ์ชิงกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง
3
จักรพรรดิปูยี (Puyi)
ภารกิจต่อไปของโยชิโกะ นั่นคือการสร้างสถานการณ์ ความรุนแรงต่างๆ ให้เกิดขึ้นในเซี่ยงไฮ้ โดยในปีค.ศ.1932 (พ.ศ.2475) โยชิโกะได้ออกเดินทางไปทั่วเมือง จ่ายเงินจ้างคนงานหลายคนให้ก่อความรุนแรงขึ้นตามจุดต่างๆ
การสร้างสถานการณ์ของโยชิโกะ ทำให้ญี่ปุ่นมีข้ออ้างที่จะเข้าแทรกแซงกิจการต่างๆ ในจีน โดยอ้างเรื่องความมั่นคง
3
ในช่วงเวลานี้ โยชิโกะยังนำกองทัพขนาดเล็กซึ่งประกอบด้วยทหารไม่กี่พันนาย เข้าปราบปรามกองกำลังชาวจีนที่ต่อต้านญี่ปุ่น
1
ในปีค.ศ.1933 (พ.ศ.2476) ได้มีการวางจำหน่ายนิยายที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องราวของโยชิโกะ และก็โด่งดังมาก
เมื่อกลับมาถึงญี่ปุ่น โยชิโกะก็ได้ไปออกรายการวิทยุ และได้ออกอัลบั้มเพลงของตนเองอีกด้วย ทำให้เธอโด่งดังไปทั่ว
แต่ภายในปีค.ศ.1940 (พ.ศ.2483) กองทัพญี่ปุ่นก็เริ่มจะเบื่อโยชิโกะ เนื่องจากโยชิโกะนั้นโด่งดังเกินกว่าที่จะให้ปฏิบัติภารกิจลับ หากแต่ก็ดื้อรั้นเกินกว่าที่จะให้อยู่เงียบๆ
4
โยชิโกะในเวลานั้นก็ติดยาอย่างหนัก ทั้งฝิ่นและมอร์ฟีน อีกทั้งยังป่วยด้วยซิฟิลิส และโยชิโกะก็ได้ทำการแบล็คเมล์ ขู่กรรโชกคหบดีชาวจีนหลายคน จนในที่สุด เธอก็ถูกจับกุม
ในปีค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) โยชิโกะได้ถูกส่งไปยังปักกิ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ๆ เธออยู่จนสิ้นสุดสงครามโลก
ในเวลานั้น กองทัพจีนก็เริ่มจะเอาชัยได้ในหลายสมรภูมิ และในปีค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) กองทัพโซเวียตก็ได้บุกแมนจู ทำการควบคุมจักรพรรดิปูยี ก่อนจะยึดปักกิ่ง
โยชิโกะก็ถูกจับกุมเช่นกัน
โยชิโกะถูกตราหน้าว่าเป็นคนขายชาติ และเมื่อขึ้นศาล หลักฐานเอาผิดไม่เพียงพอ ผู้พิพากษาจึงใช้นิยายที่เขียนเกี่ยวกับชีวิตของโยชิโกะเป็นหลักฐานเอาผิด
วันที่ 23 มีนาคม ค.ศ.1948 (พ.ศ.2491) โยชิโกะถูกประหารด้วยการยิงเข้าที่หลังศีรษะ
4
ปิดตำนานเชื้อพระวงศ์จีนผู้มีชีวิตที่โลดโผนกว่าสตรีในยุคเดียวกัน
โฆษณา