3 ก.ค. 2021 เวลา 00:00 • ธุรกิจ
การตลาดแบบ”นะจ๊ะ” สามารถทำให้ธุรกิจล่มสลายได้เลยเพราะว่า........
ที่มา: Sanook
การเปล่งคำพูดออกมาจากปากหลายคำที่น่าจะเรียกว่าวลีมากกว่า หลายครั้งมีโอกาสที่จะกลายเป็นคำยอดนิยมในช่วงเวลาสั้นๆ (Viral) และอาจจะถูกใช้ไปอีกยาวนาน
ย้อนไปในอดีตเกิน 20 ปีก็จะมีคำว่า หนูไม่รู้ ที่หมายถึงการที่ไม่สนไม่แคร์เรื่องที่ผิดศีลข้อ 3 หรือความว่าหูดำ ที่เปรียบเทียบกับหม้อที่มีหูหิ้วสีดำ หมายถึงผู้ชายที่นึกถึงเรื่องเพศอย่างเดียว และก็มีอีกหลายคำที่ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่
ขยับเข้ามาใกล้อีกหน่อยก็จะมีคำสั้นๆอย่างเข่น นกและโดนเท ซึ่งมีความหมายใกล้เคียงกันที่หมายถึงความไม่สมหวังและการถูกทิ้ง ที่ฮิตกันมากตอนนี้ก็มีคำว่าโดนแกง ที่หมายถึงการโดนแกล้ง แค่เปลี่ยนมาใช้คำที่สั้นลงให้ดูแปลกใหม่ ส่วนมากแล้ววลีสั้นๆที่ใช้กันมากก็จะเป็นคำที่ฟังหรืออ่านแล้วมีอาการขำหรือเรียกรอยยิ้มได้
ที่มา  Pinterest
คำพูดที่สื่อออกมาไม่ได้เกี่ยวว่าคำนั้นจะสุภาพไหม แต่เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากคนที่พูดมากกว่าว่าสื่อสารมาจากเรื่องอะไร อย่างคำที่พูดว่าสะตอ คำไม่ได้หยาบแต่ความหมายหยาบ หรือคำพูดของ อ.เฉลิมชัย ที่แต่ละคำแรงๆทั้งนั้น ถ้านำคำพูดมาใช้ทั่วไปถือว่าด่าหรือไม่ให้เกียรติกันเลยทีเดียว แต่คนฟังรู้สึกดี แม้แต่คำด่าของอดีตตลกผู้ล่วงลับ “น้าค่อม” ที่ใครๆก็อยากให้ด่าเพราะรู้สึกดี
คำพูดจากนักการเมืองร่างท้วม ที่เมื่อไหร่ถูกถามก็จะชอบพูดว่า “ไม่รู้” เวลาที่ท่านให้สัมภาษณ์เรื่องใด ก็ล้วนแล้วแต่สร้างความขุ่นข้องหมองใจให้คนฟัง บางครั้งทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศด้วยซ้ำ นั่นเพราะว่าคำพูดที่เปล่งออกมานั้นมาจากวิธีคิดที่ผู้คนรับรู้ถึงความหมายจริงๆที่สื่อออกมาของท่านได้
1
ที่มา: Dailymotion
มาถึงคำสุดฮิตติดเทรนด์มานานร่วมปีแล้ว นั่นก็คือคำว่า “นะจ๊ะ” ที่ลุงตู่พยายามจะทำให้เรื่องที่สื่ออกมาคลายความเครียดลง แต่กลายเป็นว่าภาษาที่ใช้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่ถูกที่ถูกเวลา และผู้คนก็แปลความหมายไปในทางลบแบบพร้อมเพียงกันโดยมิได้นัดหมาย
โดยมากแล้วก็จะหมายถึงการที่ไม่ให้ความสำคัญหรือไม่ได้ใส่ใจ กับเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด อีกเรื่องก็คือความหมายของการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา และการที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อคำพูด รวมถึงการใช้อำนาจเอื้อประโยชน์พวกพ้อง จากการเปลี่ยนคำพูดในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง ของการประกาศล๊อคดาวน์กรุงเทพมหานคร
เรื่องนี้ได้มีการใช้ในการตัดสินใจของหลายธุรกิจยักษ์ใหญ่ (ขออนุญาตไม่ยกตัวอย่างนะครับ เพราะยังอยากเขียนบทความต่อ) ที่ประกาศอีกอย่าง ออกมาให้ความมั่นใจให้กับลูกค้าแต่เปลี่ยนแปลงในทันทีเมื่อรู้ว่าจะเสียโอกาส เช้านี้ออกข่าวอย่างบ่ายทำอีกอย่าง
1
หรือแม้แต่การฉีดวัคซีน (ยกตัวอย่างจนได้)บอกว่าไม่เลื่อนมีวัคซีนพอ ตอนนี้เท่าที่ทราบจากคนที่รู้จักเป็นการส่วนตัว ถูกเลื่อนหลักร้อยคนแล้ว แล้วคนที่ไม่รู้จักอีกกี่คนที่ถูกเลื่อนจะมีจำนวนเท่าไร จากการประกาศว่าไม่เลื่อนหรือมีของเพียงพอ ออกข่าวเพราะกลัวว่าจะถูกต่อว่าในการบริหาร แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้จนได้
ที่มา: YouTube  matichon tv
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ยากที่จะยอมรับ เพราะเกิดขึ้นจากเจตนาไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดจากสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ธุรกิจยักษ์ใหญ่หลายรายทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว ก็ยกเลิกสิ่งที่ประกาศเอาดื้อๆในแบบที่ไม่แจ้งหรือขอโทษลูกค้าก็เยอะ สิ่งที่ได้รับทันทีคือมีรายได้เพิ่มขึ้นหรือเสียหายน้อยลง
1
แต่ผลกระทบที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นที่จะเกิดขึ้นก็คือตราประทับในจิตใต้สำนึกของผู้คนจำนวนมาก ที่ส่งต่อกันไปเป็นรุ่นต่อรุ่น
คำว่า “นะจ๊ะ” เชื่อว่าจะถูกนำไปใช้กับธุรกิจที่ไม่รักษาคำพูด ธุรกิจที่ไม่รับผิดชอบและธุรกิจที่ไม่สนใจผู้อื่น ความรู้สึกนี้ของคนที่รับมายังไงก็ไม่มีทางเปลี่ยนไปได้ หากผู้ที่สื่อออกมาไม่มีความจริงใจให้ปรากฏโดยเฉพาะการปรากฏต่อความรู้สึกของคนไทย
ที่มา:  บริษัท อินไซต์ สเตชั่น เน็ตเวิร์ค จำกัด
ธุรกิจหรือการตลาดยุคใหม่ ในยุคที่ใครๆก็สามารถตรวจสอบได้ไม่ยาก เจตนาในการสื่อสารความจริงใจในการสื่อสาร มีความสำคัญมากกว่าคำที่จะพูดออกมาซะอีก ไม่ต้องคอยมาประดิดประดอยคำให้ยุ่งยาก ความจริงใจตรงไปตรงมา รับผิดชอบคำพูดคือสิ่งที่สำคัญกว่า
หากผู้ที่จะรับรับไม้ต่อจากสิ่งที่คนเดิมทำไว้ในธุรกิจนั้น ไม่ได้แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลง มั่นใจว่าความล่มสลายมาเยือนแน่นอน คำพูดที่เป็นกระแสรุนแรง (Viral) นั้นมีพลังทำลายล้างสูงมาก
หากอยากให้ธุรกิจไปต่ออย่างยั่งยืนที่แม้ว่าปัจจุบันจะยังสามารถอยู่ได้สบายๆก็ตาม การออกมายอมรับความจริง ขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ยอมรับคำต่อว่าอย่างจริงใจและหาทางแก้ไขพร้อมกับการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ที่แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อลูกค้าหรือประชาชน ช่วงแรกอาจจะหนักหน่อยแต่ระยะยาวแล้วคุ้มค่ามาก เพราะผู้คนจะจดจำว่าผู้ที่ดำเนินการแบบนี้คือผู้ที่จริงใจมีความรับผิดชอบ พร้อมที่จะอุดหนุนต่อไป
ที่มา:  ฐานเศรษฐกิจ
หากยังมั่นใจว่าวิธีการที่ทำอยู่ในปัจจุบันยังสร้างเม็ดเงินได้มาก ก็ลองย้อนกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ดูได้เลย จะเห็นว่าผู้ทำแบบนี้กำลังถดถอยลงไปทุกทีหรือบางคนบางบริษัทและบางประเทศที่เคยยิ่งใหญ่ ก็กำลังถดถอยลงเรื่อยๆจากสิ่งที่กระทำและสิ่งที่สื่อออกมา ที่ตรงกันข้ามกับคำที่ใช้
สามารถติดตามข้อมูลแนวคิดทางการตลาดยุคใหม่ได้ที่
Instagram: Modernizationmarketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
Face Book Page: Thailand Modern Marketing
YouTube Channel: Modernization marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
สนใจการทำตลาดสุขภาพ ติดต่อได้ที่
รวบรวมรายการสินค้าโปรโมชั่นเด็ดๆโดนๆ สนใจคลิ๊ก: https://www.facebook.com/VROnlinepromotion4u
โฆษณา