Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
3 ก.ค. 2021 เวลา 06:47 • กีฬา
จากนักเตะที่โดนปล่อยตัวให้ทีมอื่นถึง 4 รอบ กลายมาเป็นคีย์แมนอันดับ 1 ของทีมชาติอังกฤษได้อย่างไร วิเคราะห์บอลจริงจังจะย้อนอดีตให้อ่านกัน
สิ่งหนึ่งที่หลายคนสับสนเกี่ยวกับแฮร์รี่ เคน คือเจ้าตัวเป็นแฟนบอลสเปอร์ส หรือแฟนบอลอาร์เซน่อลกันแน่
2
แฟนสเปอร์สจะอวดอ้างเสมอว่าเคนคือ one of our own (คนของเรา) ถึงขนาดเอาไปแต่งเป็นเพลงเชียร์ด้วย นั่นเพราะสเปอร์สเองก็ภูมิใจที่เด็กปั้นของสโมสร เติบโตขึ้นไปเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษได้
แต่ประเด็นก็คือแฟนบอลอาร์เซน่อล ไปขุดภาพเก่าๆ สมัยเด็กของเคนออกมา ปรากฏว่าเคนในวัย 8 ขวบ เคยใส่เสื้ออาร์เซน่อลถ่ายรูปฉลองแชมป์อยู่ ดังนั้นแฟนปืนใหญ่ก็เลยได้ทีแซวว่า สเปอร์สอย่ามาทำอวดเลย ว่าเคนเป็นคนของตัวเอง จริงๆแล้ว เขาเป็นแฟนบอลของอาร์เซน่อลต่างหากโว้ยยย
ตอนแรกตัวเคนเอง ก็นึกว่าแซวกันขำๆ แต่สักพักคนยิ่งเอาไปพูดกันหนักขึ้น ว่าลึกๆ เขายังแอบเชียร์อาร์เซน่อลอยู่เสมอ สุดท้ายเคนต้องออกมาอธิบายตัวเองว่า จริงๆแล้ว เขาเป็นแฟนสเปอร์สตั้งแต่เด็ก ที่บ้านเขาเชียร์สเปอร์สทุกคน แถมบ้านก็อยู่ห่างจากไวท์ฮาร์ทเลนแค่ 10 กิโลเมตรเท่านั้น
2
ส่วนรูปนั้นมาได้อย่างไร? คำตอบคือในฤดูกาล 2001-02 ทีมฟุตบอลอาชีพทีมแรกที่ให้โอกาสเคนไปเข้าร่วมอะคาเดมี่ ก็คืออาร์เซน่อล โดยเขาไปฝึกร่วมกับสโมสรอยู่ 1 ปี แล้วระหว่างนั้น อาร์เซน่อลชุดใหญ่ของอาร์แซน เวนเกอร์ ดันได้แชมป์ลีกพอดี ท่ามกลางบรรยากาศทุกคนเฮฮาในสโมสร จะให้เขาทำอย่างไรล่ะ มันก็ต้องร่วมเฮไปด้วยนั่นแหละ เด็กวัย 8 ขวบ จะซึมซับความเกลียดชังระหว่างสองสโมสรมากแค่ไหนเชียว
3
เคนกล่าวว่า "วันนั้นผมก็อยากใส่เสื้อสเปอร์สนะ แต่คิดว่ามันก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ตอนนั้นผมแค่ 8 ขวบเอง และเล่นกับอะคาเดมี่ของพวกเขา ผมอยู่ที่นั่นก็เพื่อเล่นฟุตบอลแค่นั้นเอง"
คำอธิบายของเคน โดนกล่าวหาว่าฟังไม่ขึ้น แฟนอาร์เซน่อลก็บอกว่า โถ่เอ๊ย ยอมรับไปเถอะ ไม่เห็นแปลกเลย เหมือนไมเคิล โอเว่น หรือ สตีฟ แม็คมานามาน ก็เป็นแฟนบอลเอฟเวอร์ตัน ก่อนจะมาเข้าอะคาเดมี่ของลิเวอร์พูลนั่นแหละ ยุคนั้นอาร์เซน่อลยิ่งใหญ่จะตาย เคนจะชอบมาก่อนก็ไม่แปลกหรอก
เคนได้แต่เก็บความแค้นที่โดนแซะเอาไว้ จนมาถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2015 สเปอร์ส เปิดบ้านเจออาร์เซน่อล ที่ไวท์ฮาร์ทเลน เกมนี้เคนเล่นได้ท็อปฟอร์ม และยิงคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้สเปอร์สชนะ 2-1 ซึ่งพอยิงได้เขาวิ่งดีใจอย่างบ้าคลั่งไปเฮอยู่ต่อหน้ากองเชียร์ ไม่มีท่าทางสักกะนิดเดียวว่ามีเยื่อใยอะไรให้อาร์เซน่อลมาก่อน
หลังจบเกม เคนให้สัมภาษณ์ว่า "มันยอดเยี่ยมไปเลยที่ยิงประตูเพื่อกลบประเด็นเกี่ยวกับรูปนั้นได้ ผมชัดเจนมาตลอดนะ ว่าเป็นแฟนบอลสเปอร์สมาชั่วชีวิต นี่คือวันที่ผมภูมิใจมาก อยากบอกว่าที่บ้านของผมเราเป็นแฟนสเปอร์สแทบทั้งบ้าน และบ้านผมก็อยู่ห่างจากสโมสรแค่ 15 นาที ดังนั้นผมโตมาด้วยการเป็นแฟนสเปอร์สตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว"
1
เอาเป็นว่าจบดราม่ากันไป จากนั้นมาก็ไม่มีแฟนอาร์เซน่อลยกรูปนี้มาแขวะอีก มันก็คล้ายๆ กับ กรณีของสตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ตอนเด็กคุณลุงจับยัดใส่เสื้อบอลเอฟเวอร์ตัน คือเด็กๆ ผู้ใหญ่ให้ทำอะไรก็ทำไป ไม่ได้รู้ถึงความเกลียดชังระหว่างคู่แค้นอะไรขนาดนั้น
4
หลังจากเป็นเด็กฝึกหัดของอาร์เซน่อล 1 ปี เคนย้ายไปอยู่กับวัตฟอร์ดช่วงสั้นๆ แล้วมาลงเอยที่อะคาเดมี่ของสเปอร์ส ตอนเขาอายุ 13 ขวบ
เคนเริ่มเล่นจากมิดฟิลด์ตัวรับ แต่สักพักโค้ชก็จับเขาเล่นตำแหน่งอื่น เช่นกองกลางตัวรุก และปีก คือลองมาหมดแล้ว โดยอเล็กซ์ อิงเกิลธอร์ป โค้ชทีม u-18 ของสเปอร์ส ยอมรับว่าเคน "อ่านเกมเก่ง จ่ายบอลดี ยิงประตูได้แม่นยำ"
เมื่อโตขึ้นอีกหน่อย เคนมีส่วนสูงเพิ่มเป็น 187 เซนติเมตร เขาจึงโดนปรับมาเล่นกองหน้า
ปัญหา ณ เวลานั้นคือสเปอร์สเอง ยังไม่รู้จะใช้งานเคนอย่างไรได้เต็มประสิทธิภาพ ถามว่ามีพรสวรรค์ไหมก็มี ยิงประตูได้ไหม ก็พอยิงได้ แต่สุดท้ายมันยังเหมือนขาดอะไรบางอย่าง มันยังไม่เปล่งประกายมากพอ
2
เมื่อเคนก็จัดว่าเก่ง แต่ยังไม่เก่งพอจะขึ้นชุดใหญ่ได้ ทิม เชอร์วู้ด ผู้ช่วยผู้จัดการทีมสเปอร์สขณะนั้น จึงตัดสินใจว่าถ้านักเตะไม่สามารถพัฒนาได้ที่อะคาเดมี่ งั้นลองส่งไปที่สโมสรอื่นๆ แบบยืมตัวดูสิ บางทีผู้เล่นอาจจะไปเติบโตที่อื่นแทนก็ได้
เช่นเดียวกับคริส แรมซีย์ หัวหน้าทีมพัฒนาเยาวชนของสเปอร์ส ที่กล่าวว่า "เราคิดว่ามันสำคัญสำหรับแฮร์รี่ ที่จะย้ายทีมแบบยืมตัว ณ เวลานั้นมีนักเตะหลายคนมาก ที่มีศักยภาพเหนือกว่าเขา ดังนั้นเขาควรจะไปเรียนรู้ประสบการณ์จากทีมอื่นๆ และไปซึมซับบรรยากาศในห้องแต่งตัวของทีมระดับซีเนียร์เสียก่อน แม้จะเป็นในลีกล่างก็ตาม"
2
นักเตะดาวรุ่งหลายคน ถ้าโดนส่งให้ทีมเล็กๆ ยืมตัวอาจจะไม่ชอบใจ นั่นเพราะแปลว่าสโมสรไม่ได้มั่นใจในตัวคุณเลย ลองดูผู้เล่นกองหน้าทีมชาติอย่าง ไมเคิล โอเว่น หรือ เวย์น รูนี่ย์ สิ สโมสรไม่ส่งไปให้ใครยืมตัวหรอก แต่จับลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ไปเลย
แต่กับเคนไม่ใช่อย่างนั้น เขาเองก็ยอมรับว่าฝีเท้าตัวเองยังไม่ดีพอจะเบียดขึ้นไปแย่งตำแหน่งกับรุ่นพี่ได้ ดังนั้นระหว่างนี้ เขาจะย้ายทีมแบบยืมตัว เพื่อไปหาคำตอบว่า จิ๊กซอว์ส่วนไหนที่เขายังขาดไป
นั่นทำให้ในช่วง 3 ปีของเคนต่อจากนี้ เขาจะร่อนไปทั่วอังกฤษ ขึ้นเหนือลงใต้ไปภาคตะวันออก เพื่อเรียนรู้ฟุตบอลจากที่อื่น และทำให้ตัวเอง เป็นกองหน้าที่ดีกว่านี้
[ สโมสรที่ 1 เลย์ตัน โอเรียนต์ ระดับลีกวัน ]
2 มกราคม 2011 เคน พร้อมกับเพื่อนอีกคนจากอะคาเดมี่ คือทอม แคร์โรลล์ โดนส่งไปอยู่กับเลย์ตัน โอเรียนต์ทีมเล็กๆ ในเลเวลลีกวัน นี่คือสัมผัสแรกของเขาในฐานะนักเตะอาชีพ
2
รัสเซลล์ สเลด ผู้จัดการทีมเลย์ตัน โอเรียนต์ กล่าวว่า "เขาเป็นเด็กผอมแห้งแรงน้อย ผมว่าเขาหนักแค่ราวๆ 8 สโตนเองมั้ง!" (50 กิโลกรัม)
1
เกมแรกในชีวิตนักฟุตบอลอาชีพของเคน คือวันที่ 15 มกราคม 2011 เลย์ตัน โอเรียนต์ ไปเยือนโรชเดล ที่สนามสปอตแลนด์ สเตเดี้ยม เขาโดนเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 75 ได้โอกาสโชว์ลวดลายประมาณ 15 นาที
2
ปรากฏว่าเคนเล่นไม่ได้เลย เขาเล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า "ผมมีความตั้งใจอยากจะประเดิมสนามให้ดี ในวันนั้นผมจำได้ว่า สภาพสนามเฉอะแฉะมาก และเวลาผมได้บอลปั๊บก็โดนใครที่ไหนไม่รู้รุมกระแทกจนกระเด็นกระดอนไปหมด"
1
เกมแรกกับโรชเดลจบไป โดยเคนทำอะไรไม่ได้เลย เกมจบลงด้วยสกอร์ 1-1 คือทันทีที่เคนจับบอล เขาก็โดนอัดกลิ้ง
1
วันนั้นเคนใส่สตั๊ดสีขาว พอเกมจบสตั๊ดเต็มไปด้วยโคลนจนไม่เหลือความขาว และสิ่งที่เขาได้เรียนรู้คือ นี่แหละเกมฟุตบอลระดับอาชีพ มันไม่ได้มีแต่ความสวยงาม หรือเปี่ยมไปด้วยเทคนิคแบบพรีเมียร์ลีก แต่มันมีเกมที่เหมือนการต่อสู้ข้างถนนกันแบบนี้อยู่ด้วย
3
เคนค้นพบว่าในลีกเล็กๆ คู่แข่งเล่นกันหนักมาก กองหลังลีกวันไม่มีการยืนดูเชิงคู่แข่งอะไรทั้งสิ้น ไม่มีนักเตะอย่างริโอ เฟอร์ดินานด์ หรือ อเลสซานโดร เนสต้า ที่คุมเกมรับเหนือๆ แต่เต็มไปด้วยขาโหด ที่พร้อมจะเตะกองหน้าคู่แข่งให้กลิ้ง
2
ดังนั้นถ้าอยากเอาตัวรอดในลีกวัน เขาต้องพัฒนาร่างกายของตัวเองให้แข็งแรงขึ้นกว่านี้อีก จะเป็นหัวหอกผอมบางเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว
3
เช่นเดียวกับเรื่องทักษะการจบสกอร์ เมื่อก่อนเขาชอบยิงแบบเล่นทางให้เสียบมุม แต่ในเกมลีกวัน คู่แข่งบีบเข้ามาเร็วมากจริงๆ แต่ละคนจะกรูเข้ามาโดยไม่เปิดช่องให้คุณได้ปั่นโค้งแบบสวยๆ เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่ทำได้ คือต้องรีบยิงเต็มแรงก่อนจะโดนแย่งบอล
3
เมื่อรู้ว่าควรจะทำอะไร เคนจึงมุ่งมั่นพัฒนาสิ่งที่ตัวเองขาด เขาเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงขึ้น และฝึกพัฒนาการยิงประตู คือยิงแรงน่ะยิงได้ แต่ทำอย่างไรให้มันแม่นยำด้วย
รัสเซลล์ สเลด กล่าวว่า "สิ่งที่เคนโดดเด่นชัดเจนเลยคือความตั้งใจ เขาตั้งใจมากจริงๆ ที่จะทำผลงานให้ดี ดังนั้นเขาจึงซ้อมเพิ่มจากโปรแกรมปกติ ซึ่งกับเด็กอายุ 17 เป็นเรื่องไม่ธรรมดาแล้ว"
แม้จะมาจากทีมใหญ่ แต่เคนก็ถ่อมตัว ไม่ได้โอหังว่าตัวเองเป็นผู้เล่นจากอะคาเดมี่ของทีมระดับท็อปของประเทศ แต่เขาค่อยๆ เรียนรู้จากรุ่นพี่ในทีม ยกระดับตัวเองไปช้าๆ
5
"ถ้ามีคนถามผมในตอนนั้นว่า อนาคตเด็กคนนี้จะมาเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษ และเป็นสุดยอดกองหน้าในพรีเมียร์ลีกหรือไม่ ผมคงบอกว่าบ้าไปแล้ว แต่เขาก็มีพรสวรรค์อยู่นะ" สเลดกล่าวเสริม
1
ใช่ เคนเป็นผู้เล่นที่ดี แต่ยังต้องเจียระไนเพิ่มอีกเยอะ
2
ครึ่งปีผ่านไป เคนลงเล่นให้เลย์ตัน โอเรียนต์ไปทั้งหมด 18 นัด ยิงได้ 5 ประตู สำหรับดาวรุ่งที่ไม่เคยเล่นฟุตบอลอาชีพมาก่อน นี่คือผลงานที่โอเคแล้ว และที่สำคัญกว่านั้น เขาได้เข้าใจว่า การจะเป็นกองหน้าคุณจะเทคนิคดีอย่างเดียวไม่พอ แต่ร่างกายต้องแข็งแรงด้วย เพราะมีคู่แข่งจำนวนไม่น้อย ที่คุณต้องใช้พลังในการเอาตัวรอดไปให้ได้
[ สโมสรที่ 2 : มิลล์วอลล์ ระดับแชมเปี้ยนชิพ ]
เคนกลับมาที่สเปอร์ส และได้ลงเล่นในเกมยูโรป้าลีกไป 6 เกม โดยในวันที่ 15 ธันวาคม 2011 สเปอร์สไปเยือนทีมแชมร็อค โรเวอร์ส ของไอร์แลนด์ ก่อนเอาชนะไป 4-0 โดยเคนลงสนามในฐานะตัวสำรอง และยิงประตูแรกของตัวเองกับสเปอร์สได้สำเร็จในนาที 90
1
จังหวะที่ยิง เคนใช้แผ่นหลังของตัวเองกระแทกคู่แข่งไม่ให้เข้าใกล้ได้ ก่อนตวัดยิงเข้าไป ซึ่งนี่เป็นทักษะที่เขาเรียนรู้มาจากเลย์ตัน โอเรียนต์ บางครั้งร่างกายที่แข็งแรงก็มีส่วนสำคัญในการยิง ไม่แพ้เรื่องเทคนิค
1
แม้จะยิงได้ แต่ในมุมของสเปอร์ส ก็คิดว่าเคนยังไม่ดีพอที่จะเบียดแย่งตัวจริงจากทีมชุดใหญ่ได้ ดังนั้นวันที่ 2 มกราคม 2012 จึงปล่อยเคนยืมตัวอีกครั้ง ให้กับสโมสรมิลล์วอลล์ ในระดับแชมเปี้ยนชิพ โดยส่งไปพร้อมกับมิดฟิลด์รุ่นพี่หนึ่งคน ชื่อไรอัน เมสัน
2
เรื่องสกิลฝีเท้า เคนในวัย 18 พัฒนาขึ้นอย่างน่าประทับใจมาก จนคนที่มิลล์วอลล์รู้สึกทึ่ง อลัน ดันน์ กัปตันทีมมิลล์วอลล์เล่าว่า "วันหนึ่งระหว่างการซ้อม เขายิงประตูสวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาในชีวิต ผู้รักษาประตูขว้างบอลไกล ก่อนที่เคนจะเกี่ยวบอลหลบกองหลัง ก่อนจะยิงเปรี้ยงเดียวเสียบมุมที่แคบที่สุดเข้าประตู ผมเห็นแล้วยังนึกว่ามาร์โก แวน บาสเท่นมาเอง"
3
สิ่งที่เคนได้รับจากช่วงเวลาที่มิลล์วอลล์ไม่ใช่เทคนิคเทพๆ แต่เป็นเรื่องการต่อสู้กับความกดดัน
1
กล่าวคือ ในวันที่เคนไปถึง ณ เวลานั้นมิลล์วอลล์อยู่อันดับ 21 ของแชมเปี้ยนชิพ คือจ่อที่จะตกชั้นมาก นี่่คือครั้งแรกจริงๆ ที่เคนต้องลงเล่นกับทีมหนีตาย
2
สเปอร์สเป็นทีมใหญ่ ไม่ต้องดิ้นรน ส่วนเลย์ตัน โอเรียนต์ ก็ระดับกลางตาราง แต่ที่มิลล์วอลล์นั้น มันบีบคั้นทุกแมตช์ แต้มที่ต่างกัน 1 คะแนน อาจส่งผลให้ทีมร่วงได้เลย
นี่คือเรื่องใหม่ที่เคนได้เรียนรู้ และมันจะเป็นรากฐานสำคัญ ที่ทำให้เขารับมือกับแรงกดดันที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่านี้ในอนาคตได้ด้วย
2
มิลล์วอลล์ เริ่มจากอันดับ 21 แต่พอได้ตัวเคนเข้าไปช่วยกลางซีซั่น ทีมค่อยๆ ไต่อันดับมาเรื่อยๆ มาอันดับ 20 19 18 17 และจบซีซั่นที่อันดับ 16 สุดท้ายมีแต้มห่างจากทีมตกชั้นมากถึง 17 คะแนน ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อมาก
1
เคน ลงเล่นให้มิลล์วอลล์ไป 22 นัดในแชมเปี้ยนชิพ ยิงไป 7 ประตู จบซีซั่นคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสโมสร ทั้งๆที่ลงเล่นแค่ครึ่งฤดูกาลเท่านั้น
1
หลังหมดสัญญายืมตัว เคนกล่าวว่า "ช่วงเวลาที่มิลล์วอลล์ เป็นส่วนสำคัญในเส้นทางการพัฒนาของผม ตอนนั้นผมอายุ 18 และการช่วยทีมดิ้นรนหนีตาย มันเปลี่ยนผมจากเด็กน้อยให้เป็นผู้ใหญ่ ผมต้องเล่นในสภาวะตึงเครียด เกมที่กดดันสูง แต่สุดท้าย ผมก็ไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ"
1
[ สโมสรที่ 3 : นอริช ระดับพรีเมียร์ลีก ]
เคนหมดสัญญากับมิลล์วอลล์ กลับมาที่สเปอร์ส ตอนนั้นเขาอายุ 19 ปี
ด้วยความที่สเปอร์ส ยังมีนักเตะซีเนียร์ขวางหน้าเขาอยู่ ทั้งเอ็มมานูเอล อเดบายอร์, เจอร์เมน เดโฟ และคลินท์ เดมพ์ซีย์ ก็เป็นที่ชัดเจนว่า ยังเร็วเกินไปนัก ที่เคนจะได้โอกาส
1
ทีมไก่เดือยทองจึงปล่อยเคนยืมตัวอีกครั้ง แต่คราวนี้ ไปสู่ระดับที่สูงขึ้น นั่นคือพรีเมียร์ลีก กับสโมสรนอริช ซิตี้
ตอนที่เคนย้ายตัว เป็นช่วงพักเบรกทีมชาติพอดี จอห์น รัดดี้ นายทวารของนอริช ที่ติดทีมชาติอังกฤษ จึงมีโอกาสคุยกับเจอร์เมน เดโฟ และถามว่า ฝีเท้าของเคนเป็นอย่างไร ซึ่งเดโฟตอบว่่า
1
"เขาไม่ใช่นักเตะที่เร็วที่สุด ไม่ใช่นักเตะที่ร่างกายแข็งแรงที่สุด และไม่ได้โหม่งบอลเก่งที่สุด แต่เขามีการเคลื่อนที่ ที่ถูกต้องเสมอ และปิดสกอร์ได้เด็ดขาดมาก"
เคนทำให้ทุกคนประทับใจด้วยการซ้อมหนักตั้งแต่วันแรก ในขณะที่เพื่อนๆ ซ้อมตามรูทีนเสร็จแล้ว เคนขอซ้อมต่อคนเดียว 45 นาที จนไม่เคยกินข้าวพร้อมเพื่อนเลยสักครั้ง
ด้วยฝีเท้าที่ดี บวกกับความมุ่งมั่น แถมตอนนั้นเคนติดทีมชาติ u-21 แล้ว หลายคนก็มั่นใจว่า เขาน่าจะแย่งตัวจริงมาจาก แกรนท์ โฮลท์ และ สตีฟ มอร์ริสัน ได้อย่างไม่ยากนัก
เคนเปิดตัวได้ไม่เลวนัก เขาลงเล่นตัวจริงในลีกคัพรอบ 3 นัดเจอกับดอนคาสเตอร์ และเป็นคนแอสซิสต์ให้อเล็กซานเดอร์ เททเทย์ ยิงประตูชัยพาทีมชนะ 1-0
แต่แล้วในนาทีที่ 50 เคนโดนเตะร่วงในเขตโทษ ต้องเปลี่ยนตัวออกทันที ปรากฏว่ากระดูกฝ่าเท้าแตก ต้องเข้ารับการผ่าตัด ก่อนพักยาว 4 เดือน
1
นี่เป็นอาการบาดเจ็บที่หนักที่สุดตั้งแต่เขาเล่นฟุตบอลมา และกว่าจะกลับมาได้ ก็ปลายเดือนธันวาคม
2
เมื่อกลับมา เคนต้องมาเรียนรู้จังหวะของนอริชใหม่ กับสไตล์บอลโยนบอมบ์ อย่างไรก็ตาม เคนไม่สามารถแย่งตัวจริงจากโฮลท์ และ มอร์ริสันได้ ก่อนถูกนอริชส่งไปเล่นในทีมสำรอง
สรุปแล้ว ระยะเวลาครึ่งปี ที่เคนย้ายไปนอริช เขาได้ลงเล่นทุกถ้วยรวมกันแค่ 5 เกม เป็นตัวจริง 3 เกม ยิงตรงกรอบรวม 1 ครั้ง และไม่มีประตูแม้แต่ลูกเดียว
นั่นเป็นช่วงเวลาที่หดหู่สำหรับเคนมาก เขาเข้าใจแล้วว่า สำหรับนักฟุตบอลอาการบาดเจ็บ เป็นเรื่องที่ร้ายกาจที่สุด มันจะหยุดพัฒนาการ และโอกาสของคุณไปเลย ดังนั้นเคนจะเล่นฟุตบอลอย่างระวังมาก ที่จะไม่เสี่ยงให้ตัวเองต้องบาดเจ็บแบบนั้นอีก
นอริชปล่อยเคนกลับสเปอร์ส แบบไม่ได้เสียดายอะไรนัก และเคนก็ได้เข้าใจคำว่าผิดหวังเป็นครั้งแรกในอาชีพ
1
[ สโมสรที่ 4 : เลสเตอร์ ซิตี้ ระดับแชมเปี้ยนชิพ ]
เคนย้ายจากนอริช กลับสเปอร์ส ในช่วงเดือนมกราคมปี 2013 แน่นอนว่าไม่มีพื้นที่สำหรับเขาในทีมชุดใหญ่ ดังนั้นสเปอร์สจึงต้องหาทีมให้เคนย้ายไปแบบยืมตัว และสรุปไปลงล็อกที่เลสเตอร์ ซิตี้ ของไนเจล เพียร์สัน
ตอนนั้นเลสเตอร์ กำลังลุ้นเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก ดังนั้นจึงต้องการกองหน้าเป็นกำลังเสริม เพื่อไปแย่งชิงตำแหน่งกับ เดวิด นูเจนท์, คริส วู้ด, มาร์ติน แว็กฮอร์น และ เจมี่ วาร์ดี้
1
เคนผิดหวังกับช่วงเวลาที่นอริช แต่เขาก็บอกตัวเองว่า อาจเป็นเพราะเป็นเลเวลพรีเมียร์ลีกสูงเกินไปสำหรับดาวรุ่งก็ได้ ถ้าเขาได้กลับไปจูนเครื่องตัวเองอีกครั้งในแชมเปี้ยนชิพ อะไรๆ อาจจะเป็นใจมากกว่านี้
1
แต่ปัญหาคือเลสเตอร์ชุดนั้นกำลังลงตัวอยู่แล้ว พวกเขากำลังจะได้เข้าไปเล่นเพลย์ออฟ ดังนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะลองเสี่ยงใช้นักเตะตัวยืมอย่างเคน
สุดท้าย เคนได้เล่นในแชมเปี้ยนชิพ แค่ 12 นัด เป็นตัวจริง 5 นัด และยิงได้ 2 ประตูเท่านั้น
หลายคนน่าจะจำภาพคลาสสิค ในเกมเพลย์ออฟระหว่างเลสเตอร์ กับวัตฟอร์ดได้ ในซุ้มตัวสำรองมีเคนกับวาร์ดี้นั่งอยู่ข้างๆ กัน เหตุผลก็เพราะทั้งคู่ยังแย่งตัวจริงจาก นูเจนท์ และวู้ด ไม่ได้นั่นเอง
ความผิดหวังอีกครั้งจากเลสเตอร์ ทำให้เคนท้อใจมาก เขาเล่าว่า "ขนาดที่เลสเตอร์ผมยังแย่งตำแหน่งไม่ได้เลย ผมก็เลยคิดว่า แล้วจะไปหวังลงตัวจริงกับสเปอร์สได้อย่างไร"
1
แต่สิ่งที่เคนจะได้มาเรียนรู้ในภายหลังคือเรื่องสปิริตของเลสเตอร์ เขาอยู่ในสนามวันที่ทีมแพ้วัตฟอร์ดอย่างเจ็บปวด แต่แค่ 1 ปีต่อมา เลสเตอร์ทีมนี้เลื่อนชั้นได้ในฐานะแชมป์แชมเปี้ยนชิพ
เคนกล่าวว่า "มันทำให้เห็นว่าฟุตบอลเป็นเกมที่ตลกดี ทุกอย่างเปลี่ยนไปได้เร็วมาก ขอแค่คุณตั้งใจทำงานหนักของคุณไป เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ออกมาดีเอง"
[ ทุกประสบการณ์คือการเรียนรู้ ]
นักเตะบางคน ไม่ชอบที่จะถูกปล่อยยืมตัว เพราะมันเหมือนว่าสโมสรไม่เชื่อมั่นในความสามารถของคุณ
1
ในมุมหนึ่งก็อาจจะจริง ถ้านักเตะที่สมบูรณ์พร้อมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องปล่อยยืมไปไหน ก็ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ได้ทันที เหมือนมาร์คัส แรชฟอร์ด กับแมนฯ ยูไนเต็ด, เหมือนเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ของลิเวอร์พูล และ เหมือนฟิล โฟเด้น ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับเคน เขายอมรับว่าการโดนปล่อยตัว 4 รอบ มันทำให้เขาได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาทุกๆด้าน
ที่เลย์ตัน โอเรียนต์ เขาเรียนรู้ว่ากองหน้าแค่ยิงคมอย่างเดียวไม่พอ แต่ร่างกายต้องแกร่งด้วย
ที่มิลล์วอลล์ เขาเรียนรู้การแบกรับความกดดันจากทุกๆ แมตช์ที่ลงแข่งขัน
ที่นอริช เขาเรียนรู้ว่าอาการบาดเจ็บมันโหดร้ายกับอาชีพนักฟุตบอลแค่ไหน
1
และที่เลสเตอร์ เขาเรียนรู้การตกเป็นตัวสำรอง และการรับมือกับความผิดหวัง
การโดนโยกไป แต่ละที่ มันค่อยๆหล่อหลอมให้เคน กลายเป็นกองหน้าที่ดีขึ้น ทั้งฝีเท้า และสภาพจิตใจ
1
พอเคนกลับมาสเปอร์ส ในฤดูกาล 2013-14 อันเดร วิลลาช-โบอาช โดนไล่ออกในเดือนธันวาคม และคราวนี้ ทิม เชอร์วู้ด รับบทบาทเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราว ก่อนจะดันเคนขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ลีก
1
หลายคนพูดตรงกันว่าเด็กคนนี้ ฝีเท้าเกินอายุ ไม่ใช่แค่ยิงคม แต่เยือกเย็นกับสถานการณ์ตรงหน้า แรงกดดันใดๆ ทำอันตรายเขาไม่ได้
เรื่องราวหลังจากนั้น ก็อย่างที่เรารู้กัน เคน ทะยานแรงจากนักเตะดาวรุ่งโดนปล่อยยืม กลายเป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก และกัปตันทีมชาติอังกฤษในที่สุด
เคนให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า "การโดนปล่อยยืม คือประสบการณ์ที่มีค่ามากเหลือเกินสำหรับผม การเลือกย้ายทีมแบบไม่เคยอิดออด อาจเป็นสิ่งดีที่สุดที่ผมเคยทำในอาชีพ"
"กับลีกเล็กๆ ผมได้เรียนรู้การทำงานหนัก ได้เรียนรู้ความผันผวนของเกมฟุตบอลที่มีขึ้นมีลง และผมภูมิใจเสมอที่จะบอกกับทุกคนว่า ผมมีทุกวันนี้ได้ เพราะทีมเหล่านี้"
2
[ สิ่งที่มีค่า ที่คาดไม่ถึง ]
ในโลกของฟุตบอล ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นอัจฉริยะ และสามารถแย่งตัวจริงจากทีมใหญ่ได้ทันที
บางคนก็เป็นเหมือนเคน คือต้องผ่านเส้นทางวิบากมาก่อน และค่อยๆ Shape ตัวตน ให้เป็นรูปเป็นร่าง ต้องใช้เวลาเยอะกว่าจะได้รับโอกาสที่ตัวเองรอคอย
1
สิ่งที่เราเห็นจากเรื่องเคน คือประสบการณ์บางอย่าง เราจะไม่รู้ในแวบแรกหรอก ว่ามันมีค่า
ผมนึกถึงตัวเอง ตอนเรียนมัธยมต้น ณ เวลานั้นผมโดนยัดไปอยู่ชมรมพิมพ์ดีดที่คนขาด ซึ่งก็เซ็งนะ คือใจอยากอยู่ชมรมบาสเกตบอลมากกว่า (แต่คนเต็ม)
แต่ก็เอาวะ จำใจเรียนไปจนจบเทอม ใครจะไปรู้ว่า วิชาพิมพ์ดีดในวันนั้น จะกลายมาเป็นหัวใจสำคัญในอาชีพการงานของผมในวันนี้
หรือตอนเรียนจบ ป.ตรี งานแรกที่ผมทำ คือพิสูจน์อักษร ด้วยความอยากได้งาน ก็รับไว้ก่อน แต่ใครจะไปรู้ ว่ามันช่วยหล่อหลอมเรา ให้ระมัดระวังในการใช้คำในการเขียน ให้ผิดพลาดน้อยที่สุดเหมือนในปัจจุบัน
1
ดังนั้นถ้ามีโอกาสใดๆ เข้ามา แม้จะดูไม่ใช่เส้นทางที่สวยหรู แต่การลองดูไม่ใช่เรื่องเสียหาย
เพราะเราไม่รู้หรอกว่าสิ่งเหล่านั้น ในวันหนึ่ง มันอาจมีความหมายกับเรามากๆ ในอนาคตก็ได้นะ
1
#KANE
18 บันทึก
120
4
16
18
120
4
16
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย