4 ก.ค. 2021 เวลา 07:19 • การศึกษา
การพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
ผมเป็นไกด์ธรรมดาสามัญที่ใช้ภาษาอังกฤษและเยอรมันในการทำงานทำทัวร์
ทุกครั้งที่ผมออกจากบ้านไปทำงานทัวร์ โดยรูปแบบของการทำงาน มันมีหลายเรื่องที่จะต้องนำมาประกอบกัน ก็เหมือนช่างเหล็ก ช่างปูน ช่างปั้น ช่างไม้ และ ช่างเถอะ เพื่อให้เกิดชิ้นงานหรือขึ้นรูปงาน ทำชิ้นงานให้เสร็จ และส่งมอบงาน
งานของไกด์หรือมัคคุเทศก์ก็ไม่ต่างจากงานของช่างทุกสาขาวิชาชีพ แต่ งานของไกด์ ไม่มีรูปร่างของงานที่แน่นอน มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่สามารถจะเอาเครื่องอะไรมาชั่งตวงวัด ผลงานทุกชิ้นมันจึงขึ้นอยู่กับความพอใจของลูกค้าทั้งสิ้น
ส่วนประกอบของงาน คือ คนหรือสิ่งที่จะต้องใช้ เช่น ไกด์ คนขับรถและรถ ตลอดจนวัตถุสัมพัทธ์ต่างๆที่อยู่ตลอดเส้นทางตั้งแต่ต้นจนจบ คือ จากล็อบบี้ของโรงแรม จนกลับมาสู่ล็อบบี้ของโรงแรม เว้นแต่ว่าลูกค้าอยากจะลงจากรถในสถานที่อื่น ...
เข้าสู่ประเด็น
การทำทัวร์ไม่เคยมีอะไรตายตัว บางครั้งต้องทำทัวร์ชนิดต้องเป็นทัวร์จริง ข้อมูลต้องแน่นมากๆ รายละเอียดที่จะต้องทำตามโปรแกรมชนิดที่จะขาดตกบกพร่องอะไรไม่ได้เลย ลดหลั่นลงมาจนถึงว่า ลูกค้าสั่งไกด์ว่าไม่ต้องพากษ์ไม่ต้องอธิบายนะ เพราะเคยมาหลายครั้งแล้ว รู้หมดทุกอย่างทุกเรื่อง ถ้ากูห้ามมึงพากษ์ แล้วมึงไม่ฟัง ยังฝืน ก็ต้องมีเรื่อง ไกด์ที่ฉลาดก็ต้องลดละความมานะอวดดี สงบปากสงบคำไว้ดีกว่า
ประสบการณ์
ครั้งหนึ่ง ผมเคยรับลูกค้าคู่หนึ่ง ผู้ชายเป็นแคนเนเดียน(ต้องบอกว่ามาจากแคนาดา) ผู้หญิงเป็นอาซั่มในภาษากว่างตุ้ง หรือ อาซิ้ม ในภาษาแต้จิ๋ว
ทั้งสองคนสื่อสารกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง เพราะฝ่ายชายไม่รู้ประสา(ภาษา)จีนเลย ส่วนฝ่ายหญิง ถึงจะมาจากฮ่องกง แต่เธอก็พูดอังกฤษสำเนียงจีน ที่ฟังค่อนข้างยาก จึงมีบางครั้งที่ทั้งคู่ขึ้นเสียงเถียงกัน เราเป็นไกด์จึงต้องพากษ์บ้างหยุดบ้างตามสถานการณ์ พอผมทำความรู้จักกับลูกค้าทัวร์จนค่อนข้างสนิทสนมแล้ว ผมจึงชวนคุย
ผมเล่าให้ลูกค้าฟังว่าตอนที่เมืองเซี่ยงไฮ้กำลังจัดงานเอ็กซ์โปเมื่อหลายปีก่อน ผมกำลังรอขึ้นเครื่องที่ประตูทางออกที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผมได้เห็นฝรั่งคนหนึ่งอายุสัก 30 กว่าๆ กำลังคุยด้วยภาษาจีนอย่างคล่องแคล่วกับผู้หญิงชาวจีน ที่ผมคิดเดาเอาว่าต้องเป็นภรรยา เพราะมีเด็กน้อยผู้ชายหน้าตาลูกครึ่ง ผมไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นผัวเมีย แต่ผมทึ่งมากที่เห็นฝรั่งพูดภาษาจีนยังกะคนจีน ถ้าไม่หันไปดูหน้าก็ต้องว่าคนจีน และเนื่องจากเรากดหรือบีบอัดความสงสัยไม่ไหว จึงถูกใจบังคับ(ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว)ให้เดินไปทักและสอบสวนสืบสวนว่าเหตุใดไยท่านจึงต้าอวยได้รวยรื่นเช่นนี้
หนุ่มอเมริกันก็บอกว่า เขาพูดภาษาจีนได้แค่ 80 คำเท่านั้น ผมก็งงเดะ!!! (เฮ้ยนี่มึงกวนตีนกูเหรอ?) เปล่าเลย เขาไม่ได้กวน เขาบอกว่า ภาษาจีนมีแค่ 80 หน่วยเสียง คือในคำไม่รู้กี่แสนกี่ล้านคำ มันออกเสียงไม่เกินไอ้ 80 เสียงนี่แหละ ไม่มีเกิน ก็เหมือนภาษาไทยเรานี่แหละ คือ มีอักษรไทย 44 ตัว แต่ไม่ใช้อยู่ 2-3 ตัว และมีสระ 21 รูป (แต่เสือกออกเสียงได้) 32 เสียง ดังนั้น จะมีคำในภาษาไทยกี่แสนกี่ล้านคำ มันก็ออกเสียงได้ไม่เกินที่บอกไว้ข้างบน
คนที่อ่านที่ผมเล่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ปรากฏว่าคุณชายแคแนเดียนถึงกับทึ่ง หันหน้าไปมองภรรยา แล้วเธอก็บอกว่าใช่! เท่านั้นแหละ ฝรั่งลูกค้าจึงกล่าวขอบคุณผม และพูดว่าเขาและเธอแต่งงานอยู่กินกันมากว่า 10 ปี เขาไม่เคยคิดจะเรียนภาษาจีนเลย แต่พอมาฟังผมพูดวันนี้ เขาบอกเลยว่าเขาเอาเปรียบภรรยามาตลอด เพราะภรรยาต้องพยายามเรียนพยายามพูดภาษาอังกฤษ แต่ต่อจากนี้ไป I will learn to speak Chinese, I promise! ฉันจะเรียนพูดภาษาจีน ฉันสัญญาว่ะ!
ผมบอกว่าผมก็แค่เล่าเรื่องให้ฟัง ฝรั่งบอกนั่นแหละ You talked me into it! ก็มึงนั่นแหละที่พูดจนกูต้องเข้าไปในเรื่องนั้น!
แล้วฝรั่งก็บอกว่า You are a motivational speaker! มึงเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ!
ผมก็ถาม กูเนี่ยนะ? Are you kidding?
ฝรั่งบอก เออ มึงแหละ! Yes, you are! Give up being a guide! เลิกเป็นไกด์เหอะ!
เนี่ยะ กูเลิกเป็นไกด์มาเกือบจะสองปีแระ กูยังสร้างแรงบันดาลใจอะไรให้ตัวกูเองยังไม่ได้เลยว่ะ!
พับผ่า!
สวัสดี
โฆษณา