Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
File Not Found
•
ติดตาม
4 ก.ค. 2021 เวลา 13:24 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
5 ประเด็นสำคัญจาก Raya and the Last Dragon
ภาพยนตร์ Disney ที่สอนให้รู้จักพลังวิเศษที่มีชื่อว่า “ความเชื่อใจ”
.
*มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์*
.
เรื่องราวของอาณาจักร “คูมันตรา” ดินแดนที่งดงามและผาสุก ผู้คนใช้ชีวิตร่วมกับ “มังกร” ตัวแทนของความสงบสุขที่มอบความอุดมสมบูรณ์ให้ผืนดิน
.
แต่แล้ว “ดรูน” เงาดำไร้รูปร่าง ตัวแทนของสิ่งชั่วร้าย ก็ได้เข้ามาทำลายความสงบสุขนั้น หากใครสัมผัสเข้ากับมัน ก็จะต้องกลายร่างเป็นหินไป เหล่ามังกรจึงต้องสละชีวิตเพื่อปกป้องดินแดนแห่งนี้ไว้ เหลือเพียง “ซีซู” มังกรตัวสุดท้ายที่ได้ใช้พลังทั้งหมดจัดการกับดรูน จากนั้นซีซูก็ได้หายไปจากโลกใบนี้ ทิ้งไว้เพียง “มณีมังกร” พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นมรดกชิ้นสุดท้ายของความสงบสุข และควรจะทำให้ผู้คนได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่กลับตรงกันข้าม เพราะดินแดนคูมันตราได้แตกออกเป็น 5 เผ่า และต้องการแก่งแย่งเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังจากมณี
.
นอกเหนือจากเรื่องราวการผจญภัย ความสนุกสนาน และอิ่มเอมไปกับวัฒนธรรมอาเซียนที่ปรากฏในภาพยนตร์ ยังมีใจความหลักเป็นเรื่องของ “ความเชื่อใจ” ในหลากหลายแง่มุม และมีข้อคิดแฝงไว้มากมาย วันนี้เราลองเรียนรู้ข้อคิดจากภาพยนตร์เรื่องนี้ไปพร้อมๆ กันนะครับ
.
#missiontopluto
#missiontoplutopodcast
#activity
#disneyplushotstar
พลังมหาศาลที่เกิดจากความเชื่อใจ
.
.
Sisu : “เมื่อพวกเขาเชื่อมั่นในตัวฉัน มันทำให้ฉันมีพลังมหาศาลกว่าที่ฉันคิด”
ซีซูได้บอกเล่าเรื่องราวที่แท้จริงว่าตัวเธอเองเป็นมังกรที่ไม่ได้มีพลังโดดเด่น ถ้าเทียบกับพี่น้องตัวอื่นๆ เธอก็แค่ว่ายน้ำเก่ง แต่กลับถูกฝากภารกิจสำคัญให้ช่วยเหลือโลกใบนี้ไว้ ตัวเธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมพี่น้องมังกรถึงได้ฝากภารกิจนี้ไว้กับเธอ แต่เธอก็เชื่อใจที่พี่น้องไว้ใจเธอ จนสามารถใช้พลังจัดการกับดรูนให้หมดไปจากโลกใบนี้
.
ความเชื่อใจ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทำสิ่งต่างๆ ให้กับเราได้ เมื่อเรามั่นใจในตัวเอง มั่นใจคนรอบตัว แล้วทำมันอย่างเต็มที่ ผลที่ออกมาจะดีอย่างน่าเหลือเชื่อ เป็นพลังวิเศษที่เกิดขึ้นได้จริง เหมือนกับที่ซีซูทำได้หลังจากได้รับพลังความเชื่อใจจากพี่น้องมังกร
เปิดใจให้กันแม้ในวันที่ยากที่สุด
.
.
ดินแดนคูมันตรา เปรียบเหมือนโลกใบนี้ที่เราเคยอยู่กันอย่างสงบสุข แต่เมื่อมันแตกสลาย ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทำให้มนุษย์ต้องแสวงหาพลังที่จะช่วยเหลือตัวเอง เมื่อต้องอยู่บนโลกที่มีแต่ความลำบาก ใครๆ ก็ต้องเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น แล้วแบบนี้เราจะยังเชื่อใจใครได้ไหมนะ?
.
Raya : “โลกมันพังไปแล้ว เราจะเชื่อใจใครได้อีก?”
Sisu : “บางทีที่มันพังเพราะเธอไม่เชื่อใจใครเลย”
.
บทสนทนาของ Raya และ Sisu ที่สะท้อนมุมมองในเรื่องของ “ความเชื่อใจ” ในยุคที่ใครๆ ก็ลำบากกันทั้งหมด ไม่แปลกที่เราจะต้องยึดประโยชน์ของตัวเองเป็นหลักอย่างที่เขาว่า “เอาตัวรอดไว้ก่อนเป็นยอดดี” แต่ถ้าเราลองสละประโยชน์ส่วนตัวไว้ก่อน แล้วให้ความเชื่อใจ ร่วมมือกันทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นได้เพื่อทุกคน มันจะดีกว่าไหม?
.
Sisu : “ถ้าเธออยากได้ความเชื่อใจ ก็ต้องเริ่มให้เขาก่อน”
.
ในตอนท้ายของเรื่อง แม้ Raya จะเชื่อมั่นว่าคูมันตราจะกลับมารวมกันได้อีกครั้ง แต่โลกที่พังทลายทำให้เธอถูกหักหลังมาหลายครั้ง ความเชื่อใจในมนุษย์ ก็ค่อยๆ เลือนลางหายไป แต่เมื่อถึงที่สุดแล้ว เธอก็นึกถึงคำพูดของซีซู ยอมลดความโกรธแค้น เปิดใจและมอบ “ความเชื่อใจ” ให้กับคนที่หักหลังเธออย่างเจ็บแสบมานับครั้งไม่ถ้วน จนสามารถจัดการกับดรูนจนหมดไปได้ เหมือนกับที่ซีซูเคยทำในอดีต หลังจากที่เธอได้เริ่มมอบความเชื่อใจ และเปิดใจให้กับผู้คน สิ่งดีๆ ก็เกิดขึ้นตามมา ปัญหาความแค้นที่มีได้หายไป ดินแดนคูมันตรากลับมารวมกันอีกครั้งตามความตั้งใจ
เรียนรู้จากความผิดพลาดและแก้ไขอย่างมุ่งมั่น
.
.
สิ่งต่างๆ อาจไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น และระลึกไว้เสมอว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ตัวละคร Raya แม้จะเปี่ยมไปด้วยความสามารถ การต่อสู้ การเอาตัวรอด แต่จุดหนึ่งที่ทำให้เธอกลายเป็นที่รักของผู้ชมทั่วโลกได้ก็คือ “การยอมรับ และเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเอง”
.
Namari : “อย่าลืมว่าเธอก็มีส่วนผิดพอๆ กับฉัน”
.
หลังจากการตายของซีซู ทั้ง Namari และ Raya ก็ได้ต่อสู้กันเพื่อชำระแค้นที่สะสมมาทั้งหมด แต่หลังจากการต่อสู้จบลง รายาก็ได้ตระหนักถึงข้อผิดพลาดของตัวเองที่ไม่เชื่อใจในตัวนามาริ จนทำให้ซีซูต้องตาย ทำให้ในตอนสุดท้ายเธอแก้ไขความผิดพลาดด้วยการเปิดใจ และยอมเชื่อใจ มอบมณีมังกรให้อยู่ในมือของนามาริ จนเป้าหมายสำเร็จลุล่วง โลกกลับเป็นปกติสุขได้อีกครั้ง
อย่าตัดสินหนังสือด้วยหน้าปก อย่าตัดสินคนด้วยหน้าตา
.
.
ตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เล่าถึงลักษณะของ “เผ่าสันหลัง” ที่มีความหยาบกระด้าง ป่าเถื่อน น่ากลัว ซึ่งใครๆ ก็เชื่อตามนั้นว่าทุกคนในเผ่าจะต้องโหดร้ายน่ากลัวเหมือนกับที่เคยได้ยินมาแน่ๆ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น
.
ตัวละคร “ทอง” ชาวเผ่าสันหลังที่เหลือรอดคนสุดท้าย ชายร่างใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา ดูป่าเถื่อนน่ากลัวตามคำบอกเล่าที่บรรยายถึงเผ่าสันหลังทุกประการ แต่เมื่อมองไปดี ๆ จะพบว่าเขาคือคนที่อบอุ่น และใส่ใจรายละเอียดของคนอื่นยิ่งกว่าใครในเรื่องนี้ สังเกตได้จากตอนที่เขาคือคนเดียวที่รู้ชื่อของ “น้อย” ยัยหมวยสุดแสบประจำเรื่อง เพราะชื่อของเด็กคนนี้ถูกปักไว้บนปกเสื้อ แต่ไม่เคยมีใครสังเกตเห็น
เพราะแตกต่าง จึงล้ำค่า
.
.
เสน่ห์อย่างหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการรวมทีมนักล่ามณีมังกร ที่ดูไม่น่าจะเข้ากันได้ ทุกคนมีความแปลกแยก แตกต่าง แต่ความแตกต่างนี่แหละที่ทำให้ทีมนี้แข็งแกร่ง
.
มนุษย์ทุกคนมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แต่ก็เพราะเราเป็นมนุษย์ เราจึงมักจะผิดพลาดจากข้อด้อยที่ตัวเองมี
แต่เมื่อเรามีคนรอบข้างที่คอยช่วยเหลือด้วยการเข้าอกเข้าใจ ยอมรับกันและกัน
จากข้อด้อย ก็กลายเป็นข้อดีได้ และนั่นทำให้แต่ละคนมีความหมายและเฉิดฉายได้อย่างเป็นตัวของตัวเอง
.
.
#missiontopluto
#missiontoplutopodcast
#activity
#disneyplushotstar
3 บันทึก
2
4
3
2
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย